บทที่ 3. งาน ของจริง
ปานชนกหลับไปทันทีที่รถเคลื่อนออกจากโครงการ คงเป็นเพราะความเหนื่อยอ่อนและเพราะยานอนหลับที่เขาใส่ไว้ในน้ำดื่มเธอจึงหลับไปอย่างง่ายดายทั้งที่ปานชนกพยายามฝืนเปลือกตาที่หนักอึ้งเอาไว้แต่สุดท้ายเธอก็พ่ายแพ้ให้กับความอ่อนเพลียและความง่วงงุน ครูซปรายตามองคนที่หลับสนิทไปแล้วถอนใจเบาๆ ดวงตาคมทอดมองไปเบื้องหน้าด้วยความคิดหลากหลาย
“ที่ให้เตรียมไว้เรียบร้อยหรือยัง” ครูซโทรศัพท์ถามคนสนิทเสียงเข้มและเมื่อได้คำตอบก็วางสายแล้วหันมามองคนที่หลับสนิทอยู่ข้างๆ อีกครั้ง
“ขอต้อนรับสู่การแก้แค้นอย่างเต็มรูปแบบนะนิกกี้..” ชายหนุ่มเลี้ยวรถเข้าสู่อาณาเขตไร่กาแฟอันกว้างใหญ่ของตนซึ่งแบ่งพื้นเป็นการทำผักปลอดสารพิษและพืชสวนครัวตลอดจนพืชไร่บางอย่างตลอดจนไม้ผลและนาข้าว รวมไปถึงการแปรรูปผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรและการทำปศุสัตว์ออกเป็นสัดส่วนอย่างพอดี ซึ่งครูซได้ทำตามแบบโครงการหลวงที่เขาไปดูไปศึกษามาหลายที่แล้วปรับใช้ให้เข้ากับพื้นที่ของตนเองที่จัดสรรไว้โดยเขาจะปลูกพืชต่างๆ ไว้เพื่อให้คนงานได้เกี่ยวกินและทำอาหารในแต่ละมื้อโดยไม่ต้องไปซื้อเพื่อเป็นการประหยัดและลดคาใช่จ่ายของคนงาน
เมื่อรถมาจอดหน้าบ้านพักหลังงามขนาดย่อมของตนครูซก็อุ้มร่างระหงของปานชนกไปที่เรือนพักคนงานหญิงซึ่งอยู่ถัดไปจากบ้านพักของเขาประมาณสองร้อยเมตร
“ป้ารุ่ง ช่วยดูแลเธอด้วยนะครับ พรุ่งนี้เมื่อเธอตื่นก็ให้เธอไปทำงานได้เลย..”
“ป้าไม่เข้าใจว่าคุณช้างจะทำแบบนี้ทำไมคะ” ป้ารุ่ง แม่บ้านเก่าแก่ที่อยู่กับครอบครัวของเขามาจนกลายเป็นผู้ใหญ่ที่เขานับถือยกย่องเอ่ยถามขณะมองคนที่หลับพริ้มอยู่บนฟูกเก่าๆ ในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ
“ก็เพราะผมต้องการแก้แค้น ที่พ่อของเธอทำกับนิกกี้ไงครับ”
“แต่ผู้ชายคนนั้นก็ได้รับผลกรรมของตัวเองแล้วนี่คะ แล้วเธอก็ตัวแค่นี้บอบบางเสียขนาดนี้จะทนได้หรือคะ เธอไม่ได้เกี่ยวข้องกับการตายของนิกกี้นะคะ” ป้ารุ่งนอกจากจะเป็นคนที่เขานับถือแล้วนางยังเป็นป้าของนิลาวัลย์ด้วย และนางก็เลี้ยงดูนิลาวัลย์มาตั้งแต่เล็กๆ หลังจากที่พ่อแม่ของนิลาวัลย์เลิกกันป้ารุ่งก็พานิลาวัลย์กับแม่มาทำงานที่ไร่ของบิดา และทำให้เขาพบกับสาวน้อยตาสีฟ้าน่ารักสดใสจนความรักงอกงามจนถึงขั้นจะแต่งงานกัน...
“ป้าไม่แค้นหรือครับที่พ่อของเธอทำร้ายนิกกี้ เธอเป็นลูกของผู้ชายสารเลวคนนั้น คนที่พรากนิกกี้ไปจากเรา” น้ำเสียงของเขาเจ็บปวดดวงตาคมมีแต่ความรวดร้าว
“ป้าแค้นค่ะ และเจ็บปวดอยู่เสมอ แต่ป้าเก็บความเจ็บปวดนั้นไว้กับอดีตค่ะ แค้นเคืองไปก็ไม่ช่วยให้นิกกี้ฟื้นขึ้นมา มีแต่จะทำให้นิกกี้ทรมานเพราะสิ่งที่คุณทำ ปล่อยเธอกลับไปเถอะนะคะ”
“เธอเป็นของผมแล้วป้ารุ่งและเธอจะต้องทำทุกอย่างที่ผมต้องการ เธอจะต้องได้รู้ว่าต้องเจอกับอะไรบ้าง และพ่อของเธอทำอะไรไว้บ้าง..”
“โธ่คุณช้าง..” ป้ารุ่งครางในอก ครูซ หรือ คชา มีชื่อเล่นที่ทุกคนที่นี่เรียกว่า คุณช้าง หรือ นายช้าง
“ถ้าป้าเห็นแก่ผมและไม่อยากให้เธอถูกกระทำเหมือนนิกกี้ ป้าจะต้องสอนให้เธอทำงานในไร่ทุกอย่าง หวังว่าป้าจะเข้าใจ” พูดจบชายหนุ่มก็เดินกลับไป ปล่อยให้ผู้สูงวัยมองตามอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร ก่อนจะหันมามองคนที่หลับไม่รู้เรื่องอยู่ตรงหน้า เจ้าหล่อนคงถูกครูซวางยามาถึงได้หลับสนิทเช่นนี้
“หวังว่าการที่คุณช้างพาคุณมาที่นี่มันจะมีอะไรที่พิเศษกว่าการแก้แค้นนะคะ อย่างน้อยๆ ป้าก็หวังว่าคุณจะทำให้ความแค้นในใจของคุณช้างหายไป...” ป้ารุ่งพูดพลางเช็ดเนื้อเช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ปานชนกอย่างไม่รังเกียจแต่กลับรู้สึกเอ็นดูหญิงสาวอยู่ไม่น้อย
ไม่ใช่นางไม่รู้จักปานชนก แต่นางรู้จักเธอดีเชียวล่ะเพราะทุกอย่างทุกเรื่องของปานชนกครูซได้บอกกล่าวแก่นางไว้ และเมื่อนางเห็นรูปของปานชนกเห็นแววตาที่บางครั้งก็เศร้าสร้อยเคว้งคว้างของปานชนกนางก็เข้าใจได้ทันทีว่าหญิงสาวคนนี้มีปมบางอย่างในใจ และมีอะไรที่คล้ายๆ หลานสาวของนางที่แม้จะร่างเริงสดใสแต่ภายในใจนั้นกลับโหยหาความรักและมีความดื้อรั้นเอาแต่ใจอยู่ในตัว จะว่าไปใบหน้าปานชนกก็ละม้ายคล้ายนิลาวัลย์อยู่ไม่น้อยโดยเฉพาะดวงตาซึ่งมันต่างกันแค่สีเท่านั้นดวงตาของปานชนกกลมโตโฉบเฉี่ยวสีน้ำตาลเข้มแต่ดวงตาของนิลาวัลย์เป็นสีฟ้าสดใสเหมือนพ่อซึ่งเป็นชาวอิตาลี...
ซ่า...
“อุ๊ย...” น้ำเย็นๆ ที่กระทบร่างกายทำให้ปานชนกสะดุ้งตื่นผุดลุกขึ้นนั่งอย่างงัวเงียอยู่ไม่น้อยแต่เสียงแว้ดๆ ขอผู้หญิงและแสงสว่างที่แผดจ้าสาดสิ่งเข้ามาทำให้ปานชนกลูบน้ำออกจากใบหน้าของตนออกช้าๆ และขยี้ตาเบาๆ
“ตื่นๆ ตื่นได้แล้ว ได้เวลาทำงานแล้วย่ะ จะมัวมานอนสายโด่งอยู่แบบนี้จะกินแรงคนอื่นเขาหรือไงยะ” เสียงของหญิงสาวคนนั้นยังคงดังรบกวนโสตประสาทปานชนกลุกขึ้นเมื่อตื่นเต็มตาแล้วจ้องหน้าสาวผิวเข้มตาคมผมขาวสยายใบหน้าสวยคมแบบสาวใต้แต่เสียงแว้ดๆ และถังน้ำในมือเจ้าหล่อนทำให้ปานชนกรู้ได้ทันทีว่าใครที่บังอาจเอาน้ำมาสาดเธอถึงห้องนอน
ห้องนอนเหรอ แล้วเธอนอนอยู่ที่ไหนกัน... ปานชนกเหมือนได้สติอีกขั้นหนึ่งหญิงสาวรีบหันมองรอบกายแล้วก้มลงสำรวจตัวเองก็ต้องตกใจเมื่อชุดที่สวมใส่เป็นเพียงเสื้อยืดสีดำเก่าๆ กับกางเกงวอร์มสีกรมท่าไม่มียี่ห้อ และในห้องนี้ก็เป็นห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ มีฟูกนอนเก่าๆ กับหมอนและผ้าห่มไหมพรมลายพร้อยกลางเก่ากลางใหม่เท่านั้น ที่นี่ที่ไหน แล้วครูซไปไหน...
“ที่นี่ที่ไหน..” จากทีแรกตั้งใจจะจัดการหญิงสาวตาคมให้สาแก่ใจปานชนกต้องเปลี่ยนความคิดถามที่มาที่ไปเสียก่อน
“ที่นี่ก็ไร่กาฟ สหกิจรุ่งเรือง น่ะสิ และแกก็เป็นคนงานใหม่ของที่นี่ นายให้มาปลุกแกไปทำงานและให้ฉันสอนงานแก ไปได้แล้วอย่ามาโอ้เอ้นี่สายแล้ว โน่นห้องน้ำนั่นข้าวของใช้ของแก ให้เวลา 5 นาทีแล้วรีบมาพบฉันที่โรงครัว..” หญิงสาวคนนั้นบอกแล้วสะบัดหน้าเดินออกไป ปานชนกรีบวิ่งไปขวางอย่างสงสัย
“เดี๋ยวก่อน เธอว่าอะไรนะ ไร่กาแฟ คนงาน อะไรฉันไม่เข้าใจ”
“โอ้ย นี่หล่อน หน้าตาก็สวยไม่น่าโง่ ที่นี่ไร่กาแฟที่ใหญ่ที่สุดในภาคใต้ ส่งขายทั่วโลกเป็นแหล่งกาแฟที่ดีที่สุด แล้วแกก็เป็นคนงานใหม่ที่นายพามาเมื่อวาน..”
“หา อะไรนะ”
“อย่าให้พูดซ้ำได้มั้ย รำคาญ..”
“เดี่ยวสิ แล้วคนที่พาฉันมาเป็นใคร แล้วคนที่มากับฉันเมื่อวานไปไหน คุณครูซน่ะ” ปานชนกดึงแขนสาวตาคมไว้อย่างไม่อาจจะเข้าใจหรือยอมรับในสิ่งที่เจอได้ เธออาจจะฝันไปปานชนกอยากจะคิดอย่างนั้นแต่เธอเปียกไปทั้งตัวแบบนี้มันไม่ใช่ความฝันแล้ว...
“อ้อ คุณคชาน่ะเหรอ โน่น นายอยู่บ้านหลังโน้น..” สาวตาคมชี้ไปที่บ้านหลังงามที่มีรั้วสีขาวกั้นระหว่างเขตเรือนพักคนงาน ปานชนกปล่อยแขนสาวตาคมแล้วหันมองรอบกายด้วยความหวาดหวั่นและตกใจกับสิ่งที่ได้พบเจอ
เธอกำลังยืนอยู่ในพื้นที่ไร่กาแฟอันกว้างใหญ่เทือกเขาเขียวขจีลดหลั่นกันดูสวยงามน่าเที่ยวชม แต่ในเวลานี้ปานชนกไม่มีอารมณ์จะชื่นชมอะไร เธออยู่ท่ามกลางคนแปลกหน้าในพื้นที่ที่เป็นบ้านพักของคนงานซึ่งเป็นห้องแถวเล็กๆ ราวยี่สิบห้อง มีห้องน้ำรวมอยู่อีกฟากของเรือนพักที่เขียนว่าเรือนพักหญิงและบริเวณเรือนพักมีสวนผักงอกงามเขียวขจีที่มีทั้งผักสวนครัวบ่อเลี้ยงปลาและเล้าไก่ ตลอดจนไม้ยืนต้นเช่นมะม่วง มะพร้าว ขนุนและอีกหลายอย่างที่เธอไม่รู้จักว่าต้นอะไรบ้าง แม้ที่นี่จะดูร่มรื่นน่าอยู่ไม่น้อยแต่ปานชนกกลับหวาดหวั่นและเริ่มโกรธกรุ่นขึ้นมาเมื่อค่อยๆ ลำดับความคิดของตนได้ ครูซหลอกเธอมา เขาทำแบนี้เพื่ออะไร แล้วเขาไปไหนเสียแล้ว...
“ฉันจะไปหาเขา..” ปานชนกจะเดินไปที่เรือนหลังงามที่หญิงสาวคนนั้นชี้บอกโดยไม่สนใจสายตาหญิงสาวหลายคนที่มองมายังตน
“เชิญจ้ะ แล้วอย่าหน้าหงายกลับมาล่ะแม่สาวกรุงผิวบาง”
“ครูซ คุณอยู่ไหน ครูซ.. ไอ้คนเฮงซวยอยู่ไหนออกมานะ ออกมาเดี๋ยวนี้นะ ออกมาคุยกับฉันให้รู้เรื่อง” ปานชนกเดินขึ้นไปบนเรือนหลังงามที่ดูเงียบสงบ สักพักก็มีหญิงวัยกลางคนรูปร่างผอมบางเดินออกมาแล้วยิ้มให้เธอบางๆ
“สวัสดีค่ะคุณปานชนก”
“ป้ารู้จักฉันด้วยเหรอ แล้วอีตาครูซจอมลวงโลกไปไหน ไปตามเขามาพบฉันหน่อย”
“ไม่ต้องให้ใครไปตามหรอกเธอมีอะไรก็ว่ามา..” เสียงนุ่มทุ้มคุ้นหูที่เอ่ยตอบมาด้วยสรรพนามที่เปลี่ยนไป ความห่างเหินแฝงอยู่ในน้ำเสียงและแววตาของเขา..
“ครูซ.. คุณมาก็ดีแล้ว นี่มันหมายความว่ายังไง”
“ก็หมายความที่กาหลงบอกนั่นล่ะ” ชายหนุ่มตอบเรื่อยๆ ด้วยท่าทางสบายๆ ใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยหนวดเคราที่ยังไม่ได้โกนวันนี้เขาสวมเสื้อเชิ้ตลายสก๊อตสีน้ำตาลแดงกับกางเกงยีสีเข้มแสนธรรมดาแต่ด้วยที่เป็นคนที่อยู่กับเสื้อผ้ายี่ห้อดังมามากมายปานชนกก็รู้ดีว่าเขาไม่ได้ใส่เสื้อผ้าแบกับดิน แต่รูปลักษณ์ของครูซในยามนี้ก็แตกต่างจากนักธุรกิจหนุ่มที่สวมสูท หรือเสื้อผ้าแบรนด์เนมหรูหราที่เธอเคยเห็นจนชินตา..
“กาหลงบอกเธอแล้วค่ะ แต่เธอไม่ยอมไปทำงานบอกจะมาหานาย” กาหลง สาวตาคมคนเดิมเดินมาฟ้อง ป้ารุ่งหันไปมองกาหลงด้วยแววตาดุดันทำให้หญิงสาวก้มหน้าลงหลบตาผู้สูงวัย ปานชนกรู้ได้ทันทีว่าหญิงวัยกลางคนคนนี้ต้องไม่ใช่คนงานธรรมดาเหมือนกาหลง
“มันหมายความว่ายังไง คุณหลอกฉันมาเหรอ พวกคุณเป็นพวกค้ามนุษย์หรือไงกัน”
“ใจเย็นๆ ก่อนนะคะ ค่อยๆ คุยกัน” ป้ารุ่งเห็นท่าทางหนุ่มสาวที่จ้องหน้ากันอย่างเดือดดาลแล้วก็เอ่ยขัดขึ้น
“ป้ากับกาหลงออกไปก่อน เดี๋ยวผมจัดการเอง”
“คุณช้างใจเย็นๆ นะคะ อย่าให้มีเรื่องร้ายแรง” ป้ารุ่งบอกแล้วเดินออกไปพร้อมด้วยกาหลงแม้ว่าสาวตาคมดูท่าว่าไม่อยากจะไปนัก
“เอาล่ะ เธออยากรู้ใช่ไหมว่าอะไรยังไง.. ตามมาสิแล้วจะได้รู้ อย่าช็อกตายไปเสียก่อนล่ะ..”
“ทำไมฉันจะต้องตามคุณไปด้วย” ปานชนกมีท่าทีไม่ไว้วางใจคนที่หมุนตัวเดินเข้าไปในบ้าน
“ไม่อยากรู้ก็ตามใจ แล้วเข้าใจเสียใหม่นะว่าตอนนี้เธอไม่ใช่แค่นางบำเรอของฉัน แต่เป็นคนงานในไร่กาแฟฉันด้วย ตอนกลางวันทำงานในไร่ แล้วตอนกลางคืนก็มาหาฉันที่นี่เสร็จธุระแล้วก็ค่อยกลับไปนอนที่ห้องพักของเธอ” ชายหนุ่มพูดอย่างเลือดเย็น
“ไม่ ทำไมฉันจะต้องยอมด้วย ไม่มีทางที่ฉันจะทำแบบนั้น และฉันก็ต้องการความจริงเดี๋ยวนี้ตรงนี้ด้วย ไม่ไปไหนทั้งนั้น”
“กลัวเหรอ..”
“ใช่ ยอมรับว่ากลัว เพราะฉันไม่รู้จักคุณเลย” ปานชนกเค้นเสียงพูด มองเขาอย่างเจ็บใจ เสียตัว เสียรู้และเสียความรู้สึกที่สุด
“แต่เธอควรจะได้รู้เพราะมันถึงเวลาแล้วที่เธอจะต้องรู้ปานชนก” ครูซเรียกเธอด้วยชื่อปานชนกด้วยน้ำเสียงห่างเหิน ไม่รู้ทำไมปานชนกถึงได้รู้สึกว่ามันเสียดแทงหัวใจเธอนัก ชื่อของเธอที่ออกมาจากปากของเขามันกรีดลงไปในใจของเธอจนปวดปร่ารู้สึกแสบลำคออย่างไม่ควรจะเป็น ทำไมเวลาที่เขาเรียกเธอว่านิกกี้ มันจึงได้รู้สึกดีกว่าตอนนี้ร้อยเท่าพันเท่า
ปานชนกนิ่งงันตัวแข็งทื่อชาไปหมดทั้งตัวและหัวใจ เหมือนว่าโลกทั้งใบถล่มทลายลงตรงหน้า ไม่จริง.. เธอไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้รับรู้...
“ไม่จริง ฉันกำลังฝันไป ไม่ๆ ไม่จริง ไม่มีทางเป็นแบบนี้ ฉันฝันไปๆๆ” ปานชนกพูดประโยคนี้ซ้ำไปซ้ำมาน้ำตาไหลทะลักนองหน้าดวงตางามพร่ามัวด้วยหยาดน้ำตา หญิงสาวสะอึกสะอื้นด้วยความปวดร้าวกับความจริงที่ได้พบเจอไม่คิดไม่ฝนมาก่อนว่าบิดาของตนจะเลวถึงขนาดข่มขืนฆ่าหญิงสาวคนหนึ่งได้อย่างเลือดเย็นไหนจะเรื่องที่วางแผนฆ่าพ่อแม่ของชัชเพื่อครอบครองมรดก และเรื่องฉ้อโกงบริษัทของตัวเองและการทุจริตตอนที่ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และล่าสุดที่เป็นข่าวใหญ่โตก็เมื่อไม่นานมานี้ เรื่องฉุดคร่าหญิงสาวไปบำเรอกามแม้บิดาของเธอไม่ได้ทำคนเดียวแต่ก็เป็นหนึ่งในคนร้ายในคดีนี้และไม่ใช่แค่ครั้งเดียว แต่บิดาของเธอทำมาแล้วหลายครั้ง นี่ใช่ไหมที่แม่ของเธอทนไม่ได้ถึงขั้นทะเลาะกันและขอเลิกแต่บิดาไม่ยอมเพราะยังต้องอาศัยบารมีเงินตราและชื่อเสียงของมารดาในการลงเลือกตั้งและใช้ในการหลอกลวงให้นักลงทุนมาร่วมลงทุนด้วย...
ในขณะที่ครูซมองคนที่กอดเข่าคุดคู้ตัวงอสั่นสะท้านด้วยแรงสะอื้นด้วยสีหน้าเรียบเฉยดวงตาสีดำสนิทล้ำลึกเกินหยั่ง...
“เอาล่ะเลิกคร่ำครวญแล้วไปทำงานชดใช้หนี้ที่พ่อเธอทำไว้ได้แล้ว” ไม่พูดเปล่าแต่ครูซเดินมาดึงกระชากร่างระหงให้ลุกขึ้นแล้วกึ่งลากกึ่งจูงให้เดินตามไป ปานชนกที่มัวแต่เสียใจก็ทำอะไรไม่ถูกลำดับเรียงเรียงความคิดยังไม่ได้ได้แต่เดินตามเขาไปโดยไม่พูดอะไรเอาแต่ร้องไห้สะอึกสะอื้น ป้ารุ่งเห็นท่าทางกระปลกกระเปลี้ยน้ำตานองหน้าของปานชนกก็เข้ามาหยุดชายหนุ่มที่กำลังจะพาปานชนกไปที่รถกระบะคันใหญ่เพื่อพาเธอไปส่งที่ไร่กาแฟ
“เดี๋ยวค่ะคุณช้าง.. จะพาเธอไปไหนคะ”
“ผมจะให้เธอไปทำงาน เลยเวลามาหลายชั่วโมงแล้ว”
“นี่มันเกือบเที่ยงแล้ว แดดก็ร้อน วันนี้ให้เธอช่วยป้าในโรงครัวก่อนก็ได้ค่ะ นะคะ.. ถือว่าเห็นแก่ป้า”
“ก็ได้ ถือว่าวันนี้เธอโชคดีที่ป้ารุ่งอยู่..” ครูซปล่อยเขนเล็กที่แทบจะหักเพราะแรงบีบจากอุ้งมือหนาร่างระหงที่ดูจะผอมบางไปทันตาก็ทรุดลงกับพื้นอย่างอ่อนแรงและยังคงร้องไห้ไม่หยุด ป้ารุ่งรีบไปประคองปานชนกขึ้นแล้วพาเธอไปนั่งในโรงเรือนที่สร้างเป็นโรงครัวสำหรับทำอาหารเลี้ยงคนงานที่สะอาดปลอดโปร่ง ครูซมองตามอย่างหงุดหงิดแล้วเดินขึ้นรถคันใหญ่ขับเข้าไปในไร่ และวันนั้นทั้งวันเขาก็ไม่มาให้ปานชนกเห็นหน้าอีกเลย...
ปานชนกหลับไปอย่างอ่อนเพลียด้วยฤทธิ์ยาแก้ปวดที่ป้ารุ่งเอาให้กินหลังจากที่หลอกล่อให้ปานชนกกินข้าวเพราะเห็นว่าตั้งแต่เช้าจนบ่ายปานชนกเอาแต่นิ่งเงียบไม่ยอมกินอะไร พอกินข้าวเสร็จป้ารุ่งก็พาปานชนกที่ยังคงเหมือนคนใจคอไม่อยู่กับเนื้อกับตัวไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อป้าแล้วพาเธอไปนอนพัก และสุดท้ายปานชนกก็หลับยาวจนถึงเช้าวันใหม่ โดยที่ทุกอย่างนั้นอยู่ในสายตาของครูซตลอด...
ปานชนกลืมตาขึ้นด้วยความอ่อนเพลียเล็กน้อยแต่ก็รู้สึกดีขึ้นกว่าเมื่อวาน หญิงสาวมองรอบกายแล้วถอนใจ แต่ยังไม่อยากยอมรับชะตากรรมของตน เธอไม่ผิดและไม่ได้มีส่วนรู้เห็นเรื่องที่บิดาทำ วันนี้เธอจะหนีกลับกรุงเทพฯ ให้ได้ จะไปจากที่นี่จะไปขอร้องให้สิงหราชกับชัชช่วยเธอและอยากจะไปเยี่ยมบิดาที่เรือนจำ ถึงท่านจะเลวร้ายแต่เธอก็อยากพบหน้าท่านและอยากรู้ความจริงจากปากท่านอีกครั้ง แต่ตอนนี้เธอไม่มีเงินติดตัวสักบาท โทรศัพท์ก็ไม่มีใช้ แล้วจะทำอย่างไรดี.. หญิงสาวคิดอย่างสับสน
ปังๆๆ เสียงทุบประตูดังขึ้นปานชนกลุกขึ้นสูดลมหายใจลึกๆ แล้วเดินไปเปิดประตูก็พบว่ากาหลงยืนอยู่หน้าห้อง...
“นึกว่ายังไม่ตื่น เจ็ดโมงเช้าทุกคนจะทยอยไปที่โรงอาหารกินข้าวเสร็จไม่เกินแปดโมงก็เข้าไร่ และวันนี้เธอก็ต้องไปไร่กับฉัน นายช้างสั่งให้ฉันสอนงานเธอ ดังนั้นเธอจะต้องเชื่อฟังฉันทุกอย่าง”
“ฝันไปเถอะว่าฉันจะเชื่อฟังแก นังขี้ข้า อย่าคิดจะมาสั่งฉันเชียว” ด้วยความที่เจ็บแค้นที่ถูกกาหลงสาดน้ำใส่เมื่อวานปานชนกก็เริ่มแผลงฤทธิ์บ้างเรื่องดูถูกเหยียดหยามคนนั้นเธอไม่เป็นรองใครอยู่แล้ว เรื่องตบตีทำลายข้าวของก็เหมือนกัน
“แกว่าใครขี้ข้า” กาหลงตาขุ่นฉุนเฉียวท่ถูกด่ากลับ
“ก็แกไงนังขี้ข้า และนี่สำหรับที่แกเอาน้ำสาดฉันเมื่อวาน...”
เพี๊ยะๆ ปานชนกตบหน้ากาหลงสองทีซ้อน เสียงฝ่ามือกระทบใบหน้าสวยคมนั้นดังสนั่นจนคนงานสาวที่ยืนจดๆ จ้องๆ รอลุ้นอยู่ถึงกับตะลึงไม่คิดว่า สาวสวยดูรูปร่างบอบบางอ้อนแอ้นจะเก่งกล้าถึงเพียงนี้ ไม่มีใครกล้าต่อกรกับกาหลงอย่าว่าแต่ตบเลยจะเถียงยังไม่กล้านอกจากป้ารุ่งเท่านั้นที่กาหลงยอมฟังโดยไม่อิดออด เพราะกาหลงถือได้ว่าเป็นคนงานที่มีดีกรีกว่าคนอื่นๆ เนื่องจากเป็นน้องสาวของโกสนและยังแสดงออกว่าเป็นคนพิเศษของนายช้างทั้งที่นายช้างแห่งไร่กาแฟอันยิ่งใหญ่ไม่เคยแสดงออกมากกว่านายจ้างลูกจ้างเลยแม้แต่น้อย
“กรี๊ดดด แกตบฉัน..” กาหลงกรีดร้องกุมแก้มบวมเป่งขึ้นทันตาของตนมองปานชนกอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ
“เออ แล้วจะกระทืบให้ไส้ทะลักเลยหากแกคิดจะทำร้ายเหยียดหยามฉันอีก”
“แก นังสาวกรุง แก..” กาหลงปรี่เข้ามาหมายจะตบปานชนกคืน แต่ปานชนกที่ระวังตัวอยู่แล้วหลบทันและเมื่อกาหลังพลาดปานชนกก็ถีบก้นงามงอนของกาหลงเต็มแรงจนร่างสาวที่ท้วมกว่าเล็กน้อยของกาหลงล้มคว่ำไม่เป็นท่า
เสียงเอะอะโวยวายดังขึ้นและไม่มีใครกล้าเข้าไปห้ามทำให้โกสนที่เดินมาตรวจความเรียบร้อยกับหัวหน้าคนงานหญิงต้องรีบฝ่าวงล้อมเข้าไปดู...
“กรี๊ดดด อีบ้ามึงตบกูเหรอ พวกมึงจับมันไว้กูจะตบสั่งสอนมัน” กาหลงกรีดร้องด้วยความเจ็บใจที่ไม่สามารถทำอะไรปานชนกได้ทั้งที่คิดและดูจากรูปร่างระหงอ้อนแอ้นของปานชนกแล้วเธอคิดว่าสาวชาวกรุงคนนี้จะต้องไม่อาจหาญสามารถสู้ตนได้แต่กลายเป็นว่าเธอโดนทั้งมือทั้งเท้าของปานชนกจึงต้องขอแรงจากเพื่อนสาวฝ่ายของตนช่วยกันจับปานชนกไว้...
“หยุดนะ ฉันบอกให้หยุด อีกาหลง..” โกสนตวาดกร้าวเมื่อเห็นว่าน้องสาวของตนเงื้อมือขึ้นสูงหมายจะตบปานชนกให้หายแค้น กาหลงชะงักหันมามองพี่ชายหน้าซีด..
“พะ พี่โก..”
“นี่แน่ะ พวกหมาหมู่คิดจะรุมฉันเรอะ” ปานชนกอาศัยจังหวะที่กาหลงยืนหน้าซีดตัวสั่นอยู่ก็ถีบเข้าที่หน้าท้องของกาหลงอย่างจังจนกาหลงล้มไปอีกครั้ง แล้วสะบัดตัวออกจากการวงแขนและมือของคนงานสาวสองคน
“คุณเองก็ต้องหยุดคุณปานชนก..” โกสนพูดขึ้นมองหญิงสาวที่ฮึดฮัดหายใจหอบอยู่ตรงหน้าอย่างอดทึ่งไม่ได้ว่าปานชนกจะกล้าต่อกรกับน้องสาวของตนแต่ก็ดีเพราะกาหลงก็ควรจะถูกสั่งสอนเสียบ้าง
“อ้อ.. คุณนี่เองที่รวมกันกับอีตาช้างตกมันนั่นหลอกฉันมาที่นี่ ฉันขอบอกไว้ก่อนนะว่าฉันไม่ยอมอยู่ที่นี่ให้พวกคุณข่มเหงหรอก ฉันออกไปได้จะแจ้งความจับทุกคนเลยที่สมรู้ร่วมคิดลักพาตัวฉันมา” ปานชนกหันมามองเขาเพราะจำหน้าโกสนได้
“เอาชีวิตให้รอดไปจากที่นี่ก่อนดีไหมปานชนก..” เสียงของครูซดังขึ้นคนงานต่างแยกย้ายกันไปทันที ยกเว้นกาหลงที่พอเห็นครูซมาก็ร้องไห้แสดงอาการเจ็บปวดเสียมากมายทันที ปานชนกปรายตามองเบ้ปากอย่างหมั่นไส้แล้วหันไปมองชายหนุ่มตาขุ่น
“ฉันจะกลับบ้าน”
“เธอไม่มีบ้านให้กลับหรอกปานชนก ที่นี่คือบ้านของเธอแล้ว” ครูซตอบชัดเจน
“แต่ฉันจะกลับ ที่นี่มันนรกต่างหาก นรกที่มีแต่คนบ้าๆ ไร้เหตุผลอย่างคุณ”
“ถ้าเธอก้าวออกไปจากบริเวณไร่ของฉันเมื่อไหร่ฉันจะไล่คนงานที่นี่ออกทุกคน ก็ลองคิดดูนะว่าคนที่เขาไม่ได้มามีส่วนรู้เห็นอะไรด้วยกับเธอแต่ต้องมาถูกไล่ออกเพราะเธอเป็นต้นเหตุ เขาจะรู้สึกยังไง จะทนได้รึเปล่า แล้วคนแถวนี้น่ากลัวนะ จะบอกให้รู้ ส่วนพวกเธอจำไว้ถ้าผู้หญิงคนนี้ออกจากไร่ฉันไปโดยที่ฉันไม่ได้อนุญาตเตรียมตัวหางานใหม่และขนข้าวของออกไปจากไร่นี้ได้เลย..” ปานชนกหน้าซีดมองเขาอย่างไม่อยากเชื่อว่าครูซจะเอาชีวิตคนอื่นมาโยนให้เธอรับผิดชอบ หญิงสาวหันมองรอบกายก็พบว่าคนงานทุกคนต่างมองเธอเป็นตาเดียวจนปานชนกอึดอัดและรู้สึกหวาดกลัว บางทำท่าจะร้องไห้เธอได้ยินบางคนพูดด้วยสำเนียงใต้ที่พอจะฟังออกบ้างว่าหากไม่ได้ทำงานที่ไร่นี้จะไปทำมาหากินอะไร ดูทุกคนพอใจกับการทำงานที่นี่มาก...
“นี่มันบ้าชัดๆ”
“ก็แล้วเธอแต่ ฉันไม่ได้บังคับให้เธออยู่ แต่ถ้าเธอจะไปก็แล้วแต่” พูดจบชายหนุ่มก็เดินไปที่โรงอาหารพร้อมกับโกสนโดยไม่สนใจกาหลงที่ยืนร้องไห้กระซิกๆ เพื่อให้ครูซเห็นใจแต่ชายหนุ่มไม่พูดถึงเธอสักคำ โกสนเห็นน้องสาวยังอ้อยอิ่งมองปานชนกตาเขียวก็เรียกเสียงดัง
“อีกาหลง ตามมาเดี๋ยวนี้ เดี๋ยวเอ็งจะต้องถูกจัดการด้วยอีกคน..”
“พี่โก แต่มันตบฉันก่อนนะ”
“ข้ารู้ว่าเอ็งเริ่มก่อนมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว” โกสนพูดกับน้องสาวตรงๆ และคำพูดตรงไปตรงมาของสองพี่น้องทำให้ปานชนกพออุ่นใจได้ว่าอย่างน้อยๆ โกสนก็ยังเห็นว่าเธอถูกปานชนกกลั่นแกล้งมาตั้งแต่เมื่อวาน หญิงสาวถอนหายใจสับสนไม่รู้จะเอาอย่างไรกับชีวิต ครั้นจะไปจริงๆ ก็ไม่มีเงินสักบาทและยังไม่รู้เลยว่าที่นี่อยู่ส่วนไหนของประเทศยิ่งมองหน้าคนงานที่ยืนอยู่รอบๆ ก็ยิ่งหนักใจ
เธอควรจะเห็นแก่ตัวสิ คนที่นี่เธอก็ไม่รู้จักสักคนทำไมเธอจะต้องยอมทำเพื่อพวกเขาด้วย ปานชนกไม่เคยแคร์ใครไม่ใช่หรือ...
“วันนี้คุณนกช่วยป้าที่สวนผักนะคะ ไม่ต้องไปกับนังกาหลงมันหรอกเดี๋ยวมันจะหาเรื่องแกล้งเอาอีก..” ป้ารุ่งบอกเบาๆ เมื่อเธอมารับประทานอาหารร่วมกับคนงานสาวคนอื่นๆ ที่นี่จะแยกโรงครัวชายหญิง ส่วนคนที่มีครอบครัวแล้วจะอยู่อีกฝั่งและคนงานหญิงจะมารับประทานที่โรงอาหารฝั่งที่พักคนงานหญิง ผู้ชายก็จะไปที่ฝั่งโรงอาหารที่พักคนงานชาย ส่วนคนที่มีลูกเล็กฝ่ายแม่บ้านจะเป็นคนดูแลและพามากินข้าวที่โรงครัวฝั่งคนงานหญิง ในไร่ยังมีที่รับเลี้ยงเด็กด้วยใครที่มีลูกเล็กแต่ไม่มีเวลาเลี้ยงดูก็จะเอาไปฝากไว้ที่ศูนย์เด็กเล็กพอพ่อแม่เลิกงานก็ไปรับกลับมาดูแลเอง
“ค่ะป้า” ปานชนกรับคำเบาๆ ยอมรับสภาพนี้ไปก่อน หากเธอทำงานพอมีเงินเธอจึงจะไปจากที่นี่ได้ ปานชนกคิดว่าครูซจะต้องให้ค่าแรงเธอ แต่หากเธอจะขอยืมป้ารุ่งก็คงจะน่าเกลียดเพราะเพิ่งรู้จักกันหรือจะลองหยิบยืมดู ปานชนกคิดไม่ตก
“ป้าวันนี้ฉันช่วยงานในสวนนะ” กาหลงเดินมายิ้มให้ป้ารุ่ง ผู้สูงวัยมองหญิงสาวยิ้มๆ
“มีแผนอะไรมาแกล้งคุณนกเขาอีกล่ะ”
“ไม่มี้ โธ่ ป้ามองฉันเป็นคนร้ายกาจไปได้ ฉันแค่อยากช่วยแบ่งเบาภาระป้าไง” กาหลงยิ้มหวานปานชนกเมินหน้าหนีอย่างอดหมั่นไส้ไม่ได้ดูก็รู้ว่ากาหลงเสแสร้ง...
“เหรอ ไม่มีก็ดี ข้าไม่อยากมีปัญหากับคุณช้าง เพราะถ้าเกิดมีปัญหาหนักเข้าคุณช้างอาจจะไม่เลี้ยงไว้ให้รำคาญใจ” ป้ารุ่งพูดเรื่อยๆ แต่คนฟังหน้างออย่างไม่พอใจ ใครๆ ก็รู้ว่ากาหลงชอบนายช้าง แต่นายช้างรักคุณนิกกี้ไม่เสื่อมคลาย..
“ก็ดูสิวันนี้ฉันหน้าบวม เพราะคนดีของป้า นายช้างให้ฉันหยุดงานหนึ่งวันแต่ฉันไม่อยากอยู่เฉยๆ เหมือนคนไร้ค่าป้ายังมองฉันไม่ดีอีก” กาหลงพูดเสียงอ่อยแต่ไม่วายมองปานชนกอย่างจิกกัด
“เออก็ดีแล้ว คุณนกคะเราไปสวนผักกันค่ะ” ปานชนกรีบลุกตามป้ารุ่งไปทันทีไม่มองหน้าคู่กรณีก่อนหน้าเพราะไม่อยากจะคันมือคันเท้าขึ้นมาอีก
ปานชนกมองสวนผักกว้างใหญ่ตรงหน้าอย่างอดทึ่งไม่ได้ ผักตรงหน้าเธอมีหลายชนิดกำลังงอกงามชุ่มฉ่ำด้วยน้ำที่พวยพุ่งออกมาจากสปริงเกอร์ที่หมุนวนสะบัดน้ำไปทั่วแปลง ป้ารุ่งพาเธอถอนหญ้าออกจากแปลงผักทีละแปลงและสอนให้เธอให้อาหารปลา ปานชนกทำอย่างเงอะๆ งะๆ ในคราวแรกแต่พอเริ่มเข้าใจและทำจนคล่องมือข้นเธอก็เริ่มสนุกกับงานที่ทำเพลิดเพลินจนเกือบเที่ยงแดดเริ่มร้อนขึ้นป้ารุ่งก็พาเธอหยุดพัก เธอเริ่มชินกับการทำงานในสวนกับป้ารุ่งและโล่งใจที่ครูซหายหน้าไปแล้วสองวันปล่อยให้เธออยู่กับป้ารุ่งและคนงานคนอื่นๆ ทำให้ปานชนกพอหายใจหายคอได้สะดวกและเริ่มปรับตัวได้บ้างแล้วแต่ยังไม่ล้มเลิกความคิดจะไปจากที่นี่...
“ป้ารุ่งไปไหน”
“ไปเข้าห้องน้ำ มีอะไร”
“ตรงแปลงมะเขือเปราะมันเป็นอะไรไม่รู้เหมือนเพลี้ยกินใบมะเขือ จะทำไงดีวันนี้จะต้องเก็บมะเขือไปทำแกงเขียวหวาน”
“เดี๋ยวฉันไปดูแทนป้ารุ่งเอง” กาหลงเดินมาบอกว่ามีปัญหาตรงแปลงมะเขือเปราะจึงจะให้ป้ารุ่งไปช่วยดู แต่ปานชนกเห็นว่าป้ารุ่งเดินไปเข้าห้องน้ำยังไม่ออกมาจึงอาสาไปดูที่แปลงมะเขือเปราะแทนป้ารุ่ง...
“ต้นมะเขือมันมีปัญหาตรงไหน” ปานชนกมองต้นมะเขือที่ปกติดีทุกอย่างไม่มีสิ่งที่เรียกว่าเพลี้ยเลยสักนิด เพราะเธอเริ่มรู้แล้วว่าแมลงศัตรูพืชหรือโรคพืชนั้นเป็นอย่างไร
“มีสิ เพราะมันกำลังจะถูกเธอทำลายไง..” พูดจบกาหลงก็ยกเท้าขึ้นเยียบต้นมะเขือจนหักล้มระเนระนาดไปหลายต้นแล้วยังเดินไปเหยียบผักอื่นๆ อีกหลายอย่าง ปานชนกได้แต่ยืนมองตาค้างไม่คิดว่ากาหลงจะทำแบบนี้และตอนที่มัวแต่ยืนอึ้งนี่เองกาหลงก็ฉวยโอกาสผลักเธอจนล้มลงกับแปลงมะเขือเปราะที่ต้นล้มหักโค่นด้วยสัญชาตญาณป้องกันตัวทำให้ปานชนกคว้าต้นมะเขือที่หักมาฟาดใส่กาหลงที่ล้มลงไปนอนร้องโอดโอยอยู่อย่างง่ายดายทั้งที่เมื่อครู่ทำท่าจะเข้ามาตบตีเธอด้วยซ้ำแล้วยังจับมือเธอที่ยังกำต้นมะเขือเปราะอยู่ฟาดลงบนหน้าของตัวเองเสียอย่างนั้น...
“โอ๊ยๆๆ ช่วยด้วยๆ คุณนกตบฉัน ทำร้ายฉันอีกแล้ว ช่วยด้วย..” เสียงกรีดร้องโวยวายของกาหลงทำให้คนงานและป้ารุ่งรีบวิ่งมาดูแล้วจับปานชนกกับกาหลงออกจากกันกาหลงร้องไห้สะอึกสะอื้นเข้าไปฟ้องป้ารุ่งทันที..
“ป้าต้องช่วยฉันนะ คุณนกแค้นฉันไม่เลิกดูสิตบหน้าฉันแล้วยังทำลายผักไปตั้งหลายอย่าง” ทุกคนหันมามองปานชนกและมองแปลงผักที่เสียหายไปเยอะพอสมควร ปานชนกพูดไม่ออกไม่คิดว่าตนจะมาจนมุมกับมุกตื้นๆ เช่นนี้
“เรื่องนี้ฉันคงให้นายตัดสิน..” ป้ารุ่งมองปานชนกด้วยแววตาที่ผิดหวังปานชนกหน้าเสียพูดไม่ออกได้แต่มองกาหลงซึ่งแอบยิ้มเยาะอย่างเจ็บใจ แล้วเธอก็ถูกพาตัวมาที่บ้านของครูซโดยมีกาหลงกับป้ารุ่งและคนงานหญิงอีกสามคนมารอฟังคำตัดสินของเจ้านายหนุ่ม...
ครูซมองหญิงสาวที่ยืนนิ่งไม่พูดอะไรตรงหน้าแล้วมองกาหลงซึ่งนั่งร้องไห้หน้าตาปูดบวมอยู่ข้างๆ กัน ชายหนุ่มถอนหายใจ สองวันมานี้เขาไปทำธุระเรื่องการขยายตลาดกาแฟและผลิตภัณฑ์แปรรูปจากกาแฟรวมไปถึงพืชอื่นๆ ในไร่และมั่นใจว่าปานชนกจะไม่หนีและไม่สร้างปัญหาแต่ไม่นึกเลยว่าคนอย่างปานชนกจะกล้าทำร้ายคนของเขา นั่นไม่เท่าไหร่แต่เธอทำลายพืชผักที่ใช้ทำอาหารนี่ต่างหากที่เขาไม่พอใจมาก...
“กาหลงพยายามบอกสอนเธอให้ทำงานนะคะแต่คุณนกเธอไม่ฟังเลยค่ะ หาเรื่องกาหลงตลอดเลยแล้วยังตบๆ กาหลงแล้วก็ทำลายข้าวของอีกค่ะ ผักเสียหายไปมาก ไม่รู้ตอนกลางวันกับเย็นนี้เราจะกินอะไร” กาหลงพูดไปสะอื้นไปดูน่าสงสารเหลือเกิน โกสนมองน้องสาวแล้วส่ายหน้า
“ก็พูดเกินไปกาหลง ผักยังเหลือมากพอที่จะทำอาหารเลี้ยงคนงานได้เป็นรอย..” โกสนแย้งน้องสาว
“ฉันไม่ได้ทำ กาหลงต่างหากที่ทำ” ปานชนกพูดขึ้นเป็นครั้งแรกตั้งแต่ถูกพาตัวมาเพื่อพิพากษา
“แล้วเธอมีหลักฐานอะไรว่ากาหลงทำ” ครูซกอดอกถามเธอด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ไม่มี มีแค่ความจริงว่าฉันไม่ได้ทำ”
“อย่าไปเชื่อนะคะ กาหลงอยู่ที่นี่มานานรู้ว่าอะไรควรทำไม่ควรทำและรู้ว่าโทษที่ทำผิดจะหนักแค่ไหน กาหลงไม่กล้าหรอกค่ะ” กาหลงรีบออกตัว
“มันก็ไม่แน่หรอกนะกาหลง” โกสนยังมองน้องสาวอย่างจับผิด
“พี่โก ฉันน้องพี่นะ ทำไมพี่ถึงพูดแบบนี้”
“ก็เพราะเอ็งเป็นน้องข้าไงนังกาหลง” โกสนตวาดน้องสาวลั่นดวงตาวาวโรจน์อย่างไม่พอใจเมื่อกาหลงโวยวาย
“เอาล่ะ ในเมื่อทุกคนเห็นว่าเธอทำร้ายกาหลงและทำลายผัก วันนี้ทั้งวันเธอจะไม่ได้กินอาหารและน้ำแม้แต่หยดเดียว และที่เธอทำร้ายกาหลงฉันก็ยังไม่ได้จัดการเลยตั้งแต่วันนั้น ดังนั้นวันนี้เธอจะต้องโดนลงโทษ..”
“แต่ฉันไม่ได้ทำจริงๆ และกาหลงก็หาเรื่องฉันก่อน ฉันแค่ป้องกันตัว คุณจะมาลงโทษฉันตามใจไม่ได้นะ” ปานชนกลุกขึ้นโวยใส่เขาบ้าง ทำไมไม่มีใครเชื่อเธอหรือพูดช่วยเธอเลยสักคน
“ที่นี่ฉันใหญ่ที่สุด จะฆ่าคนสักคนหมกไร่กาแฟยังได้เลย”ปานชนกมองเขาอย่างตัดพ้อน้ำตาจวนเจียนจะไหลแต่เธอจะไม่มีวันอ้อนวอนร้องขอความเห็นใจจากเขาเด็ดขาด คนใจร้ายไม่รู้จักปล่อยวางไม่รู้จักแยกแยะ... ปานชนกต่อว่าเขาในใจ
“ป้ารุ่งไปเอาเชือกมาให้ผมที” ป้ารุ่งอึกอักไม่อยากหาของที่นายหนุ่มบอก
“หากป้าไม่ไปเอาเชือกมาให้ผม ผมจะใช้มาตรการรุนแรงกับปานชนก” ป้ารุ่งเดินไปทันที
ปานชนกหน้าซีดหวาดหวั่นกับบทลงโทษของเขายิ่งนัก ครูซจะจับเธอมัดมือแล้วลากให้วิ่งตามรถกระบะคันใหญ่ของเขาหรือจะจับเธอมัดติดกับต้นเสาแล้วโบยเหมือนในหนังรึเปล่า...
