บท
ตั้งค่า

บทที่ 2. ลองงาน..

ปานชนกแหงนมองคอนโดหรูหลายสิบชั้นตรงหน้าอย่างชั่งใจว่าจะก้าวเข้าไปข้างในดีหรือไม่ แต่แล้วด้วยความที่อยากรูและอยากลองที่สำคัญ เธอไม่มีทางเลือกอีกแล้วทำให้ปานชนกก้าวเข้าไปข้างหน้าช้าๆ ในสาวเต้นระทึกจนกลัวว่ามันจะทะลุออกมานอกอก

“จำไว้นะนก คุณครูซเขาไม่ชอบคนผิดเวลา เขาเป็นคนช่างเลือกและไม่เคยเรียกหาใครง่ายๆ เขาเลือกเธอแสดงว่าเขาสนใจเธอ อาจจะมีทิปงามๆ ให้ก็ได้ หรือบางทีเธอก็อาจจะจับเขาเป็นสามีได้ด้วยนะ อิอิ” เพ็ญนภาบอกเธออย่างเริงร่าเมื่อแนะนำงานง่ายๆ สบายๆ ให้ แค่เป็นเพื่อนกินข้าวกับพวกนักธุรกิจ แล้วก็กลับมันคงไม่เสียหายเท่าไหร่หรอก ปานชนกบอกตัวเอง...

ติ๊งงง... เสียงลิฟต์บอกว่าเธอได้มาถึงชั้นที่ได้นัดหมายไว้กับชายคนนั้นแล้วหญิงสาวก็ก้าวออกมา ปานชนกยืนนิ่งเหมือนถูกสาป เมื่อชั้นที่เธอมาถึงนั้นรู้ได้ทันทีว่ามันเป็นพื้นที่ส่วนตัวและเพียบพร้อมไปเสียทุกอย่าง ทั้งชั้นตกแต่งอย่างหรูหราลงตัวเหมือนบ้านหลังใหญ่หลังหนึ่งเลยทีเดียว และมันทำให้เธอกลัว..

“เพิ่งมาถึงจะรีบกลับไปไหนหรือครับ” เสียงทุ้มของชายหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้นทำให้ปานชนกชะงักก้าวขาไม่ออกเสียดื้อๆ ทั้งที่คิดว่าจะหันหลังกลับเดินไปที่ลิฟต์และกลับเข้าไปในนั้นแล้วไปจากที่นี่...

“เอ่อ..”

“เพนนีบอกว่าคนที่มาหาผมชื่อปานชนก คุณรึเปล่า” ชายหนุ่มเดินมาหยุดตรงหน้า ปานชนกค่อยๆ เงยหน้ามองเขาด้วยความประหม่าและหวาดหวั่นไม่น้อย

ชายหนุ่มตรงหน้าเธอสูงมากสูงพอๆ กับสิงหราช ร่างสูงใหญ่ของเขาอยู่ในชุดลำลองสีเทากระดุมเสื้อเชิ้ตแขนสั้นไม่ได้กลัดสักเม็ดเปิดเผยแผงอกตึงแน่นด้วยลอนกล้ามงดงามดวงตางามไล่มาตามลำคอแกร่งจนถึงใบหน้าหล่อเหลา...

เขาเป็นลูกครึ่ง หรือไม่ก็ไม่ใช่คนไทย.. ปานชนกบอกตัวเองในใจ

“ผม ครูซ เป็นไงครับ หล่อพอใช้ที่จะทำให้คุณเป็นเพื่อนทานมื้อเที่ยงด้วยได้ไหม” ชายหนุ่มพูดด้วยภาษาไทยชัดเจนจนเธอยังนึกทึ่งปานชนกก็ได้แต่ยืนมองเขาตาโต

“คือฉัน..” ปานชนกเกิดติดอ่างขึ้นมาอย่างน่าโมโหจะก้าวขาก็ก้าวไม่ออก จะหันซ้ายหันขวาก็ดูร่างกายมันเกะกะเก้งก้างไปเสียหมด

“เอาเป็นว่าเราไปนั่คุยกันดีกว่า..” แล้วเขาก็ถือวิสาสะจับมือเรียวของเธอแล้วพาเดินไปยังโต๊ะตัวเล็กสีขาวริมสระว่ายน้ำใสแจ๋ว บรรยากาศเย็นสบายร่วมรื่นเพราะต้นไม้ที่ปลูกประดับอย่างงดงามลงตัว ปานชนกมองสำรวจรอบๆ กายอย่างอดตื่นเต้นไม่ได้ เธอเคยเห็นคอนโดของเพื่อนๆ ทั้งไทยและต่างประเทสมานักต่อนักและเคยคิดว่าอยากจะมีคอนโดที่มีพื้นที่ส่วนตัวสามารถปลูกต้นไม้ดอกไม้ได้แบบนี้บ้าง

“ผมสั่งให้คนทำอาหารที่คุณชอบเลยนะ” เสียงนุ่มทุ้มของครูซทำให้ปานชนกหันมามองอาหารตรงหน้าอย่างแปลกใจ

“ผมถามเพื่อนของคุณว่าคุณชอบอะไร” เมื่อเห็นว่าเธอขมวดคิ้วยุ่งชายหนุ่มก็เป็นฝ่ายเฉลย ปานชนกเงยหน้ามองเขาแล้วพยักหน้าช้าๆ แต่แววตาของหญิงสาวยังมีแววเคลือบแคลงสงสัยประสาคนที่มักถือตัวอยู่เสมอ

“คุณรู้จักเพนนีนานแล้วเหรอคะ แล้ว เอ่อ เคย..”

“ผมรู้จักกับเพนนีสักระยะแล้วแต่ไม่เคยนัดเธอมาทำอะไรอย่างที่คุณคิด”

“คุณรู้หรือว่าฉันกำลังคิดอะไร..”

“สายตาคุณเปิดเผยทุกอย่างครับที่รัก..” ครูซพูดยิ้มๆ และคำว่าที่รัก ของเขาทำให้ปานชนกหน้าร้อนผ่าว

“อย่ามาเรียกฉันว่าที่รักนะ ฉันไม่ใช่คนรักของคุณ”

“แต่วันนี้คุณมาเป็นคู่ควงชั่วคราวของผม”

“แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณจะเรียกฉันแบบนั้นได้ และฉันก็แค่มาทานอาหารกับคุณเท่านั้น เสร็จแล้วก็จะกลับ” ปานชนกพูดอย่างเย่อหยิ่งเธอทำใจยอมรับงานนี้ไม่ได้จริงๆ เห็นทีจะต้องถอย คิดได้ดังนั้นหญิงสาวก็ลุกขึ้นทันที

“คุณคงไม่คิดจะถอยหรอกนะ”

“ใช่ ฉันคิด และฉันขอยกเลิกนัดของเรา ลาก่อน” ปานชนกไม่สนใจจะมองเขาแต่ยังไม่ทันที่เธอจะก้าวขาครูซก็พูดขึ้น

“มันไม่ง่ายแบบนั้นหรอกครับที่รัก มาถึงที่แล้วจะไปง่ายๆ ทำท่ารังเกียจเหมือนผมเป็นเศษสวะก็เหมือนหยามหน้ากันนะครับ” ใบหน้าหล่อเหลาไม่มีแววยิ้มหัวเหมือนคราวแรกทำให้ปานชนกใจแป้วแต่เธอจะแสดงอาการหวั่นวิตกออกมาไม่ได้

“ฉันไม่ได้สัญญาอะไรกับคุณ ฉันแค่มาตามที่เพื่อนฉันแนะนำว่าคุณต้องการเพื่อนรับประทานอาหารเป็นเพื่อนคุยแค่นั้นนี่นา ฉันไปทำท่ารังเกียจคุณตรงไหน”

“คุณคิดว่า ผู้ชายที่นัดสาวไซด์ไลน์มาเนี่ย เพื่อกินข้าวแล้วกลับแค่นั้นจริงๆ หรือนิกกี้”

“ใช่ ฉันคิดแค่นั้นและถ้าฉันไม่ชอบฉันก็สามารถปฏิเสธได้ และฉันไม่ได้ชื่อนิกกี้ด้วย” ปานชนกหน้าแดงก่ำ ยอมรับว่ารู้การพบปะของชายหนุ่มหญิงสาวในลักษณะนี้ว่าจะจบลงอย่างไร แต่เธอก็ต้องมีโอกาสเลือกที่จะตอบรับหรือปฏิเสธนี่นา

“ผมจะเรียกคุณว่านิกกี้และคุณจะไปไหนไม่ได้จนกว่าภารกิจของเราจะสิ้นสุด”

“หมายความว่ายังไง”

“ก็หมายความว่า นั่งลงแล้วทานสลัดกับสปาเก็ตตี้ตรงหน้าของคุณให้เรียบร้อย..”

“แต่ฉัน..”

“ผมลืมบอกคุณไปว่าลิฟต์ตัวที่คุณขึ้นมานั้นเป็นลิฟต์ส่วนตัว จะใช้ได้แค่ผมคนเดียวเท่านั้นหากผมไม่อนุญาตใครก็ไม่สามารถขึ้นลงมันได้ตามความพอใจ และมันก็มีแค่ลิฟต์ตัวเดียวที่มาถึงที่นี่ได้..” คำพูดของเขาทำให้ปานชนกชาไปทั้งตัว ร่างสาวสั่นสะท้านด้วยความหวาดหวั่นขึ้นมาทันที...

“คุณ..” ปานชนกพูดไม่ออกเมื่อเจอเรื่องไม่คาดฝัน ครูซเป็นใครแล้วต้องการอะไรจากเธอกันแน่ คนอย่างเขาจะหาผู้หญิงสวยกว่าและเต็มใจนอนด้วยได้ไม่ยากนี่นา.. ปานชนกคิดในใจแต่ก็ยอมรับประทานอาหารตรงหน้าแต่โดยดี...

“ฉันอยากกลับแล้ว” ปานชนกตัดสินใจบอกเขาเมื่อรับประทานอาหารได้สักพักเขาก็หายหน้าไปในห้องห้องหนึ่งซึ่งเธอคิดว่าน่าจะเป็นห้องทำงาน ในระหว่างนั้นเธอก็เดินสำรวจจนทั่วทั้งชั้นว่ามีที่ไหนบ้างที่จะสามารถพาเธอออกไปจากที่นี่ได้ ชั้นนี้เป็นชั้นที่สามสิบเธอคงไม่กล้าเสี่ยงกระโดดลงไปหรอก

“ผมยังไม่ได้ทำแบบนี้เลยคุณจะกลับได้ยังไง...” เขาเดินมาใกล้พร้อมทั้งตวัดเอวเล็กเข้าหาตัว ปานชนกใจกระตุกวูบความหวาดหวั่นระบายไปทั้งดวงหน้างาม

“จะทำอะไรปล่อยนะ ฉันจะกลับ..” หญิงสาวดิ้นเร่าพยายามดิ้นรนออกจากวงแขนแกร่งแต่ยิ่งดิ้นก็ยิ่งเหมือนว่าวงแขนแข็งแรงมันรัดรึงแน่นขึ้นแล้วปานชนกก็หน้าซีดเผือดเมื่อเขาแบกร่างเธอพาดบ่าเดินเข้าไปในห้องนอนกว้างที่ตกแต่งด้วยสีเทา

“ไม่นะ อย่าทำอะไรฉันนะ ได้โปรด ฉันจะกลับ..” หญิงสาวถอยกรูดเมื่อร่างเล็กกว่าถูกโยนลงบนเตียงเมื่อตั้งสติได้เธอก็พยายามจะวิ่งหนีแต่สิ่งที่คิดนั้นทำได้แค่คิดเท่านั้นเพราะร่างสูงใหญ่ของครูซตามมาทาบทับเธอไว้จนไร้ทางเลี่ยง

“ผมเสียเงินจ่ายค่าตัวคุณไปแล้วนิกกี้ ดังนั้นคุณจะต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้เรียบร้อย..”

“เงิน เงินอะไร..”

“เงินที่ผมซื้อบริการคุณจากเพื่อนของคุณไง” คราวนี้ปานชนกอยากจะกรีดร้องออกมาให้สาแก่ใจ ไหนเพ็ญนภาบอกว่าแค่คุยกันก่อนครั้งแรกหากพอใจกันแล้วหลังจากนั้นค่อยติดต่อกันอีกทีเพื่อตกลงกันว่าจะเอาอย่างไร เท่าไหร่ไม่ใช่หรือ...

“ไม่จริง ฉันยังไม่ได้ตกลงอะไรกับเพนนีและคุณเลย ไม่นะ ปล่อยฉันคนบ้า ปล่อยสิ”

“หึหึ ไร้เดียงสาหรือต้องการโก่งค่าตัวละแม่คุณหนูตกอับ..”

“อย่ามาลามปามนะ คุณไม่รู้จักฉันเสียหน่อยอย่ามาปากดี” ด้วยความเป็นคนที่ไม่เคยก้มหัวให้ใครและไว้ตัวหยิ่งผยองเสมอ ทำให้ปานชนกสวนกลับโดยไม่คิดว่าตนเป็นฝ่ายเสียเปรียบ เธอไม่เคยรู้สึกต่ำต้อยและไร้ศักดิ์ศรีถึงเพียงนี้เลย ผู้ชายคนนี้กล้าดียังไงมาพูดกับเธอเหมือนผู้หญิงขายตัว...

“แค่ก้าวเข้ามาในวงการนี้ คุณก็ไม่ต่างจากโสเภณีแล้วล่ะคนสวย ดังนั้นอย่าพูดมาก ผมต้องการคุณและก็ต้องได้..”

“ไม่มีทาง ผู้ชายอะไรไม่มีน้ำยาหาผู้หญิงมานอนด้วยหรือยังไงถึงจะมาบังคับข่มขืนใจกัน” ปานชนกกกัดฟันพูดด้วยความขุ่นเคืองพยายามดิ้นหนีอย่างสุดชีวิต

“หึหึ ผมไม่เคยข่มขืนผู้หญิงสักทีไม่เหมือนผู้ชายหน้าตัวเมียบางคนที่ทำกับผู้หญิงเหมือนหมาข้างถนน..” น้ำเสียงของเขาก็เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวเช่นกันซึ่งปานชนกไม่เข้าใจว่าทำไมเขาจะต้องมาลงที่เธอด้วย

“ปล่อยฉันนะ ฉันไม่สนหรอกว่าคุณจะเป็นไง แต่ฉันไม่มีทางยอมนอนกับคุณ กรี๊ดด ปล่อยนะไอ้บ้า..” ปานชนกหวีดร้องเสียงหลงเมื่อเขากระชากชุดสวยอย่างไม่เบามือแล้วเนื้อผ้าที่มันครูดกับผิวเนียนละเอียดทำให้เกิดรอยแดงขึ้นทันตา หญิงสาวตาโตด้วยความหวาดหวั่น ตอนนี้เธอนึกถึงสิงหราชกับชัชขึ้นมาทันที

“หากแกทำอะไรฉัน คนรักของฉันต้องไม่เอาแกไว้แน่ เขาจะต้องตามมาฆ่าแก”

“หึหึ ใครล่ะคนรักของคุณ สิงหราชน่าเหรอ เขาจะแต่งงานอีกไม่ช้านี้แล้ว คิดว่าเขาจะเลือกก้อนกรวดมากกว่าเพชรน้ำงามงั้นเหรอ..” ผู้ชายคนนี้รู้จักเธอ.. ปานชนกหน้าซีดเพราะเธอไม่รู้จักเขาเลยและไม่รู้ด้วยว่าเขาต้องการอะไรจากเธอกันแน่

“แกต้องการอะไร.. แกหลอกเพนนี หลอกฉันมาใช่ไหม..” ปานชนกหน้าตื่นและยิ่งดิ้นรนหนักขึ้นด้วยความหวาดหวั่น

“เสียเวลาเล่นตัวน่าคนสวย มาทำเรื่องของเราให้จบๆ กันดีกว่า”

“ไม่นะ กรี๊ดดด อย่านะ.. ไอ้ อื้อออ...” เสียงหวานที่หวีดร้องด้วยความตระหนกหายไปในลำคอเมื่อเรียวปากหยักสีสวยของเขากดทับลงมาอย่างไม่เบารัก เขาจูบเธอเหมือนลงโทษไม่ออมแรงไม่มีความอ่อนหวานจนปานชนกรู้สึกได้ถึงเลือดเค็มๆ ในปาก แต่เธอไม่สามารถขยับกายหนีไปไหนได้และเมื่อเขาขยำทรวงอกสาวผ่านบราเซียตัวสวยปานชนกก็เผยอปากออกอย่างลืมตัวเปิดโอกาสให้อีกคนได้รุกล้ำมากขึ้น

จากจุมพิตที่ร้ายกาจลงทัณฑ์ในคราวแรกก็เปลี่ยนไปเมื่อเขาได้เชยชิมเรียวปากนุ่มหวานฉ่ำ ความขลาดกลัวของเธอหายไปจนหมดสิ้นตอนนี้ปานชนกหูอื้อตาลายมันงงไปกับความรู้สึกทีกำลังพบเจอ เธอรู้สุกร่างกายชาวูบเบาหวิวล่องลอยไปในอากาศแล้วถูกเหวี่ยงลงมาที่พื้นอีกที ความเสียวซ่านแปลกๆ แผ่กระจายลุกลามไปทั้งกายสาว จากที่คิดจะต่อต้านเธอก็ไร้เรี่ยวแรงทันทีเมื่อจุมพิตร้ายกาจเปลี่ยนเป็นอ่อนหวานเร่าร้อน แล้วเธอก็ยังเผยอปากรับจุมพิตเขาอย่างเต็มใจ

ไม่นะ มันไม่ควรเป็นแบบนี้.. หญิงสาวคิดอย่างเลื่อนลอยและพ่ายแพ้และไม่รู้เลยว่าบัดนี้เสื้อผ้าของเธอได้หลุดร่วงไปแล้วจนหมด...

“คุณสวยมากนิกกี้...” ชายหนุ่มครางกระซิบเบาๆ ดวงตาคมสีเข้มดำมืดด้วยความปรารถนามองร่างขาวผุดผ่องตรงหน้าอย่างพอใจ ร่างระหงซึ่งประกอบด้วยทรวงอกเต่งตึงอวบอิ่มเต็มมือใหญ่ของเขานั้นมียอดอกสีสวยน่าดูดดื่มกิน เอวเล็กคอดรับกับสะโพกกลมกลึงและเรียวขาเสลางดงามหน้าท้องแบนราบไร้ไขมันส่วนเกินและตรงนั้นมันช่างงดงามเย้ายวนเหลือเกิน

“อะ อย่า อย่านะ อย่าทำฉัน..” เสียงหวานสั่นพร่าด้วยความหวาดวิตกเมื่อเขาก้มหน้าลงซุกซบกับร่องอกอวบอิ่ม ครูซกดจมูกโด่งสวยลงสูดกลิ่นเนื้อนางเข้าปอดลึกๆ แล้วลากไล้ลิ้นร้อนผ่าวไปตามฐานทรวงและเมื่อมาถึงยอดทรวงสีหวานปากร้อนผ่าวก็จัดการครอบครองมันอย่างหิวกระหาย...

“คุ คุณ ครูซ ย่ะ อย่า... อ๊ะ อืมมม...” ปานชนกครางอย่างพ่ายแพ้อีกครั้งกับความรู้สึกร้อนรุ่มที่หมุนวนอยู่ในร่าง ความรู้สึกร้อนผ่าวราวจับไข้แต่ก็หนาวเหน็บเหมือนอยู่ท่ามกลางพายุหิมะ ในขณะที่อีกคนเชยชิมร่างงามอย่างพอใจ ปากร้อนผ่าวดูดกลืนยอดอกและมือหนาก็เคล้นคลึงทรวงสาวอวบใหญ่อย่างเมามัน ปานชนกแอ่นแผ่นหลังบางหยัดกายขึ้นเหนือที่นอนนุ่มเหมือนเสนอให้เขาทำมากกว่านั้น ครูซมองทรวงสาวอวบอิ่มอย่างพึงใจไม่คิดว่าปานชนกจะหอมหวานน่าหลงใหลขนาดนี้ เขาคิดว่าเธออาจจะเจนสนามรักจนไร้แรงดึงดูดและไร้เสน่ห์น่าค้นหา แต่ตอนนี้ครูซอยากจะสำรวจหาความหวานจากร่างงามตรงหน้าอย่างละเอียดถี่ถ้วน ไม่ว่าเธอจะผ่านผู้ชายมากี่คนแต่นับจากนี้เธอจะเป็นของเขาคนเดียวเท่านั้น ครูซคิดในใจอย่างหมายมาดแล้วก้มลงดูดดึงยอดอกสีหวานชุ่มฉ่ำอีกครั้ง แรงดูดดึงของริมฝีปากร้ายกาจทำให้ปานชนก ครางระงมเสียวซ่านจะยากจะบรรยาย มือเรียวจกลงบนบ่าแกร่งข้างหนึ่งและอีกข้างก็ไซ้เสยเรือนผมดกหนาของเขาพร้อมกับกดศีรษะทุยสวยลงชิดอกอวบของตนเพื่อให้เขาแนบชิดมากขึ้นกว่าเดิมเสียงครางหวานพลิ้วก็ยิ่งทำให้ครูซฮึกเหิม...

ครูซก้มลงชมยอดทรวงสีหวานอีกครั้งก่อนจะตัดใจจากทรวงอกหวานล้ำมายังสะดือสวยน่ารักและหยอกเย้ามันด้วยลิ้นร้อนๆ หน้าท้องแบนราบเกร็งสะท้าน ปานชนกหลับตาแน่นครางกระเส่าแล้วหวีดร้องเบาๆ ด้วยความเสียวซ่านเมื่อลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดความอ่อนไหวของอิสตรีที่ฉ่ำชื้น และแล้วความเร้นลับของร่างสาวก็ไม่เป็นความลับอีกต่อไปเมื่อครูซสำรวจมันด้วยปากและลิ้นของเขาอย่างเร่าร้อน ปานชนกครางกระเส่าล่องลอยไปยังดินแดนอันแสนงดงามพร่างพราวด้วยดาวนับล้านๆ ดวงที่พร่างพราย ซ่านเสียวสะท้านไปทั้งกายที่สั่นระริกหอบหายใจอยู่บนเตียงยับย่น ครูซมองใบหน้างามแดงก่ำของคนที่ไปเยี่ยมเยือนแดนสวาทอันเร่าร้อนก่อนหน้าอย่างพอใจแล้วรีบปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกจากร่างแกร่งอย่างรวดเร็ว ปานชนกปรือตามองเขาอย่างอ่อนแรงแล้วก็ต้องตาโตเมื่อเห็นร่างเปลือยเปล่าเต็มไปด้วยกล้ามเนื้องดงามไม่แพ้ชายใดของชายหนุ่มตรงหน้า ความหวาดหวั่นความตื่นตระหนกฉายชัดในดวงตางาม ซึ่งทำให้ครูซแอบสงสัยว่าหญิงสาวที่ผ่านการใช้ชีวิตอยู่เมืองนอกและเหวี่ยงวีนร้ายกาจอย่างปานชนกทำไมจะต้องมีท่าทีเหมือนสาวบริสุทธิ์เช่นนี้ หรือมันเป็นการแสดง และเขาก็ยอมรับว่าเป็นการแสดงที่สมจริงและเยี่ยมยอดมาก...

“คุ คุณ..”

“ผมอาจจะตัวใหญ่กว่าผู้ชายที่คุณเคยนอนด้วยแต่ผมสัญญาว่าจะนุ่มนวลที่สุด” ครูซบอกเบาๆ พร้อมกับมอบจุมพิตร้อนแรงให้เธออีกครั้ง จากที่จะต่อต้านปานชนกก็ต้องสติเตลิดหลงเพริดไปกับเขาอย่างง่ายดายในขณะที่มือร้อนผ่าวสำรวจกายสาวอ่อนไหวเพื่อเตรีมความพร้อมให้เธออีกครั้ง ในขณะที่ปานชนกครางพลิ้วสะโพกมนส่ายร่อนตามจังหวะนิ้วร้ายที่จุ่มจ้วงเข้าออกในร่างสาว

เธอร้อน เธอทรมาน ตอนนี้ปานชนกไม่แน่ใจว่าร่างกายของตนเป็นเช่นนี้เพราะอะไรและเธอไม่เคยพานพบความรู้สึกเช่นนี้มาก่อนแล้วทำไมถึงได้รู้สึกร้อนขนาดนี้หนอ... ปานชนกครางแผ่วในลำคอด้วยความสับสนรัญจวนใจ

“กรี๊ดดด...โอ๊ย จะ เจ็บ...ฮือออ ปล่อยนะ...” เสียงหวานสะอื้นไห้เมื่อร่างใหญ่โตของเขาแทรกผ่านเข้ามรในกายอ่อนนุ่ม ปานชนกน้ำตานองหน้าพลางบิดกายหนีร่างสูงใหญ่ของเขาอย่างหวาดกลัวความเจ็บปวด

“อยู่นิ่งๆ แล้วทุกอย่างจะดีเอง เชื่อผมนะคนดี...” ครูซกระซิบบอกเบาๆ อย่างที่ไม่เคยคิดว่าจะทำเช่นนี้กับหญิงสาวตรงหน้า ชายหนุ่มกัดฟันกรอดเพราะความคับแคบอุ่นร้อนผ่าวของร่างสาวที่โอบรัดเขาไว้แน่นจนไม่อาจจะขยับได้ในตอนนี้ และยิ่งไปกว่านั้นเขาเหมือนถูกค้อนทุบหัวเมื่อพบว่าสาวสวยที่เนื้อตัวแดงก่ำน้ำตานองหน้าอยู่ตอนนี้ยังไม่เคยได้ผ่านมือชายใด ความภาคภูมิใจความหวงแหนความสับสนปนเปกันไปหมดในตอนนี้

“ไม่ ลูกนกเจ็บ ฉันเจ็บ.. หยุดได้ไหมคะ..” เธอวอนขอทั้งน้ำตา ดวงหน้างามซีดเผือดดูน่าสงสาร ครูซก้มลงจูบมุมปากสาวเบาๆ แล้วกระซิบเอาใจ

“เดี๋ยวมันจะดีขึ้น เชื่อผมนะที่รัก..” ครูซจูบเรียวปากบวมน้อยๆ นั้นอีกครั้งอย่างอ่อนหวานมือร้อนผ่าวสัมผัสลูบไล้ไปทั้งหายบางอย่างเป็นเจ้าข้าวเจ้าของและเมื่อเธอขยับกายตอบสนองโดยไม่รู้ตัวครูซก็รู้ได้ทันทีว่าเธอสามารถปรับตัวให้เข้ากับเขาได้แล้ว ชายหนุ่มขยับกายแกร่งข้าๆ โยกคลึงสะโพกสอบเสียดส่ายหมุนวนบดเบียดกับหน้าเนินสาวอ่อนไหวให้เธอได้รับรู้ถึงความแนบชิดสนิทสนมระหว่างร่างกายชายหญิง ว่าเป็นอย่างไรและเมื่อหนุ่มสาวสามารถปรับตัวเข้าหากันได้เสียงครางกระเส่าผสานกับเสียงกายเนื้อกระทบกันก็ดังก้องห้องนอนกว้าง เมื่ออารมณ์รักร้อนแรงทะยานสูงสุดครูซแตกระส่ำปลดปล่อยลาวารักเข้าสู่กายสาวจนหมดสิ้นอย่างที่ไม่เคยคิดว่าจะทำเช่นนี้กับหญิงสาวคนไหนมาก่อน...

“ผมจะรอคุณที่โรงแรม.. มาหาผมด่วนนะนิกกี้..” เสียงนุ่มคุ้นหูที่นับวันจะเข้ามามีอิทธิพลต่อเธอมากขึ้นทุกทีโทร. มาสั่งแล้ววางสายไป ปานชนกมองโทรศัพท์เครื่องหรูในมืออย่างชิงชังแต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะเธอเองก็ไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้โดยเฉพาะสิงหราช

“ทำไมชีวิตฉันต้องเป็นแบบนี้ด้วย..” หญิงสาวน้ำตาคลอเมื่อคิดถึงชีวิตอันผกผันของตน ดวงตางามกวาดมองห้องของตนด้วยความปวดร้าว เธอยังคงอยู่ที่คอนโดนี้ได้เพราะเงินที่ครูซให้มา ตอนแรกเธออยากจะหยิ่งไม่รับมันแต่เพราะไม่มีทางไหนแล้วที่จะสามารถหาเงินมาจ่ายค่าบริการสาธารณูปโภคต่างๆ รวมไปถึงใช้จ่ายในชีวิตประจำวันทำให้เธอต้องรับเงินนั้นมา ตอนนี้เธอไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงขายตัว ยอมนอนกับผู้ชายคนหนึ่งเพื่อแลกเงิน

ความสาวที่คิดว่าจะเก็บไว้ให้คนที่รัก ความสาวที่เฝ้าถนอมไว้เพื่อให้เป็นของขวัญล้ำค่ากับชายหนุ่มที่แอบปลื้มหลงใหลแม้ภายนอกเธอเป็นสาวสมัยใหม่ที่ดูเหมือนเจนจัดและร้อนแรงแต่ปานชนกก็ยังคงมีความคิดแบบหญิงสาวที่รักนวลสงวนตัว เธออยากจะมีสิ่งที่ดีและพิเศษให้กับคนที่รัก ซึ่งนั่นก็คือสิงหราช แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้วอย่างสิ้นเชิงเธอต้องมาเสียความสาวที่เฝ้าแหนหวงให้กับผู้ชายที่เธอแทบไม่รู้จักอย่างครูซ...

แต่เธอนอนกับครูซแค่คนเดียวเท่านั้นและไม่คิดจะมองหาใครอีกเพียงเท่านี้เธอก็รู้สึกต่ำต้อยเหลือเกินแล้ว และหลังจากวันนั้นครูซก็มักเรียกหาเธอเสมอ หากเธอบ่ายเบี่ยงเขาจะมาหาที่คอนโดเสียเองและเธอก็ไม่อาจจะหลบลี้หนีหายไปไหน ซ้ำตอนนี้เธอไม่สามารถติดต่อบิดาของตนได้ เหมือนว่าท่านได้ทิ้งเธอให้เผชิญชะตากรรมเพียงลำพัง ส่วนเพื่อนๆ ที่เธอเคยคบหาก็พากันหนีหน้าไปจนหมดเมื่อรู้แล้วว่าเธอมีแต่ตัว จะมีเพียงศศิเท่านั้นที่คอยโทร.มาถามสารทุกข์สุกดิบและมาเยี่ยมเธอบ้าง แต่เพราะศศิแต่งงานกับชายหนุ่มข้างบ้านมีครอบครัวแล้วก็มาหาพบปะเธอน้อยลงและปานชนกเองก็ไม่อยากรบกวนศศิ ครั้งจะไปหาชัชเธอก็อายเพราะเคยต่อว่าดูถูกชัชไว้มาก หากเธอจะไปหาสิงหราชก็กลัวว่าครูซจะตามไประรานและความลับของเธอจะถูกเปิดเผย..

ตอนนี้เธอทำได้เพียงเดินตามทางที่ครูซกำหนดให้... เธอจะต้องหางานทำให้ได้เร็วที่สุดเพื่อจะได้มีเงินและไม่ต้องเจอหน้าครูซอีก แต่ยังไม่มีที่ไหนเรียกตัวเธอเลยสักที่ ทั้งที่สามเดือนที่ผ่านมาเธอยื่นใบสมัครไปที่บริษัทต่างๆ มากมายหลายที่... เป็นไปได้หรือว่าคนที่มีดรีกรีนักเรียนนอกได้เกียรตินิยมอันดับต้นๆ ของมหาวิทยาลัยทั้งไทยและเทศจะถูกเพิกเฉยจากบริษัทต่างๆ ปานชนกคิดอย่างหม่นหมองอับจนหนทาง...

และในที่สุดเธอก็ต้องมาพบกับครูซตามที่ได้นัดหมายไว้ทุกอย่างเกิดขึ้นตามความต้องการของเขาโดยที่เธอไม่มีทางเลี่ยง แต่ปานชนกยอมรับว่าเธอมีความสุขทุกครั้งกับเกมสวาทที่เขานำพาไป มันกลายเป็นความคุ้นเคยที่เธอไม่เข้าใจว่าทำไมจะต้องรู้สึกว่าครูซกับเธอมีเคมีบางอย่างที่เข้ากัน แต่ปานชนกยังไม่ล้มเลิกความคิดที่จะสร้างความร้าวฉานระหว่างสิงหราชกับอัจฉรียาพรและเมื่อเธอเห็นว่าอัจฉรียาพรกับสิงหราชกำลังจะไปร้านเวดดิ้งชื่อดังเธอก็รีบขอตัวจากครูซหมายจะไปให้ทันคนทั้งสองเพื่อขัดขวางการถ่ายรูปแต่งงานของพวกเขา เธอจะไม่ยอมตกอยู่ในฐานะนางบำเรอของครูซเด็ดขาด...

ปานชนกต้องหัวเสียอย่างแรงหลังจากที่ออกมาแล้วพบว่ารถคันเล็กที่เธอเจียดเงินซื้อไว้ใช้ถูกล็อกล้อ และหัวเสียหนักขึ้นเมื่อเจอใบสั่งแปะหราอยู่หน้ากระจก

“บ้าเอ๊ย อะไรวะเนี่ย..” หญิงสาวหันซ้ายหันขวาอย่างหงุดหงิด ยกข้อมือดูเวลาก็ยิ่งหงุดหงิดป่านนี้สิงหราชกับอัจฉรียาพรคงกำลังมีความสุขไปแล้ว...

“รถเป็นอะไรหรือที่รัก”

“ครูซ.. เอ่อ” เธองงงันที่เห็นเขาตามมา ปกติแล้วครูซจะไม่เคยพบเธอหลังจากที่ทุกอย่างจบลงบนเตียง เธอเองก็จะทำเป็นไม่รู้จักเขาหลังจากที่มีความสัมพันธ์อันเร่าร้อน

“ผมกำลังจะไปหัวหิน”

“อ้อ.. ค่ะ” จริงสินะเขาคงจะรีบเดินทางก็เลยลงมาจากห้องพักไล่เลี่ยกับเธอหญิงสาวคิดถึงความเป็นจริง

“คุณจะไปไหนผมจะไปส่ง”

“ไม่เป็นไรฉันไปแท็กซี่ดีกว่า ขอบคุณ เอ๊ะ ปล่อยสิฉันรีบ..” หญิงสาวทำท่าจะเดินจากไปแต่ชายหนุ่มคว้าข้อมือเธอไว้เสียก่อน ปานชนกพยายามสะบัดข้อมือหนี

“ไปกับผมดีกว่า เดี๋ยวไปส่งให้ถึงที่ ไปเถอะอย่าเสียเวลาเลย..” หญิงสาวไม่มีโอกาสได้ปฏิเสธเมื่อเขาจูงกึ่งลากเธอไปยังรถกระบะคันใหญ่ของเขา เธอไม่ชอบเลยที่เขาขับรถแบบนี้ มันควรจะเป็นรถสปอร์ตหรูหราสิ.. ไม่วายไฮโซตกอับจะคิดอย่างไม่อาจจะปลงกับความเปลี่ยนแปลงของตนได้ทั้งหมด...

และปานชนกไม่มีทางรู้เลยว่านับจากวันนี้ไปชีวิตของเธอจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่อีกครั้ง...

“ครูซ คุณจะพาฉันมาที่นี่ทำไมคะ..” ปานชนกอดรนทนไม่ได้เมื่อเขาพาเธอมาที่เพชรบุรี หญิงสาวมองป้ายตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจว่าครูซพาเธอมาทำไม “โครงการชั่งหัวมัน ตามพระราชดำริ” โครงการตามพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชบรมนาถบพิตร...

โครงการหลวงนอกจากไปเที่ยวแถบภาคเหนือที่เชียงรายและเชียงใหม่แล้วเธอก็ไม่เคยไปที่ไหนอีกและก็แค่เที่ยวถ่ายรูปสวยๆ อวดกันโซเชี่ยลก็กลับไม่ได้สนใจรายละเอียดอะไรทั้งนั้น

“ก็พามาดูงาน.. ไปเถอะ” ครูซบอกสั้นแล้วดึงมือเธอให้เดินตามเข้าไปในโครงการ วันนี้มีคณะมาศึกษาดูงานเยอะพอสมควรมีทั้งหน่วยงานภาครัฐนักเรียนนักศึกษาและประชาชนทั่วไป

“เมื่อปลายปี พ.ศ. 2551 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงซื้อที่ดินจากราษฎร พื้นที่ประมาณ 120 ไร่ ณ บริเวณอ่างเก็บน้ำหนองเสือ บ้านหนองคอไก่ หมู่ที 5 ตำบลเขากระปุก อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี และในเวลาต่อมา ปี พ.ศ. 2552 ก็ทรงซื้อแปลงติดกันเพิ่มอีก 130 ไร่ รวมพื้นที่ทั้งหมด 250 ไร่ และทรงมีดำริให้ทำเป็นโครงการตัวอย่างด้านการเกษตร รวบรวมพันธุ์พืชเศรษฐกิจในพื้นที่จังหวัดเพชรบุรีและพื้นที่ใกล้เคียง มาปลูกไว้ที่นี่ โดยเริ่มดำเนินการ ตั้งแต่วันที่ 13 กรกฎาคม 2552 เป็นต้นมา สภาพพื้นที่โดยทั่ว ๆ ไป แห้งแล้ง ดินปนทรายและหินลูกรัง...” เสียงเจ้าหน้าที่สาวสวยที่คงจะได้รับเชิญให้มาเป็นเจ้าหน้าที่นำคณะนักเรียนของโรงเรียนแห่งหนึ่งบรรยายให้นักเรียนตัวน้อยฟังเกี่ยวกับความเป็นมาของโครงการ ปานชนกมองดูคนอื่นๆ ที่ต่างเดินไปตามพื้นที่ต่างๆ ที่มีการแนะนำจากเจ้าหน้าที่โครงการไปอย่างเป็นระเบียบ อย่างงงๆ เพราะไม่เคยมาเที่ยวในลักษณะนี้มาก่อน

“คุณฉันเหนื่อยและร้อน..” ปานชนกบ่นเมื่อครูซพาเธอเดินเกือบรอบโครงการ เขาดูสนอกสนใจกิจกรรมต่างๆ ในโครงการมาก คอยสอบถามเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับการปลูกพืชและการเลี้ยงสัตว์ตลอดจนการแปรรูปผลิตภัณฑ์ของโครงการและเธอก็เห็นเขาจดทุกอย่างลงในสมุดโน้ตเล่มใหญ่ของเขา...

“เดินแคนี้ร้อนเหรอนิกกี้”

“แค่นี้ของคุณแต่ก็เกือบทั่วโครงการนะ” หญิงสาวแย้งอย่างหงุดหงิด

“คุณเดินแค่เกือบทั่วโครงการ แต่พระราชาขอคุณเดินไปทั่วประเทศ.. คุณคิดว่าใครจะเหนื่อยกว่ากัน หากมีสมองก็หันไปมองรอบๆ ตัวคุณนะว่าคุณเห็นอะไรบ้าง และจากที่ได้ฟังเจ้าหน้าที่เขาเล่ามาว่าก่อนหน้านี้ที่นี่เป็นยังไงแล้วตอนนี้มันแตกต่างจากเมื่อก่อนยังไง คุณเห็นบ้านหลังนั้นมั้ย ผมเองยังไม่อยากเชื่อเลยว่าพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกอยู่บ้านไม้แสนธรรมดา ผิดกับพวกพนักการเมืองบางคนอยู่อย่างหรูหรากินอยู่สบายคดโกงประชาชนไปวันๆ ส่วนลูกหลานของคนพวกนั้นก็ไม่เห็นหัวคนอื่น หยิบโหย่งเที่ยวไร้สาระไปวันๆ บางคนก็สร้างแต่ปัญหาข่มเหงชาวบ้าน.. น่าสงสารคนไทยบางคนอย่างคุณจริงๆ ที่ไม่เคยเห็นคุณค่าอะไร ไม่เคยเห็นใครนอกจากตัวเอง..”

“ใช่ ฉันรู้ฉันเห็นแล้ว แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉัน พูดเหมือนด่าฉันเลย ฉันไปทำอะไรให้คุณกัน..” คนหัวร้อนเริ่มสงสัยและเริ่มเห็นเค้าลางบางอย่างจากชายหนุ่ม เขาเป็นคนต่างชาติต่างภาษาแม้เขาจะเลือดเสี้ยวหนึ่งเป็นคนไทยแต่ปานชนกไม่คิดว่าคนที่เกิดและโตในต่างประเทศจะรู้จักประเทศไทยดีกว่าเธอแต่ตอนนี้ปานชนกเริ่มไม่มั่นใจว่าเธอรู้จักประเทศของตนดีแค่ไหน

คำพูดของเขาทำให้เธอคิดอะไรได้บ้างและมองไปรอบๆ ตัวอย่างไตรตรอง ก็เห็นจริงดังเขาว่า พระราชาของเธอเดินไปทั่วผืนแผ่นดินไทย ท่านทรงพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนไทยให้อยู่ดีกินดี เป็นสุขร่มเย็นเปลี่ยนพื้นที่แห้งแล้งกันดารเป็นพื้นที่ที่สามารถเพาะปลูกได้ ทุกอย่างที่ในหลวงรัชกาลที่๙ ได้ทรงทำไว้ให้คนไทยนั้นประจักษ์แก่สายตาของเธอดี

“หึ เดี๋ยวคุณก็ได้รู้นิกกี้.. เอาล่ะกลับกันเถอะ ผมมีธุระต้องสะสาง” พูดจบก็เดินนำหน้าไปลิ่วๆ น้ำสักขวดเขาก็ไม่พาเธอแวะดื่ม

“นี่คุณ เดี๋ยวก่อนสิ ฉันหิวน้ำ” เธอไม่ได้เอากระเป๋าเงินติดตัวมาด้วยเพราะทุกอย่างอยู่บนรถกระบะคันใหญ่ของเขา

“ไปกินที่รถ”

“แต่ฉันอยากกินกาแฟสด..” เธอบอกเพราะอยากกินจริงๆ

“มีแต่น้ำเปล่า จะกินก็ตามมาหรือจะยืนแห้งตายอยู่นี่ก็ตามใจ” ชายหนุ่มเดินไปโดยไม่สนใจเธอสักนิด แต่เพราะไม่มีทางเลือกตอนนี้เธอเหนื่อยแทบขาดใจเพราะไม่เคยเดินตากแดดตากลมนานขนาดนี้มาก่อน และพอถึงรถครูซก็ยื่นขวดน้ำให้

“น้ำมันไม่เย็น..”

“ถ้าเรื่องมากก็ไม่ต้องกิน เอาคืนมา” ชายหนุ่มทำท่าจะดึงขวดน้ำคืนปานชนกรีบเบี่ยงตัวหนี

“กินก็ได้..” แล้วหญิงสาวก็เปิดน้ำออกดื่มดับกระหายน้ำที่อยู่ในรถที่จอดตากแดดไว้มันไม่ต่างอะไรกับน้ำต้มสุกเลยแม้แต่น้อย แต่เพราะความกระหายและไม่มีทางเลือกปานชนกก็ดื่มไปเกือบหมดขวด แล้วที่เหลือก็เทล้างมือ

“แล้วน้ำนี่มันดื่มแก้กระหายได้เหมือนน้ำเย็นไหม” ปานชนกไม่ตอบได้แต่มองครูซอย่างขุ่นเคืองแล้วเปิดประตูรถขึ้นไปนั่งหน้าบูดบึ้งอย่างไม่สบอารมณ์ ครูซยิ้มน้อยๆ อย่างสะใจ

เธอยังต้องเจออะไรมากกว่านี้นิกกี้...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel