บทที่ 10 . เมียผมหายไปไหน
สิงหราชกลับคุ้มอินจำปาทันทีที่เสร็จงาน จิตใจของเขาล่องลอยไปหาภรรยาที่รักซึ่งช่วงนี้แทบไม่มีเวลาได้พูดคุยกันเลย เหมือนโชคชะตากลั่นแกล้งให้มีเหตุการณ์ยุ่งยากเข้ามาแทรกกลางระหว่างเขากับอัจฉรียาพรสองเรื่องพร้อมๆ กันและเขาก็ไม่สามารถจะปล่อยผ่านได้สักงาน ปานชนกก็ตกที่นั่งลำบากบริษัทก็มีปัญหาฉ้อโกงซ้ำคนที่กำลังจะกลายมาเป็นคนรักของเพื่อนรักก็ถูกจับเป็นตัวประกัน ถ้าเขานิ่งดูดายก็ไม่ใช่ที่ สิงหราชก็ได้แต่หวังว่าอัจฉรียาพรจะมีเหตุผลและเข้าใจว่าที่เขาทำไปนั้นด้วยความหวังดีกับทุกๆ คน แต่ชายหนุ่มก็คิดว่าอัจฉรียาพรคงจะคิดมากเรื่องปานชนกและเขาจะต้องรีบกลับมาอธิบายให้เธอได้ฟังให้เธอได้เข้าใจและเห็นใจปานชนก...
“คุณแม่ครับ..”
“อ้าว ตาสิงโต มาเสียดึกเลย”
แม่เลี้ยงเกศราที่เพิ่งเดินกลับมาจากเรือนหอของลูกชายเพราะแวะไปเยี่ยมศรีสะใภ้ชะงักแล้วก็ยิ้มด้วยความดีใจที่ลูกชายกลับมาเสียที
“แวะไปคุยกับอิ่มอุ่นเหรอครับ”
“จ้ะ มาเหนื่อยๆ ทานอะไรมารึยังล่ะ”
“เรียบร้อยแล้วครับ ผมขอตัวไปหาอิ่มอุ่นก่อนนะครับ..” ชายหนุ่มกำลังจะผละไปแต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อสาวใช้วิ่งหน้าตื่นมาหา
“แย่แล้วค่ะแม่เลี้ยง คุณสิงโต คุณนกเจ้า คุณนก..” สาวใช้เอ่ยตะกุกตะกักหน้าตาตื่นตระหนก
“นกเป็นอะไร”
“คุ คุณนก ตกเลือดค่ะ..” แม่เลี้ยงเกศราหันมามองหน้าลูกชายแล้วทั้งสองก็รีบวิ่งไปที่ห้องพักของปานชนกทันที...
ในขณะเดียวกันนั้นอัจฉรียาพรซึ่งยืนมองสามีที่เดินเข้ามาในบริเวณบ้านและแวะคุยกับแม่เลี้ยงเกศราจากหน้าต่างห้องด้วยความตื่นเต้นดีใจที่จะได้พบกันเสียทีหลังจากกว่าเกือบสิบวันที่ผ่านมาเธอไม่ได้พูดคุยกันเลย แต่แล้วหญิงสาวก็ต้องใจหล่นวูบเมื่อเห็นสิงหราชเดินแกมวิ่งกลับไปที่คุ้ม นั่นแสดงว่ามีคนที่สำคัญกว่าเธออยู่ที่นั่นจึงทำให้เขาวิ่งแจ้นไปหาได้...
“พี่สิงโต รักอิ่มอุ่นจริงๆ หรือคะ..” หญิงสาวน้ำตาไหลพรากเมื่อความน้อยใจและความโหยหาความหวาดระแวงกัดกินใจดวงน้อยของตนจนแทบไม่มีชิ้นดี ทั้งที่พยายามจะมองทุกอย่างด้วยเหตุและผลและทำตัวให้มีสติ ไม่คิดเองเออเองมาตลอดหลายวัน เธอเฝ้ารอให้เขากลับมาแล้วพูดคุยกับเขาด้วยเหตุผลตามที่ปลายฝนหรือใครๆ แนะนำ แต่ดูตอนนี้ มันไม่จำเป็นอีกแล้ว.. แล้วความน้อยใจและอารมณ์ที่แปรปรวนทำให้อัจฉรียาพรร้องไห้ออกมาอย่างหนัก ก่อนจะเดินกลับไปที่เตียงแล้วนอนร้องไห้จนหลับไป...
สิงหราชถอนใจออกมาหนักๆ เมื่อปานชนกกับลูกปลอดภัย แม่เลี้ยงเกศรากับพ่อเลี้ยงอินคำเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน ยิ่งได้รู้เหตุผลว่าทำไมสิงหราชจึงพาปานชนกกลับมาด้วยก็เห็นใจหญิงสาวอยู่ไม่น้อย วันนี้บังเอิญปานชนกสะดุดล้มทำให้เกิดอาการเลือดออกเล็กน้อยโชคดีที่ไม่แท้งเพียงแค่มีเลือดออกจากช่องคลอดเล็กน้อยและหมอก็ให้นอนพักดูอาการอีกวันเพื่อความแน่ใจว่าแม่และเด็กปลอดภัย
“สิงโตกลับไปพักเถอะลูก ป่านนี้น้องรอแล้ว ผัวเมียไม่เจอกันหลายวันทั้งมีเรื่องมากมายเข้ามาแทรกจะทำให้เข้าใจกันผิดได้..” แม่เลี้ยงเกศราบอกลูกชายซึ่งดูอ่อนล้าอย่างเห็นใจ
“ครับ. ยังไงผมฝากดูนกหน่อยนะครับ ตอนนี้เธอเองก็ไม่มีใคร” สิงหราชบอกแล้วขอตัวกลับบ้านก่อนปล่อยให้พ่อแม่ของตนช่วยดูแลปานชนกก่อน
ชายหนุ่มหยีตาเล็กน้อยเมื่อเห็นแสงแรกของวันผ่านเข้ามาในม่านตา เนื่องจากอดหลับอดนอนและอ่อนเพลียมาหลายวันทำให้เขาต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะประคับประคองตัวเองให้ขับรถกลับถึงบ้านได้อย่างปลอดภัย และเมื่อมาถึงก็รีบวิ่งไปที่บ้านด้วยความตื่นเต้นดีใจเหมือนหนุ่มน้อยวัยแรกรุ่นจะได้เจอสาวในดวงใจครั้งแรกอย่างไรอย่างนั้น
“อิ่มอุ่นจ๋า พี่สิงโตกลับมาแล้ว..” ชายหนุ่มเปิดประตูห้องเข้ามาก็ร้องเรียกภรรยาเสียงดังรอยยิ้มระบายเต็มดวงหน้า ความเหนื่อยล้าแทบจะหายเป็นปลิดทิ้งเมื่อคิดถึงเมียรัก แต่เมื่อไม่มีเสียงขานรับเขาจึงเดินหาอัจฉรียาพรไปทั่วห้อง แต่ก็ไม่พบใจหนุ่มเริ่มหวาดหวั่นรีบเดินหาภรรยาไปทั่วบ้านทั้งตะโกนเรียกสาวใช้ให้วุ่นวาย
“ป้าเยาว์ อ่อน เห็นคุณอิ่มอุ่นไหม”
“ไม่ค่ะ ตั้งแต่เช้าป้าก็อยู่ในครัว เอ็งเห็นคุณอิ่มอุ่นไหมนังอ่อน”
“เห็นออกไปตั้งแต่เช้า อยู่เรือนแม่บัวรึเปล่าคะ”
“ขอบใจ..” สิงหราชรีบเดินเร็วๆ ไปที่เรือนหลังเล็กของแม่บัวทันที
“แม่บัวครับแม่บัว..”
“อะไรกันคะคุณหนู ตะโกนโหวกเหวกแต่เช้าล่ะลูก..” แม่บัวซึ่งดูเหมือนกลับมาจากใส่บาตรทำหน้ายุ่งส่งข้าวของให้แม่บ้านนำไปเก็บแล้วหันมามองหน้าคนที่เลี้ยงมาแต่เล็กแต่น้อยอย่างสงสัย
“อิ่มอุ่นล่ะครับ”
“เอ.. วันนี้แม่บัวยังไม่เห็นเลยนะคะ ปกติก็จะมาใส่บาตรกับแม่บัวแต่วันนี้ยังไม่เห็นมา”
“แล้วอิ่มอุ่นไปไหน น้องกระต่ายตื่นรึยังครับ”
“เดี๋ยวแม่บัวไปถามเด็กๆ ให้นะคะ”
“ไม่ต้องแล้วครับเดี๋ยวผมไปเอง..” ว่าแล้วก็ก้าวยาวๆ ไปยังเรือนใหญ่ทันที...
สิงหราชหนั่งลงอย่างหมดแรงเมื่อแน่ใจแล้วว่าอัจฉรียาพรไม่อยู่ที่คุ้มและอาจจะเป็นไปได้ว่าเธอเข้าใจผิดและหนีไปพร้อมกับลูกในท้อง...
“ใจเย็นๆ ก่อนลูก น้องแค่หลบไปพักผ่อนหรือก็แค่อยากอยู่คนเดียวเงียบๆ เดี๋ยวอิ่มอุ่นก็คงกลับมา”
“แม่อ้อนว่าสิงโตพักผ่อนก่อนดีไหม ดูสิ หน้าตาซูบซีดไปหมดแล้ว ไม่ได้พักติดต่อกันหลายวันจะแย่เอา ให้เวลาน้องหน่อยอย่างน้อยเราก็รู้ว่าอิ่มอุ่นปลอดภัยดี” คุณอโนมาบอกลูกเขยที่รักอย่างห่วงใยเมื่อเห็นท่าทางเศร้าหมองและใบหน้าที่หมองคล้ำซูบซีดของสิงหราช สามวันมานี้ทุกคนดูจะเป็นกังวลเมื่อไม่สามารถติดต่ออัจฉรียาพรได้ และสิงหราชก็เอาแต่เที่ยวตามหาภรรยากินไม่ได้นอนไม่หลับร่างกายซูบลงไปอย่างเห็นได้ชัดเพราะนอกจากจะไม่ค่อยได้พักผ่อนแล้วสิงหราชยังมีอาการวิงเวียนและอาเจียนอย่างหนักแต่ก็ยังดื้อดึงจะออกไปตามหาภรรยาตามบ้านเพื่อนๆ
“ฉัตรกับวาริสติดต่อมาไหมครับ” นอกจากจะไม่ยอมหยุดแล้วยังคอยถามถึงเพื่อนๆ ของอัจฉรียาพรเผื่อว่าหญิงสาวจะติดต่อมา ทุกคนต่างเข้าใจดีว่าที่อัจฉรียาพรหลบไปนั้นเพราะอะไรแต่ไม่อยากพูดพาดพิงถึงเรื่องเก่าและไม่อยากให้คนที่อยู่ไม่สบายใจเพราะตอนนี้ปานชนกเองก็ซึมๆ ดูหม่นหมองไปไม่สดใสซึ่งก็ไม่ดีต่อคนที่กำลังตั้งท้องเลย ตอนนี้เหมือนจะมีรักสามเส้าแต่คนสามคนยังไม่ได้เปิดอกคุยกันนี่สิ ปัญหาใหญ่
“ตอนนี้อิ่มอุ่นไม่ได้ติดต่อใครจ้ะ นอกจากโทร. มาบอกแม่ว่าจะไปเที่ยวสักพักเท่านั้น” นั่นคือเมื่อสามวันก่อนที่อัจฉรียาพรติดต่อมา
“ผมจะไปตามหาเมียผม” สิงหราชโซเซจะลุกขึ้นเมื่อสามวันมาแล้วที่เขาไม่ได้เจอหน้าภรรยา ความจริงแล้วเขาไม่ได้เจอเธอมาจะหนึ่งสัปดาห์แล้วต่างหากตั้งแต่มีเรื่องมากมายประดังประเดเข้ามาพร้อมๆ กัน จนเป็นเหตุให้อัจฉรียาพรเข้าใจผิดและหนีหน้าไปแบบนี้และทุกคนก็ไม่อยากโทษปานชนกว่าเป็นต้นเหตุ
“พักผ่อนเถอะลูก เดี๋ยวล้มป่วยขึ้นมาจะแย่ทีนี้หน้าเมียหน้าลูกก็จะไม่ได้เห็น..” แม่บัวเอ่ยขึ้นแล้วลูบหลังลูบไหล่ของคนที่เซทรุดนั่งลงกับโซฟาตัวใหญ่ด้วยเพราะอ่อนแรงเต็มที
“แค่จะดูแลตัวเองยังไม่มีปัญญา” คุณอัคคีว่าพร้อมกับปรายตามองลูกเขยอย่างหมั่นไส้จึงโดนคุณอโนมาบิดต้นแขนไปหนึ่งที
“นี่แน่ะ ปากไม่ดีเลยค่ะ”
“โอ้ยๆ เมียจ๋า ก็มันจริงนี่ รั้น จะไปยังไงทั้งที่ตัวเองไม่สบาย” คุณอัคคีพ้อภรรยาเสียงอ่อย
“จริงอย่างไฟว่า สิงโตควรพักก่อน ไม่ใช่จะดื้อรั้นออกไป หากเกิดอุบัติเหตุหรืออะไรขึ้นจะยิ่งแย่ไปใหญ่” พ่อเลี้ยงอินคำเห็นด้วยกับผู้เป็นน้องชาย
“เอาล่ะๆ น้องว่าเราไปดื่มน้ำชากันก่อนดีกว่า แม่บัวดูแลตาสิงโตดีๆ ล่ะ แล้วไม่ต้องออกไปไหนนะลูก พักก่อน เดี๋ยวน้องก็คงติดต่อกลับมา ใจเย็นๆ ก่อนอย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้” แม่เลี้ยงเกศราเอ่ยขึ้นแล้วพยักหน้าให้ทุกคนตามออกไป
สิงหราชเองก็หลับตาลงอย่างอ่อนเพลียและหลับไปในที่สุด แม่บัวหันมามองคนที่หลับสนิทไปแล้วถอนใจเบาๆ นางหันไปมองคนที่เดินออกมาเงียบๆ หลังจากที่ทุกคนออกไปแล้ว
“นกขอโทษนะคะที่ทำให้ทุกอย่างวุ่นวายไปหมดแบบนี้..” หญิงสาวเอ่ยขึ้น เธอไม่กล้าสู้หน้าทุกคนเลยในตอนนี้เพราะละอายใจ แม้แต่แม่บัวที่ใจดีกับเธอมาเสมอยังมีท่าทีมึนๆ ตึงๆ ด้วย
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ทุกคนเข้าใจคุณนก และก็หวังว่าเดี๋ยวทุกอย่างมันก็ผ่านไป”
“นกไม่คิดว่าเรื่องมันจะบานปลายไปแบบนี้ นกแค่..”
“แม่บัวไม่รู้หรอกนะคะว่าคุณนกมีเหตุจำเป็นอะไรที่ต้องมาพักที่นี่และไม่สนใจด้วยว่าคุณนกจะรู้สึกยังไง เพราะตอนนี้ทุกคนแค่อยากให้ความสุขกลับมาเหมือนเดิม.. แม่บัวพูดแบบนี้อาจจะเหมือนเห็นแก่ตัวเหมือนจะโทษว่าคุณนกเป็นต้นเหตุ มันก็จริงแต่มันแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น คุณนกเองก็คงคิดว่าตัวเองเป็นต้นเหตุของเรื่องนี้ แต่แม่บัวอยากจะบอกว่า ไม่ว่าคุณนกจะคิดแบบไหน มันก็ไม่ได้มีผลดีกับใครทั้งนั้น ตอนนี้คุณนกควรดูแลตัวเอง อย่าคิดมากและไม่ต้องกังวล..” ปานชนกร่ำไห้ออกมาเมื่อสิ่งที่แม่บัวพูดมานั้นมันจริงทุกอย่างและเธอเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี ตอนนี้เธอเองก็สับสนไปหมด
“นก.. ไม่รู้จะทำยังไง”
“คุณนกขา ทุกคนผิดพลาดกันได้ แม่บัวไม่รู้ว่าคุณนกต้องเจอกับอะไรมาบ้าง แต่ทุกคนก็หวังดีกับคุณนกนะคะ ไม่ได้อยากจะผลักไสไล่ส่งคุณนกไปไหน หากคุณนกไปก็ยิ่งจะทำให้คุณหนูคิดมากและเพิ่มภาระหนักใจให้กับทุกคน คุณนกไม่ต้องไปไหนนะคะ แม่เลี้ยงกับพ่อเลี้ยงก็ไม่ได้รังเกียจหรือโทษคุณ” แม่บัวพูดเหมือนมานั่งใจของเธอปานชนกพยักหน้าทั้งน้ำตาแล้วโอบกอดผู้สูงวัยไว้ด้วยความรักและขอบคุณ
ปานชนกกคิดว่าเธอจะไปจากคุ้มเพราะคิดว่าตนเป็นต้นเหตุเรื่องราววุ่นวาย ทำให้อัจฉรียาพรกับสิงหราชผิดใจกันจนอัจฉรียาพรหนีไปพร้อมกับลูกในท้อง แต่เมื่อแม่บัวพูดเตือนสติเธอจึงคิดได้ เธอควรจะรอให้อัจฉรียาพรกลับมาแล้วค่อยอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง เพื่อจะได้ไม่ติดค้างกันหลังจากนั้นเธอค่อยไปตามทางของตัวเอง...
“อย่าคิดมากนะคะ ถ้าคุณหนูรู้ก็จะพานไม่สบายใจไปด้วย” ปานชนกพยักหน้าเบาๆ แล้วมองคนที่หลับสนิทอย่างขอบคุณในน้ำใจของเขา หากเป็นคนอื่นคงจะรังเกียจเธอและคงผลักไสไปให้ไกล เธอโชคดีที่มีสิงหราชกับชัชและศศิเป็นเพื่อน เพราะหลังจากที่เจอมรสุมชีวิตเพื่อนที่เคยกินเคยเที่ยวด้วยกันต่างหนีหายไม่มีใครถามไถ่ถึงเธอสักคนและบางคนรังเกียจแม้กระทั่งจะบอกว่าเคยรู้จักเธอ
มันก็สมควรแล้วกับสิ่งที่เธอได้รับ เพราะพ่อของเธอเป็นคนชั่วที่ใครๆ ต่างก็ประณามหยามเหยียด หากเธอไปอยู่ที่อื่นเธอเองก็อาจจะได้รับอันตรายทั้งจากคนที่เกลียดพ่อของเธอ โดยเฉพาะผู้ชายคนนั้น...?
“พี่ไฟคะบอกมาเสียดีๆ ว่าอิ่มอุ่นอยู่ไหน..” คุณอโนมาถามสามีเมื่อกลับมาถึงบ้าน นางสังเกตเห็นแล้วว่าคุณอัคคีมีท่าทางน่าสงสัย
“พี่ก็ไม่รู้..” บอกพลางหลบตาคมๆ ของภรรยาในใจคนเคยเก่งกล้าเต้นระส่ำ
“แน่นะคะ..”
“แน่สิจ๊ะ พี่เคยโกหกอ้อนเหรอ”
“โอเคค่ะ ไม่รู้ก็ไม่รู้ แต่ถ้าหากความจริงมันมาแดงทีหลังว่าพี่สมรู้ร่วมคิดกับแม่ลูกสาวตัวแสบล่ะก็.. น่าดู..” คุณอโนมาตาเขียวใส่สามีแล้วเชิดหน้าเดินเข้าห้องของตนไปพร้อมทั้งปิดประตูล็อกแน่นหนา คุณอัคคีหน้าเสียเมื่อรู้แน่ชัดว่าภรรยาที่รักได้พิโรธแล้ว
“แย่แล้ว ทำไงดี เมียโกรธแล้ว ฮึ่มมม ไอ้ลูกเขยตัวแสบ ทำให้เมียฉันโกรธเลย..” แทนที่จะโทษตัวเองคุณอัคคีเลือกที่จะโทษสิงหราชไปเต็มๆ ใบหน้าที่คงหล่อเหลาบึ้งตึงงอง้ำเดินไปเดินมาอยู่หน้าห้อง ครั้นจะเคาะประตูเรียกภรรยาก็กลัวว่าจะยิ่งทำให้คุณอโนมาโกรธหนักขึ้น สุดท้ายคุณอัคคีก็เดินคอตกเดินไปนอนห้องเล็กซึ่งเคยเป็นห้องของลูกๆ อย่างไม่มีทางเลือก
