แม่นม
“แค่เพียงทำตามที่ข้าต้องการก็พอ ข้าถือสุภาษิต เลี้ยงคนพันวันใช้งานวันเดียว เช่นนั้นวันหนึ่งที่ข้าจะใช้งานเจ้าก็ต้องทำให้เต็มที่”เหล่าหยารับเอาห่อยารีบสาวเท้ายังตำหนักเย็น
ตำหนักเย็น
“นี่ของเจ้า นี่ก็ของเจ้า นี่ก็ของเจ้า”อ้ายหลีอ๋องนำสิ่งของมากมายกองตรงหน้าลู่เสียน ในการมาของเขา
“ลำบากท่านแล้ว ลู่เสียนไม่รับของเหล่านี้คราวหลังท่านอ๋องจะได้ไม่ต้องลำบากหอบมันมาพะรุงพะรัง”
“ข้าเต็มใจ”ลู่เสียนยิ้มในครั้งแรก
“งดงามยิ่งนัก เจ้ายิ้มได้งดงามยิ่งนัก ลู่เสียนเจ้าต้องยิ้มบ่อยๆ ”
“ไม่มีเหตุอันควรให้ยิ้มในเมื่อแม้แต่ตัวตนของตัวเอง
ข้ายังจำมันไม่ได้ อดีตที่ผ่านมามืดดำไม่เหลือไว้ให้จดจำท่านอ๋องคิดว่าข้ายังควรจะยิ้มอยู่อีกหรือไร”
“ไม่ยิ้ม ก็ไม่ยิ้มพรุ่งนี้ข้าจะมาใหม่มาเพียงแค่อยากเห็นรอยยิ้มของเจ้า วันนี้ ของที่ข้าเอามาเจ้ารับไว้เสียหน่อย”
“ลู่เสียบนรับเอาเพียงแค่ชิ้นเดียว”หยิบมีสั้น ด้ามไม่แกะสลักลวดลายมังกร”
“อันนี้เป็นฮ่องเต้ที่ประทานให้ข้า เจ้าเอาไว้ป้องกันตัวจะดีไหม”ลู่เสียนลูบไล้มันไปมา
"ขอบคุณท่านอ๋อง”
“ท้องเจ้าโตขึ้นทุกวันระหว่างนี้ มีดนี้ไว้ป้องกันตัว อีกอย่างข้าจะแวะมาบ่อยๆ ”เหลือบตามองหน้าท้องที่ป่องนูนของลู่เสียนรู้สึกสงสารจับใจ
“เหล่าหยาดูแลข้าอยู่”เหมือนจะเพิ่งนึกขึ้นได้
“ข้าไปเสียทีเกรงว่าถ้าไม่ไปเมื่อครู่สวนกับเหล่าหยาเขาเองก็คงใกล้จะกลับแล้วหากเขาพบข้าเกรงว่าจะไม่มีโอกาสได้พบเจ้าอีกเป็นแน่มิสู้ข้าพบเจ้าวันละครั้งแต่ในทุกวันจะดีกว่า”ยิ้มร่าเริง ก้าวขาออกจากตำหนักเย็น
ลู่เสียนนั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ความว่างเปล่าในหัวแม้จะพยายามคิดถึงเรื่องราวในอดีตแต่ก็ไม่อาจ คิดถึงมันมองมีดสั้นในมือที่สลักลวดลายมังกร
“ฝ่าบาท”กลืนคำพูดลงคอไปช้าๆ อยู่ๆ น้ำตาก็ไหล ลู่เสียนปาดน้ำตาสุดลมหายใจเข้าลึกๆ กล้ำกลืนหยาดน้ำตาที่ไร้สาเหตุนั้นลงไปในอก
เจ็ดเดือนผ่านไป
“ลูกของเจ้า ไม่อาจรอดชีวิต ข้าช่วยอย่างสุดกำลังแล้วทว่าเขาตายตั้งแต่อยู่ในครรภ์” เหล่าหยายืนเฝ้าลู่เสียนที่แท่นนอน หมอหญิงที่เหล่าหยาพามาจากตลาดหลบตาก้มหน้ามองพื้น
“ไม่จริง ไม่จริงใช่ไหม เขาจะต้องไม่เป็นไร”รู้สึกเหมือนโลกกำลังตะสลายไป
“ลู่เสียน ท่านหมอช่วยเจ้าสุดกำลังแล้ว แต่ไม่อาจยื้อชีวิตลูกของเจ้าไว้ได้ ข้าไม่อยากให้เจ้าต้องรู้สึกไม่ดี จึงฝังศพลูกของเจ้าไปแล้ว”
ลู่เสียนหลับตาไล่หยาดน้ำตา ที่ไหลรินไร้การควบคุม หมอหญิงรีบลุกออกมาจากห้องปาดน้ำตาเช่นกัน
“ข้าไปส่งท่านเองท่านหมอ นี่เงินค่าจ้าง”
หยิบถุงเงินใส่ในมือหมอหญิงเดินนำออกไปจากตำหนักเย็น
“กุ้ยเหริน คลอดองค์ชายน้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
หมอหลวงอุ้มร่างอ้วนกลมวางลงบนอ้อมกอดของอ้ายหลงเปียงหลัว ที่ทอดสายตาอ่อนโยนยังทารกในมือ
“เขามีใบหน้าละม้ายข้ายิ่งนัก”ยิ้มด้วยความตื่นเต้นดีใจ
“เหมือนจริงๆ พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท องค์ชายน้อย มีใบหน้าละม้ายฝ่าบาทที่สุด”จ้านกงกงรีบสอพลอ
ทารกน้อยร้องไห้จ้าส่งเสียงแผดร้องด้วยความหิว
“โอ๋...ลูกข้าคงจะหิวแล้ว พาเขาไปให้กุ้ยเหรินป้อนนม”
จ้านกงกง เหลือบตามอง หมอหลวง
“เ่อ่อ เอ่อฝ่าบาท กุ้ยเหรินร่างกายอ่อนแออีกอย่างไม่มีน้ำนม ..ให้กับองค์ชายด้วยกุ้ยเหรินยังเด็กนัก...”หมอหลวงกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น นางกำนัลรับเอา องค์ชายน้อยไปอุ้ม
“เป็นเช่นนั้นได้อย่างไร”ขมวดคิ้วด้วยความงุนงงในเมื่อสรรหายาบำรุงทุกขนานบำรุงร่างกายให้ฟางหรงตลอดที่นางอุ้มท้อง
“คงต้องหาแม่นม ฝ่าบาทข้าน้อยจ้านกงกงอาสาหาแม่นมมาให้องค์ชายน้อยด้วยตัวเอง”
“โดยเร็ว ไม่อย่างนั้นองค์ชายมิต้องหิวตายหรือไร”
ก้าวขาเข้าไปในห้อง ฟางหรงนอนบนแท่นนอนใบหน้าซีดเผือด ท่าทีอิดโรยขยับกายลุกขึ้น
“ไม่ต้อง เจ้านอนพักเสียข้าเพียงแค่มาดูว่าเจ้าไม่เป็นอะไรก็โล่งใจแล้ว”
“ฝ่าบาท เห็นหน้าองค์ชายน้อยหรือยัง”
“เหมือนข้าเขามีใบหน้าละม้ายข้าที่สุด”น้ำเสียงภาคภูมิใจอย่างที่สุด
“เจ้ามอบสิ่งมีค่านี้ให้ข้าระหว่างนี้เตรียมการแต่งตั้งฮองเฮาโดยเร็ว”
จ้านกงกงยิ้มมุมปาก
"นี่เงินของเจ้า"เหล่าหยายืนเงินในถุงให้กับหมอหญิง
"ใต้เท้า ข้าสงสัยเสียจริงลูกของนาง"
"เรื่องนี้ ยิ่งมีคนรู้น้อยยิ่งดี ข้าเดิมแวะเวียนหาท่านหมอให้ช่วยมาตรวจครรภ์นางแม้ไม่สนิทแต่ว่าก็คุ้นเคย ท่านหมอท่านหนีไปเสียเปลี่ยนชื่อแซ่เสียใหม่จึงดี ข้าแนะนำท่านได้แค่นี้ หากท่านไม่หนีไปเกรงว่าที่ข้ายอมเอาตัวเจ้าไปเสี่ยงจะสูญเปล่า"
"เข้าใจแล้ว ขอบคุณใต้เท้า ข้าจะจำไว้"หมอหญิงรีบเร้นกายหายไปในความมืด
