ตอนที่ 6 แสดงละคร
ระหว่างรอน้ำมันนวด ซ่งเมิ่งเหยาจึงเตรียมน้ำอุ่นมาล้างเท้าให้เขา อันดับแรกนางถอดเสื้อคลุมให้เขาเหลือเพียงชุดสีขาวตัวบางด้านในเท่านั้น จากนั้นให้เขานั่งลงบนตั่งตัวเดิม พับขากางเกงขึ้นเหนือเข่า ความขาวของขายาว ๆ ที่มีกล้ามเนื้อแน่นหนั่นทำให้ดวงตาของนางพร่ามัวเล็กน้อย ขาวหนอ เนียนหนอ ยาวหนอ ผู้ชายอะไรเซ็กซี่แม้กระทั่งเส้นขน กลิ่นกายก็หอมสะอาดราวกับอาบน้ำวันละสิบรอบ ตาย ๆ นางเป็นคนแพ้ความขาว
นางสะบัดใบหน้าไล่ความคิดอุบาทว์พวกนั้นทิ้งไป จากนั้นจึงเริ่มล้างเท้าให้เขาด้วยน้ำหนักมือที่ไม่เบาไม่แรงจนเกินไป
แค่มือนุ่ม ๆ กับน้ำอุ่น ๆ สัมผัสกับเท้าของเขาก็รู้สึกผ่อนคลายมากแล้ว อดไม่ได้ที่จะหยิบหมอนใบเล็กมาพิงแผ่นหลังเอาไว้ด้วยท่วงท่าปลอดโปร่งโล่งสบาย
ล้างเท้าเสร็จแล้วนางจึงใช้ผ้าซับเท้าให้แห้ง จากนั้นเดินไปรับจิงโหยวและตะเกียบจากเถาซูเหวิน ซ่งเมิ่งเหยายิ้มให้สาวใช้เล็กน้อยก่อนปิดประตูห้องยังกวาดสายตามองสาวใช้ด้านนอกด้วยแววตานึกขัน เจียงซื่อทำถึงขนาดนี้เชียวหรือ แค่นางมาปรนนิบัตรบุตรชายจำเป็นต้องให้สาวใช้มาสอดแนมเป็นสิบคน
สาวใช้คนอื่นที่พ่อบ้านฟู่ให้มาเฝ้าตามคำสั่งของเจียงซื่อตรงหน้าประตูจึงเอ่ยถามเถาซูเหวิน “คุณหนูซ่งเอาตะเกียบกับขวดยาพวกนั้นไปทำอะไรหรือซูเหวิน”
เถาซูเหวินส่ายหน้า ยิ้มแหยให้ “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน”
ทุกคนต่างสงสัย ท่านโหวกินข้าวอิ่มแล้วนี่นาจะเอาตะเกียบมาทำไม หรือว่าท่านโหวจะชอบความพิสดาร บรรดาสาวใช้ต่างมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก
“ข้างนอกมีคนอยู่มาก คืนนี้เราต้องแสดงละครกันสักหน่อย” ซ่งเมิ่งเหยาแจ้งให้เขาทราบเมื่อนั่งคุกเข่าลงตรงหน้าเขา
“แสดงละครอย่างไร”
“ก็แสดงให้คนอื่นรู้ว่าเรากำลังทำอะไรกันอย่างไรเล่าเจ้าคะ” เรื่องแค่นี้ทำไมต้องให้อธิบาย
“ต้องเขย่าเตียงหรือไม่” เขาถามเสียงขรึมพลางทำสีหน้าจริงจัง
ซ่งเมิ่งเหยากลั้วขำก่อนกล่าวออก “ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกเจ้าค่ะ”
มือนุ่มเริ่มลงน้ำมันบนเท้าข้างซ้ายของเขา โดยวันนี้นางเลือกน้ำมันกลิ่นคลาสสิกซึ่งเป็นกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของสมุนไพรหลายชนิด จากนั้นเริ่มนวดคลึงฝ่าเท้าและหลังเท้าให้เขา น้ำหนักมือพอดิบพอดี ไม่ถือว่าหนักหรือเบาเกินไป ฟ่านอวิ๋นซีมองดูการกระทำของนางด้วยความพอใจ เช่นนี้หรือที่นางเรียกว่านวดฝ่าเท้า อีกทั้งกลิ่นหอมของจิงโหยว มันช่างรู้สึกโล่งเบาสบายดีเหลือเกิน
ขณะที่ชายหนุ่มกำลังเคลิบเคลิ้มไปกับการนวด ซ่งเมิ่งเหยาจึงกดน้ำหนักลงฝ่าเท้าเต็มแรง โดยที่เขาไม่ทันได้ตั้งตัว
“อ้า ๆ เจ็บ ๆ ๆ เจ้าทำเบา ๆ หน่อยไม่ได้หรือ” เขาสูดปากครางออกเสียงดังจนสาวใช้ที่ยืนอยู่ด้านนอกได้ยินกันชัดถ้อยชัดคำ พวกนางเอาหูแนบผนังเรือนมากขึ้น
ซ่งเมิ่งเหยาคลี่ยิ้มออกเหลือบมองไปทางประตูด้วยแววตาพึงพอใจ เช่นนั้นฟ่านอวิ๋นซีจึงรู้ว่าเขาถูกนางหลอกเข้าแล้ว
สาวใช้ด้านนอกอ้าปากตาโตกันทั้งสิ้น ท่านโหวของพวกนางยอมให้คุณหนูซ่งผู้นี้เสียแล้ว ช่างเป็นข่าวใหญ่ของจวนโหวจริง ๆ
“เจ้าแกล้งข้า” ฟ่านอวิ๋นซีเอ่ยออกด้วยแววตาขุ่นเคือง
“อย่างน้อยท่านก็ไม่ต้องออกแรงเขย่าเตียง”
คำพูดนั้นทำให้เขาเถียงนางไม่ออก วิธีนี้ก็นับว่าดีทีเดียว อย่างน้อยพรุ่งนี้ก็ทำให้ท่านแม่ของเขาสบายใจได้แล้ว
ว่าแล้วเขาจึงก้มลงกระซิบให้นางทำอีก เขาจึงเป็นฝ่ายส่งเสียงออกมา “อ้า อย่างนั้นแหละเหยาเหยา แรงอีกหน่อย เร็วอีกหน่อย นั่นแหละ ๆ อ้า” เขาพูดพลางส่งเสียงครางออกมาเสียงดัง แถมหรี่ตามองนาง จนทำให้หญิงสาวนึกหมั่นไส้
นางจึงตีเข้าที่ขาเขาหนึ่งที “ได้ทีก็เล่นใหญ่เชียวนะเจ้าคะ”
เท่านั้นใบหน้าที่เคร่งขรึมมาตลอดทั้งวันจึงยกยิ้มขึ้นจาง ๆ อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่คิดว่าการแกล้งคนอื่นจะสนุกเช่นนี้
เขาจึงพูดออกอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว “ก็เจ้าเป็นคนเริ่มก่อน”
นางมองค้อนเขาเล็กน้อย ที่เห็นเขาสนุกกับเรื่องนี้ แต่ไม่ได้กล่าวตำหนิเขาอีก
ฟ่านอวิ๋นซีปล่อยให้นางนวดฝ่าเท้าให้จนพอใจ ก่อนหน้ายังสงสัยว่านางพกตะเกียบมาทำไม แต่เมื่อเห็นนางใช้โคนตะเกียบที่มีลักษณะกลมมนคลึงปลายนิ้วเท้าให้เขา เขาจึงกระจ่างแจ้งทุกอย่าง และมันก็ทำให้เขารู้สึกดีมากจริง ๆ นางไปเรียนเรื่องพวกนี้มาจากที่ใดกันถึงทำได้อย่างชำนาญนัก
นวดฝ่าเท้าเสร็จจึงเลื่อนขึ้นมานวดขา นางใช้มือนวดน่องตั้งแต่บริเวณเอ็นร้อยหวายจนเกือบถึงข้อพับ เมื่อทำหลายรอบเข้าก็ทำให้ภายในท้องของเขารู้สึกโล่งวาบ อีกทั้ง… อีกทั้งเขายังเผลอผายลมโดยไม่ได้บอกนางอีกด้วย ซ่งเมิ่งเหยาคงไม่รู้หรอกกระมัง สังเกตจากสีหน้านางแล้ว มันคงไม่มีกลิ่น ใครจะไปรู้เล่าว่าแค่การนวดขาจะทำให้ผายลมได้
เสร็จจากขาซ้ายก็ย้ายมาขาขวา นวดขาเสร็จจึงนวดแขนซ้ายและแขนขวาตามลำดับ จากนั้นจึงย้ายมาที่คอบ่าไหล่ ทุกสัมผัสของนาง นางทำอย่างตั้งใจคล้ายกับสิ่งนี้คืองานของนางที่ทำเป็นประจำ
“เส้นของท่านตึงมาก อีกทั้งที่บ่ายังมีพังผืด ท่านโหวคงเครียดกับงานมากใช่หรือไม่เจ้าคะ” ความจริงนางไม่อยากละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวของเขา เพียงแต่เมื่อได้สัมผัสกับเนื้อกายของเขาแล้วก็ให้นึกเป็นห่วงขึ้นมา ถึงเขาจะมีกล้ามเนื้อแน่นหนั่นแต่ไม่ใช่คนบึกบึน รูปร่างเขาสูงโปร่งและค่อนไปทางผอมอยู่บ้าง แต่มันก็คนละเรื่องกันกับกล้ามเนื้อตึงเครียด เช่นนี้จะทำให้เขาปวดร้าวไปถึงศีรษะได้
“อืม! ก็มีบ้าง” เขาตอบอย่างแบ่งรับแบ่งสู้ เพราะไม่อยากให้นางรู้เรื่องของเขามากเกินไป
แต่ความจริงไม่ใช่แค่มีบ้าง เขาเครียดเรื่องงานจนทำให้เป็นโรคนอนไม่หลับมาหลายปี นับตั้งแต่ท่านพ่อของเขาจากไป เขาก็สืบทอดบรรดาศักดิ์โหวต่อจากท่านพ่อ และอีกหนึ่งปีต่อมาเขาก็ได้เลื่อนขั้นเป็นผู้บัญชาการศาลต้าหลี่แทนท่านพ่อเช่นกัน ด้วยตำแหน่งหน้าที่ที่เขาต้องรับผิดชอบ และคดีต่าง ๆ ที่เขาได้รับมอบหมาย จึงทำให้เขาอยู่กับความเครียดทุกวัน ท่านพ่อจากไปเกือบเก้าปีแล้ว และเขาก็ไม่เคยนอนเกินสองชั่วยามสักวัน ไม่ใช่เพราะเขาไม่อยากนอน แต่เป็นเพราะเขานอนไม่หลับ เช่นนั้นในห้องของเขาจึงมีโต๊ะทำงานอยู่ด้วย เมื่อเขาตื่นขึ้นมาแล้วย่อมหลับไม่ลงอีก สิ่งเดียวที่ทำได้ก็คืองาน
ซ่งเมิ่งเหยาบีบนวดตรงคอและบ่าไหล่ให้เขาก็รู้แล้วว่า เขาคงไม่ใช่เพิ่งเครียด แต่คงสะสมความเครียดมานานหลายปีแล้ว เกือบครึ่งชั่วยามที่นางนวดให้เขา จู่ ๆ ร่างที่นั่งเหยียดหลังตรงในคราแรกก็เริ่มโอนเอน นางจึงก้มหน้ามองเขาเล็กน้อยจึงรู้ว่าตอนนี้เปลือกตาเขาปิดไปแล้ว
นางจึงหยุดมือและค่อย ๆ รั้งร่างให้เขานอนลงบนตั่งตัวยาว จากนั้นยกขาสองข้างของเขาขึ้นบนตั่งอย่างทุลักทุเล เพราะมันหนักเหลือเกิน นำหมอนมาให้เขาหนุน ห่มผ้าให้ นำเทียนหอมกลิ่นไป๋หลันฮวาหรือดอกจำปีจากมิติมาจุดให้ แล้วจึงเก็บอุปกรณ์ทุกอย่างให้เรียบร้อย
ยามโฉ่วแล้วซ่งเมิ่งเหยายังนั่งสัปหงกอยู่ข้างตั่งของเขาหลายครา เมื่อเห็นสมควรแก่เวลา นางจึงเดินกลับเรือนของนางอย่างเบาเท้า