ตอนที่ 8 ติดตามไปทำภารกิจ (1)
ซ่งเว่ยเหลียงกับเสี่ยวเส้าเร่งห้อม้าจนถึงเมืองเยี่ยเฉิงในดึกของวันนั้น ม้าวิ่งเต็มกำลังแทบจะเหนื่อยตาย เพียงแต่ถึงมาแล้วประตูเมืองปิด จึงต้องหาโรงเตี๊ยมนอกเมืองนอนพักเอาแรงกันก่อนหนึ่งคืน
ตอนเช้าประตูเปิดซ่งเว่ยเหลียงก็เข้าเมือง ตรงไปจวนตระกูลซ่งทางตะวันตกทันที หน้าประตูจวนได้เตรียมรถม้าไว้หลายคันเพื่อฮูหยินผู้เฒ่าและทุกคนที่จะกลับเมืองหลวงในวันนี้ เพียงแต่ตอนนี้ยังเช้าอยู่มาก คาดว่ายังจะไม่ออกเดินทางกันก่อน
“คุณชายใหญ่! มาได้อย่างไรขอรับ” พ่อบ้านซูที่ควบคุมบ่าวไพร่ขนย้ายข้าวของขึ้นรถม้าเห็นซ่งเว่ยเหลียงพลิกกายลงจากม้าก็รีบเข้าไปประสานมือค้อมกาย
“ท่านย่าจะออกเดินทางยามใด?” เขาก้าวเท้าผ่านประตูมาแล้วถึงเอ่ยถาม พวกบ่าวไพร่ค้อมกายให้ เขาก็ไม่ทันได้สนใจ
“ยามซื่อ[4]ขอรับ” ขณะที่ตอบเขาก็เดินตามฝีเท้าเร่งรีบของซ่งเว่ยเหลียงไปทางเรือนกลาง
[4]ยามซื่อ คือช่วงเวลา 9:00 น. ถึง 11:00 น.
จนกระทั่งทั้งสองเดินมาถึงก็เห็นฮูหยินผู้เฒ่ากับซ่งฮูหยินกำลังกินมื้อเช้าอยู่
“ท่านย่า ท่านแม่”
“เว่ยเหลียง! เหตุใดถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ” ซ่งฮูหยินลุกขึ้นไปจับมือบุตรชายและพามานั่งด้วยกันที่โต๊ะ “ไปจัดสำรับมาอีกที่” นางหันไปสั่งสาวใช้แล้วก็หันมองหน้าบุตรชายเขม็ง
“ท่านย่าจะพาทุกคนกลับวันนี้ใช่หรือไม่”
“ใช่ ว่าแต่เจ้ายังไม่ตอบคำถามแม่เจ้าเลยว่ามาที่นี่ได้ยังไง” ฮูหยินผู้เฒ่าอีกคนที่แปลกใจ
“ห้าวันก่อนหลานรับราชโองการให้ไปตรวจสอบเขื่อนกักเก็บน้ำที่จวี้ลู่ ผ่านมาทางนี้เลยแวะมาดูสักหน่อย แต่อยู่นานไม่ได้เพราะหลานทิ้งใต้เท้าเชียงไว้ ต้องเร่งกลับไปสมทบกับเขาก่อนเข้าเมืองจวี้ลู่”
“มิน่าถึงผอมลงไปอีกแล้ว คงเร่งเดินทางไม่น้อย แล้วใครติดตามไปบ้าง”
“มีเสี่ยวเส้ากับพวกสี่อี้” เขาตอบขณะรับชามกับตะเกียบจากสาวใช้ที่ส่งของให้เขาแล้วก็หน้าแดงก่ำถอยออกไปเงียบๆ
“เจ้าลูกคนนี้ ต่อให้ไปทำงานก็ไม่จำเป็นต้องทำตัวเองให้ลำบากเลย”
ตอนนั้นเองที่สาวใช้หน้าห้องส่งเสียงทักทายอิ๋นจื่อที่เพิ่งมาถึง นางเห็นซ่งเว่ยเหลียงนั่งอยู่ด้วยก็ผงะไปชั่วขณะหนึ่งก่อนจะยอบกายคารวะทั้งสามคนและยืนสงบเสงี่ยมอยู่เงียบๆ ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปสบตากับซ่งฮูหยิน ทั้งสองมีความเห็นตรงกัน
“ฟังว่าเรื่องเขื่อนเก็บน้ำที่นอกเมืองจวี้ลู่สร้างมาตั้งแต่ปีที่แล้วยังไม่เสร็จ งบที่จัดสรรก็บานปลายเหมือนเอาไปโยนลงแม่น้ำ คิดว่าเจ้าคงอยู่ที่จวี้ลู่อีกพักใหญ่ เอาอย่างนี้เถอะ ให้อิ๋นจื่อตามไปดูแลเรื่องอาหารการกิน ย่ากับแม่เจ้าจะได้ไม่เป็นห่วงนัก”
“ใช่ มีอิ๋นจื่ออยู่ด้วยก็รับรองได้ว่าเจ้ามีอาหารดีๆ ให้กินอิ่มท้อง มีเสื้อผ้าให้อุ่นกาย” ซ่งฮูหยินเห็นดีเห็นงามด้วยอีกคน
เขาไม่ตอบรับหรือปฏิเสธทั้งยังเปลี่ยนเรื่องอีก “หลี่ซื่อ?”
ซ่งฮูหยินมองค้อนบุตรชาย “ไม่ต้องห่วงนางหรอก นางได้สหายเดินทางไปเมืองหลวงด้วยกันแล้ว เจ้าคงจำซีเสวี่ยได้ สะใภ้ใหญ่รับนางไปเมืองหลวงด้วยกัน มาขออนุญาตท่านย่าเจ้าแล้ว”
ซ่งเว่ยเหลียงฟังแล้วก็ไม่พูดและแอบขบกรามกรอดอยู่เงียบๆ เขากินดื่มไม่เอ่ยปากอีก
จึงเป็นอันตกลงว่าอิ๋นจื่อจะตามซ่งเว่ยเหลียงไปเมืองจวี้ลู่ด้วย ก่อนออกเดินทางทุกคนมารวมตัวกันที่เรือนของฮูหยินผู้เฒ่า หลี่ซื่อเห็นสามีก็รีบก้าวยาวๆ เข้าไปหา ใบหน้างดงามแต่งแต้มไว้อย่างประณีตยิ้มแย้มชวนมองและโผเข้าไปในอ้อมกอดเขา น้ำเสียงกระเง้ากระงอด
“ท่านพี่มาตั้งแต่เมื่อไร ทำไมไม่ให้ใครไปบอกข้าที่เรือน”
“ข้าเพิ่งมาถึง ต้องไปทำงานที่จวี้ลู่ แค่ผ่านทางมาเลยแวะมาดูหน่อย อีกสักครู่ต้องเร่งเดินทางแล้ว”
“พอข้าจะกลับ ท่านก็ไม่อยู่อีกแล้ว”
“ข้ารับราชโองการมาทำงาน บ่ายเบี่ยงไม่ได้หรอก เจ้ากลับไปรอที่จวนเถอะ”
“อือ ท่านดูแลตัวเองด้วย”
สองสามีภรรยากระซิบพูดกันเบาๆ คนอื่นก็หันมองเป็นระยะ ท่าทางสนิทสนมรักใคร่นี้ใช่ว่าเพิ่งเคยเห็น ซ่งเว่ยเหลียงเป็นเช่นนี้กับภรรยาตลอดอยู่แล้ว เพียงแต่ในใจซ่งเว่ยเหลียงตอนนี้เขาแทบอยากจะผลักหลี่ซื่อออกไปให้พ้นอก พยายามข่มกลั้นอยู่หลายครั้ง เรื่องทุกอย่างที่นี่เขารู้หมดแล้วและรู้มานานแล้วว่าซีเสวี่ยไม่ใช่สตรี!
เมื่อหลี่ซื่อรู้ว่าหญิงแก่จุ้นจ้านทั้งสองจัดแจงให้อิ๋นจื่อตามสามีตนไปเมืองจวี้ลู่ด้วยก็ได้แต่กดข่มความไม่พอใจ แต่มีหรือที่ฮูหยินผู้เฒ่ากับซ่งฮูหยินจะดูไม่ออก กับสะใภ้ใหญ่คนนี้ที่แต่งเข้ามาในครานั้นเพราะทั้งสองเหมาะสมกันจริงๆ หนึ่งหญิงงาม หนึ่งบุรุษหล่อเหลามากความสามารถ คนทั้งเมืองหลวงเลยชอบจับคู่พวกเขากันจนนำพาให้สองครอบครัวตกลงเรื่องบุตรหลานแต่งงานกัน เพียงแต่หลายปีมานี้นอกจากกินดื่มและใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายแล้วหลี่ซื่อไม่ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลยนอกจากตามหึงหวงสามี แต่ถึงกระนั้นซ่งเว่ยเหลียงก็ให้เกียรตินางอยู่ไม่น้อย เพราะยังไม่อยากแตกหักกันบ้านเดิมของนาง เขาจึงต้องทนเล่นละครสามีรักใคร่ภรรยาให้ผู้อื่นเห็นอยู่แทบทุกวัน
