ตอนที่ 13 เหน็ดเหนื่อย (1)
ก๊อกๆ
เสียงเคาะประตูหน้าห้องทำให้สะโพกที่ยังขยับอยู่ด้านหลังชะงักเล็กน้อย สายตาตวัดไปทางประตูแล้วก็เบนกลับมาที่ใบหน้านวลเนียนชื้นเหงื่อเล็กน้อย ก่อนจะเริ่มขยับสะโพกอีกครั้ง อิ๋นจื่อนอนตะแคงข้างยกขาข้างหนึ่งไปพาดอยู่บนต้นขาคนด้านหลัง
ซ่งเว่ยเหลียงนอนตะแคงซ้อนหลังนางและยังสอดแทรกท่อนเนื้อจากด้านหลังขยับโยกกระแทกอยู่ตลอด มือหนึ่งกอบกุมหน้าอกอิ่มนุ่มมือเล่นไปด้วย อีกมีหนึ่งสอดใต้ลำคอระหงโอบคนข้างหน้าให้แนบชิดตัวเองไปด้วย
ก๊อกๆ
เมื่อไม่ได้ยินคนในห้องตอบสนอง เสียงเคาะประตูนั้นจึงดังอีกครั้ง ตอนนี้ยามเฉิน[7]แล้ว คนที่เคาะประตูน่าจะเป็นสาวใช้ในเรือนรับรอง แต่เมื่อคิดอีกทีก็ไม่น่าจะใช่เพราะอิ๋นจื่อยังไม่ออกจากห้อง การรบกวนแขกขณะพักผ่อนย่อมเป็นการเสียมารยาท ซ้ำที่นี่เป็นเรือนพักส่วนตัวของขุนนางจากเมืองหลวง สาวใช้พวกนี้ไม่น่ากล้ามารบกวนตั้งแต่เช้า
[7] ยามเฉิน คือช่วงเวลา 07:00 น.ถึง 09:00 น.
“คุณชาย” เสียงเรียกนั้นเบามาก แต่ซ่งเว่ยเหลียงได้ยินถนัด เป็นเสียงของเสี่ยวเส้า
ซ่งเว่ยเหลียงเปลี่ยนท่า ดันอิ๋นจื่อให้นอนหงาย ดันสองขาเรียวสวยแยกกว้าง ตัวเองตามคร่อมทับ สอดใส่ท่อนลำกลับไปยังช่องทางอุ่นชื้นเช่นเดิม เขาหันไปทางประตูและส่งเสียงออกไป “ว่ามา”
“เจ้าหน้าแหลมจากจวนเจ้าเมืองมาขอรับ”
เจ้าหน้าแหลมที่เสี่ยวเส้าเอ่ยถึงย่อมต้องเป็นคนที่ไปรับพวกเขาที่โรงเตี๊ยมนอกเมือง เจ้าลูกเต่าผู้รับใช้เจ้าเมืองลูกพลับอ้วนผู้นั้น
“มันมาทำไม?”
“ฟังว่าคนหายไปจากจวน หนึ่งในนั้นเป็นบุตรสาวคนที่สี่ที่เกิดจากอนุภรรยา เขาบอกว่าหายมาพร้อมกับพวกคุณชาย”
“ฮึ มันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกเรากลับมาตอนไหน บุตรสาวตัวเองหายไปก็มาโยนความผิดให้ข้า”
“เอ่อ คือ ผู้หญิงที่อยู่ในห้องกับพวกคุณชาย ข้าน้อยตรวจสอบแล้ว เป็นนางรำ สาวใช้และก็คุณหนูสี่ด้วย รวมทั้งหมดสิบสองคนขอรับ”
“ในห้องข้ามีแค่คนเดียว?”
“ในห้องทุกคนก็มีหญิงสาวคนเดียว ยกเว้นในห้องใต้เท้าเชียง...”
“คิดว่าคุณหนูสี่อะไรนั่นอยู่ในห้องใต้เท้าเชียง?” ใต้เท้าเชียงอายุแค่สามสิบห้า หากเจ้าเมืองฉางส่งบุตรสาวไปเป็นคนของเขาได้ นั่นย่อมมีประโยชน์กับเขาไม่น้อย ซ่งเว่ยเหลียงแค่นเสียงฮึทีหนึ่ง
“ใช่ขอรับ”
“คนอื่นเป็นยังไงบ้าง?”
“ยังมีอาการร้อนรุ่ม อี้หงกำลังต้มยาดับพิษให้อยู่ขอรับ คุณชายจะรับด้วยหรือไม่”
“ไม่ต้อง!”
“ขอรับ” เสี่ยวเส้าตอบรับเสียงเบา เขาย่อมรู้ดีว่าคุณชายของเขาไม่จำเป็นต้องใช้ยาดับพิษกำหนัดเพราะมีอิ๋นจื่อคอยช่วยอยู่แล้วทั้งคน
“จับพวกนางไปขายซ่องโสเภณีให้หมด...” เขาชะงักไปเล็กน้อยแล้วเอ่ยต่อ “พวกข้าเมาสุรายังไม่สร่าง ปิดประตูหน้า ไม่รับแขก พวกสาวใช้ของเรือนรับรองจัดการปิดปากให้หมด”
“ขอรับ” เสี่ยวเส้ารับคำแข็งขันและเดินจากไป เสียงฝีเท้าไม่ดังไม่เบาเพราะอยากให้คนในห้องรู้ว่าตัวเองกำลังไปแล้ว ไม่อยู่ขัดจังหวะอีก ส่วนหญิงสาวพวกนั้นนอกจากจะส่งไปซ่องโสเภณีแล้ว ก่อนจะไปแน่นอนว่าต้องถูกจับกรอกยาคุมกำเนิดก่อนเพื่อไม่ให้มีปัญหาภายหลังและพวกนางคงไม่รู้ว่าเรื่องนี้เป็นคำสั่งของซ่งเว่ยเหลียง อยากจะตามตัวคนที่พาพวกนางออกจากจวนเจ้าเมืองและส่งไปซ่องโสเภณีน่ะหรือ หึๆ พวกนางคงหาไม่เจอตลอดชาติ
ฝีเท้าของเสี่ยวเส้าเงียบไปแล้ว ซ่งเว่ยเหลียงถึงก้มลงมองหญิงสาวใต้ร่าง เห็นนางปรือตามองเขา พยายามบังคับไม่ให้ตัวเองหลับเพราะถูกก่อกวนมาตลอดทั้งคืนแล้ว
“เป็นยังไง? อยากกัดข้าแรงนัก ตอนนี้สมควรอ้อนวอนร้องขอชีวิตจากข้าได้แล้วกระมัง” เขาหยอกเย้านางเล่นทั้งที่รู้ว่านางไม่ขอร้องเขาแน่ อิ๋นจื่อเป็นเด็กสาวที่ดื้อเงียบมาตลอด ไยเขาจะไม่รู้เล่า
นางเอียงหน้าเบนสายตาไปจากใบหน้าเขา ผมยาวสยายของเขาถูกตวัดไปด้านหลังนานแล้ว อกแกร่งชื้นเหงื่อ ลอนนูนของกล้ามเนื้อยังขยับอยู่น้อยๆ ตุ่มเล็กบนอกทั้งสองข้างเป็นสีน้ำตาลอ่อนตัดกับผิวขาวเกลี้ยงเกลา เขาเป็นคุณชายจากสกุลสูงศักดิ์ มีตำแหน่งในกรมโยธา เป็นขุนนางฝ่ายบุ๋น แต่ทำไม่อิ๋นจื่อรู้สึกเหมือนเขาเป็นพวกสายลับ เป็นพวกมือสังหารอะไรเทือกนั้นมากกว่า ดูได้จากความเผด็จการและการตัดสินใจทำลายชีวิตคนอื่นโดยตาไม่กะพริบเช่นนี้
