บท
ตั้งค่า

ตอนที่9.ผู้ดูแลหลิว

นั้นเป็นเรื่องที่นางสนทนากับ ‘ท่านแม่’ ผ่านทูตอีกาสื่อสารที่ท่านแม่ส่งมา ความจริงเข่อซิงไม่ใช่ปีศาจตนแรกที่ท่านแม่ส่งมา ในหอชมบุหลันนี้เป็นที่อาศัยของเหล่าปีศาจจิ้งจอกแดงสกุลหลิว แม้มิใช่พี่น้องแต่ก็นับเป็นพี่น้อง ในหุบเขาจื่อเซ่อจะเรียกกันตามอายุหรือพลังปีศาจของแต่ละตน ส่วนนางนั้นทุกตนเรียกศิษย์พี่ใหญ่ ได้รับมอบหมายให้ดูแลหอชมบุหลันแห่งนี้ ไม่มีปีศาจตนใดกล้ายั่วโทสะนาง แต่ก็มีปีศาจใจกล้าตนแรกที่ทำให้เส้นเลือดที่ขมับเต้นตุบๆ ก็คือ...

เงาร่างเล็กวิ่งกระหืดกระหอบมาตรงมาทางหอชมบุหลัน ใบหน้าจิ้มลิ้มที่เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อกำลังพุ่งตรงมาทางหญิงสาว ทันทีที่เจ้าของร่างเล็กเห็นว่ามีคนยืนคอยอยู่ ก็ยกมือข้างหนึ่งขึ้นโบกไปมา มืออีกข้างยังกอดห่อผ้าแนบอก

“ศิษย์...”

“หุบปาก!”

หลิวเข่อซิงลดมือลงมาปิดปากตัวเองแล้วหยุดยืนตรงประตู นางใช้ดวงตากลมโตเหลือบขึ้นมองป้าย ‘หอชมบุหลัน’ พลันนางเห็นตัวอักษรขยับเคลื่อนไหวเป็นรูปจิ้งจอกสีแดงสะบัดหาง นางกะพริบปริบๆ เพียงครู่เดียวตัวอักษรเหล่านั้นก็เป็นปกติ หรือพลังชีวิตนางเหลือน้อยเกินไปจึงเห็นสิ่งแปลกประหลาด

“จากหุบเขาจื่อเซ่อมาถึงที่นี่ใช้เวลาเดินทางแค่ครึ่งวัน แต่เจ้าใช้เวลาสองวัน!”

“อ้อ...เรื่องนั้น ข้า...”

“ข้ายังไม่อนุญาตให้พูดก็หุบปากเสีย!”

หลิวเข่อซิงยกมือปิดปากพยักหน้าหงึกหงัก ทำตามอย่างเชื่อฟัง ‘ท่านแม่’ ย้ำหนักหนาให้นางเชื่อฟังศิษย์พี่ใหญ่ อย่าดื้อดึงและเรียนรู้ให้มาก เพื่อเป็นปีศาจจิ้งจอกแดงสกุลหลิวอย่างเต็มภาคภูมิ ให้สมกับที่ท่านแม่เก็บนางมาชุบเลี้ยง

“เจ้าทำให้ข้าเสียโอกาสได้พบแม่ทัพซุน” หลิวชิงเซียงพยายามข่มโทสะของตน ความโกรธจะทำให้ผิวพรรณหม่นหมอง ใบหน้ามีริ้วรอย แม้นางเป็นปีศาจสามารถจำแลงกายให้งดงามหมดจดอย่างไรก็ได้ แต่เรื่องเหล่านั้นกินพลังไปมาก เพื่อก้าวถึงจุดสูงสุดแห่งปีศาจ นางต้องกักเก็บพลังไว้ใช้ยามจำเป็น

“เอาล่ะ มาแล้วก็เข้าไปด้านในเถอะ” หลิวชิงเซียงที่ปรับอารมณ์ให้สงบละลายไฟโทสะในกายแล้วคลี่ยิ้มอ่อนหวาน หมุนตัวด้วยท่วงทีงดงามราวร่ายรำเดินนำเข้าไปด้านใน

หลิวเข่อซิงลดมือลงแต่กอดห่อผ้าแน่นขึ้น นางเดินตามร่างอรชรของศิษย์พี่ แต่ก็อดเหลียวมองรอบกายไม่ได้ นางรู้ว่าหอชมบุหลันคือหอนางโลมแต่การตบแต่งของที่นี้สวยงามตระการตา แต่ละเรือนจัดเป็นสัดส่วน ในที่นี่มีทั้งที่เป็นมนุษย์และปีศาจปะปนกันไป แน่นอนว่านางย่อมเข้าใจว่าเผื่อมิให้นักล่าปีศาจได้กลิ่นไอปีศาจเช่นนาง ถึงแม้นางมีไอปีศาจอยู่น้อยนิดก็เถอะ

“มาอยู่ที่นี้ต้องเชื่อฟังข้า” ชิงเซียงเดินไปนั่งที่เก้าอี้ เพียงยื่นมือออกไปก็มีบ่าวรับใช้รินน้ำชาส่งให้ถึงมือนาง

หลิวเข่อซิงพยักหน้าหงึกหงัก จ้องมองท่วงท่าของศิษย์พี่ใหญ่ด้วยสายตาชื่นชม สมแล้วที่เป็นหญิงงามอันดับหนึ่งของหอชมบุหลันและเป็นศิษย์พี่ใหญ่ที่มีพลังปีศาจเปี่ยมล้น จนนางอดแลบลิ้นเลียริมฝีปากตนเองไม่ได้ หากได้เศษพลังสักเล็กน้อยแค่ปลายนิ้วก้อย นางคงมีเรี่ยวแรงมากกว่านี้และไม่กลายร่างกลับเป็นจิ้งจอกแดงอย่างแน่นอน

“ข้าพูดกับเจ้า เจ้าก็ขานรับสักคำไม่ได้หรือไร!”

“ก็ศิษย์พี่ใหญ่ให้ข้าหุบปาก”

หลิวเข่อซิงพูดเสียงเบา ดวงตาใสซื่อแสดงชัดว่านางไม่ได้ประชดประชัน ทำให้หลิวชิงเซียงสูดลมหายใจลึก ข่มไฟโทสะที่พร้อมจะพวยพุ่งออกมาจากสองตาของนาง

“เจ้าพูดได้” นางยกมือขึ้นกุมขมับ ท่านแม่บอกว่าเข่อซิงเหมือนกับนางในวันวาน นางอยากกางเล็บตะกุยโต๊ะไม้นี้เสียจริง เหมือนนางตรงไหนกัน! ต่อให้ห้าร้อยปีก่อนนางก็ไม่เคยทำตัวปัญญาทึบขนาดนี้! “แล้วห้ามเรียกข้าว่าศิษย์พี่ใหญ่อีก ให้เรียกข้าผู้ดูแลหลิว!”

ใครบังอาจเรียกนางว่าแม่เล้า นางจะตบปากตามอายุเลยทีเดียว!

“ผู้ดูแลหลิว” หลิวเข่อซิงเรียกตามอย่างว่าง่าย

“ท่านแม่บอกว่าเจ้ายังไม่เคยฆ่ามนุษย์ ล่อลวงมนุษย์ก็ไม่สำเร็จ ที่ผ่านมาได้แต่กินเศษพลังชีวิตที่ศิษย์พี่น้องแบ่งปันให้แลกกับที่เจ้าทำงานรับใช้พวกเขา ถูกต้องหรือไม่”

“ถูกต้อง!” นางตอบรับและยิ้มกว้างจนดวงตาหยีเล็ก

“น่าอนาถถึงเพียงนี้เจ้ายังกล้ายิ้มรับอีก!” หลิวชิงเซียงขึงตาใส่อย่างดุดัน “อยู่ที่นี่หากเจ้ายังไม่รับแขกเพื่อเสพพลังวิญญาณก็ต้องมีฐานะเป็นเพียงบ่าวรับใช้”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel