ตอนที่18. ขอบคุณ นายท่าน
“เข่อซิง เดินดีๆ ประเดี๋ยวหกล้ม”
“ข้าไม่ล้มๆ” นางหันมายิ้มจนดวงตาหยีเล็ก “เจ้า เอ๊ย ท่าน เอ่อ นายท่าน เดินเร็วๆสิ”
“ข้าวของไม่หนีเจ้าไปไหน ไม่ต้องรีบร้อนไป” เขาพูดพลางหยิบผ้าเช็ดหน้ายื่นให้ เจ้าจิ้งจอกแดงตัวน้อยของเขาใบหน้าเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ มือซ้ายมีถังหูลู่ มือขวามีขนมน้ำตาล หลัวเข่อซิงไม่รู้จะเอามือไหนรับผ้าเช็ดหน้าจึงยื่นหน้าไปหาเขา หานหรงเหยานิ่งงันอย่างทำอะไรถูกและเบือนหน้าไปทางอื่น ทว่าปีศาจสาวกลับคิดว่าเขาไม่เห็นหน้าอันชุ่มเหงื่อจึงขยับยื่นหน้าไปใกล้อีก
“มือข้าไม่ว่าง”
หานหรงเหยารู้ว่านางไร้เดียงสาไม่ได้คิดอื่นใด แต่การกระทำเช่นนี้บนถนนและท่ามกลางสายตาผู้คน แต่นางก็ไม่ลดละความพยายามที่จะให้เขาซับเหงื่อให้ และหากเขาไม่ทำเสียที นางก็คงยื่นหน้าหาเขาไม่หยุด ชายหนุ่มอับจนหนทาง โอดครวญในอกไม่น่ายื่นผ้าเช็ดหน้าให้นางเลย แต่สุดท้ายก็ซับเหงื่อให้นาง
“ขอบคุณ นายท่าน”
ปากบอกว่าจะเป็น ‘สาวใช้’ แต่ออกคำสั่งคนเป็นนายทุกคำ หานหรงเหยาโคลงศีรษะแต่กลับไม่อาจบังคับมุมปากมิให้ยกยิ้มไม่ได้
“หิวหรือไม่ กินข้าวเที่ยงก่อนค่อยกลับเข้าจวนนะ” อย่างไรเสียวันนี้หยุดงานมาเพื่อนางแล้ว ไม่ต้องรีบกลับก็ได้ ปกติหากไม่จำเป็นอะไร แทบไม่เคยหยุดงาน ถึงขนาดซุนเจ้าเฟิงขอร้องให้เขาหยุดคลั่งงานเสียบ้าง
“ได้!” เรื่องกินหลิวเข่อซิงไม่เคยขัด มื้อเช้าเป็นเขาที่ปลุกนางให้ลุกขึ้นมากินอาหารเช้า นางเป็นปีศาจแต่ความอยากอาหารเป็นเรื่องพื้นฐาน ได้ลิ้มรสของอร่อยแม้ไม่เพิ่มพลังให้ตนเองแต่ทำให้นางมีความสุข และนางชอบชีวิตแบบนี้เหลือเกิน! ออกจากหุบเขานี่ดีจริงๆด้วย!
หลิวเข่อซิงรีบกินขนมในมือให้หมดแล้วเดินตามแผ่นหลังของหานหรงเหยาเข้าไปที่โรงเตี้ยมแห่งหนึ่ง เพียงแค่ยืนหน้าประตูก็ได้กลิ่นอาหารหอมกรุ่นเรียกน้ำลายเต็มกระพุ้งแก้ม เสี่ยวเอ้อร์เข้ามาต้อนรับด้วยรู้ว่าแขกผู้มาเยือนเป็นใครก็เชื้อเชิญไปมุมที่มองเห็นสระน้ำ
“สวยจัง” นางชะเง้อคอยาวมองไปที่แม่น้ำซึ่งในเวลานี้ แสงแดดกระทบผิวน้ำเป็นประกายระยิบระยับ
“หุบเขาจื่อเซ่อไม่มีสระน้ำหรือ?” เขาถามพลางสั่งอาหารแทนนางที่เอาแต่จ้องมองนอกหน้าต่าง อากาศเย็นแล้วแต่วันนี้มีแสงแดด ทำให้ทุกอย่างล้วนน่ามอง
“ถ้าไม่มีสระน้ำ ข้าจะไปซักผ้าที่ใดเล่า” นางหันมามองเหมือนว่าเขาโง่เหลือเกิน “แต่ที่หุบเขาจื่อเซ่อเต็มไปด้วยหมอกทึบตลอดทั้งปี น้อยครั้งที่จะเห็นแสงแดดเช่นนี้ ทั้งที่อยู่ไม่ไกลกันมาก”
“มีใครมาจากหุบเขาจื่อเซ่อรึ”
ไม่ต้องหันกลับมามองก็รู้ว่าเจ้าของเสียงคือแม่ทัพซุนผู้ที่ไม่ชอบให้ใครเรียกเขาว่าองค์ชายสาม ชายหนุ่มทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ว่าง หานหรงเหยารินน้ำชาให้สหายแล้วรินน้ำชาให้เข่อซิง ซุนเจ้าเฟิงเลิกคิ้วเล็กน้อยแล้วยิ้มยั่วล้ออีกฝ่าย
“ข้าไม่รู้ว่าคนเป็นนายต้องรินน้ำให้สาวใช้”
เข่อซิงเพิ่งนึกได้ นางยื่นมือไปหมายจะแย่งหน้าที่รินน้ำชาเองแต่หานหรงเหยารินเสร็จแล้วและยื่นถ้วยชาให้นาง
“เขาล้อเจ้าเล่นเท่านั้น”
“ถูกต้อง ล้อเล่นเท่านั้น” ซุนเจ้าเฟิงยกน้ำชาขึ้นดื่ม เขาเพิ่งกลับจากค่ายทหาร หางตาเห็นสหายเดินเข้ามาในโรงเตี้ยมจึงหยุดม้าแล้วตามเข้ามาด้วย “ถ้าข้าจริงจังคงถามว่า ทำไมสาวใช้ถึงนั่งกินข้าวร่วมกับเจ้านาย”
หลิวเข่อซิงมองซุนเจ้าเฟิงสลับกับหานหรงเหยา นางเบ้ปากเหมือนจะร้องไห้ นางผู้มั่นใจในการเป็น ‘สาวใช้อันดับหนึ่งแห่งหุบเขาจื่อ เซ่อ’ กลับเผลอลืมหน้าที่ของตัวเองไปได้
“เจ้าเฟิง”
“โอ้ว เจ้าออกหน้าแทนสาวใช้” ซุนเจ้าเฟิงยังออกหยอกล้อไม่ได้ เสี่ยวเอ้อร์นำอาหารมาวางบนโต๊ะ เมื่อเห็นว่ามีผู้ร่วมโต๊ะเพิ่มจึงรีบไปนำชามและตะเกียบมาเพิ่ม
“อาหารเต็มโต๊ะเช่นนี้ ข้ากินด้วยคงไม่ว่ากระไรหรอกนะ”
หลิวเข่อซิงส่ายหน้าไปมา คราวนี้นางไม่กล้ากินก่อน แต่หานหรงเหยาคีบอาหารใส่ชามข้าวให้นาง
“เนื้อแพะตุ๋นที่นี่อร่อยมาก เจ้าลองกินดูสิ”
“ข้าก็ชอบเนื้อแพะนะ”
“เจ้าเฟิง” ชายหนุ่มปรามเบา เหตุใดวันนี้สหายเขาทำตัวเป็นเด็กเช่นนี้นะ
