บท
ตั้งค่า

ตอนที่19.เรื่องนี้ไม่ใช่ความลับอะไร

หลิวเข่อซิงมองเนื้อแพะตุ๋นในชามข้าวตัว แล้วลอบมองเนื้อแพะที่ยังเหลืออยู่ในจาน นางช้อนตาขึ้นมองซุนเจ้าเฟิงที่อ้าปากเคี้ยวเนื้อแพะคำโต คนผู้นี้ตัวใหญ่อย่างกับภูเขา เนื้อแพะจานนิดเดียวเขากินไม่กี่คำคงกวาดหมดจานแน่ นางเองก็ชอบกินเนื้อ ก็จิ้กจอกแดงที่ไหนจะชอบกินผักแล้ว มีแต่เจ้านายของนางที่คีบผัดผักเข้าปากด้วยท่าทีเรียบง่ายงามสง่า นางเกรงว่าหานหรงเหยาผู้บอบบางจะไม่ได้กินเนื้อแพะแสนอร่อย จึงรีบคีบเนื้อแพะใส่ชามข้าวของเขาหลายชิ้น และใส่ชามข้าวของนางก่อนจะก้มหน้าก้มตากินไม่สบตากับผู้ใด

หานหรงเหยาอ้าปากค้าง ในขณะที่ซุนเจ้าเฟิงกลั้นหัวเราะจนไหล่สะเทือน เอาเถิด นางเป็นห่วงเจ้านายถึงเพียงนี้ก็ดีแล้ว

“ข้าไม่เคยรู้ว่าหุบเขาจื่อเซ่อมีผู้คนอาศัยอยู่” ซุนเจ้าเฟิงเปลี่ยนเรื่องสนทนาวกกลับมาที่หุบเขาจื่อเซ่อ ทำให้หลิวเข่อซิงเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง

“แต่บริเวณรอบนอกมีหมู่บ้านคน” เรื่องนี้ไม่ใช่ความลับอะไร ใครๆ ก็รู้ หานหรงเหยาไม่อยากให้ปีศาจสาวลำบากใจจึงชิงอธิบายก่อน “แล้วเจ้าเล่า เหตุใดมากินข้าวเที่ยงในเมืองได้”

“อาวุธตัวอย่างถูกส่งมาแล้ว ข้าให้ส่งไปที่จวนเลยจะกลับไปดู” ซุนเจ้าเฟิงคลั่งไคล้อาวุธทุกชนิด เขาเสียเงินทองไปมากมายเกินกว่าจะนับได้หวาดไหว เพื่อซื้ออาวุธชั้นเลิศมาไว้ในครอบครอง

“เช่นนั้นข้าจะกลับไปดูพร้อมเจ้า”

ซุนเจ้าเฟิงโบกมือห้าม “วันนี้เจ้าหยุดนี่ พาเข่อซิงเที่ยวเล่นเถิด”

“ข้าไม่ได้เที่ยวเล่นนะ” เข่อซิงรีบพูดแก้ไขไม่ให้ซุนเจ้าเฟิงเข้าใจผิด ผู้อื่นเกรงกลัวชายผู้นี้ แต่นางไม่ เพราะเขาไม่เป็น ‘เจ้านาย’ของนางเสียหน่อย

‘ขนาดนี้แล้วไม่เรียกเที่ยวเล่นจะให้เรียกว่าอะไร’

เป็นอีกครั้งที่ซุนเจ้าเฟิงต้องกลั้นหัวเราะ เขารู้ว่าสหายหน้าบางเรื่องสตรี ตั้งแต่มีเรื่องหลัวซู่เหมยกลายเป็นพี่สะใภ้ เขาก็ไม่เคยเห็นหานหรงเหยายิ้มกับใครอีก โดยเฉพาะกับสตรี แต่พอมีหลิวเข่อซิงเข้ามาในชีวิต หานหรงเหยาก็ทำราวกับเก็บสัตว์เลี้ยงเล็กๆ มาดูแล

ช่างเถอะ นางจะเป็นอะไรก็ช่าง แค่ทำให้สหายของเขากลับมามีความสุขอีกครั้งก็พอ

“เข่อซิงซื้อของเสร็จแล้ว ประเดี๋ยวก็จะกลับ”

“ตามใจเจ้า” ซุนเจ้าเฟิงกินอาหารวดเร็ว แม้เป็นองค์ชาย แต่เขาใช้ชีวิตนอกวังมาตั้งแต่อายุสิบสาม อายุสิบสี่ก็เข้ากองทัพ อายุสิบห้าก็มือเปื้อนเลือดสังหารคนครั้งแรก แล้วก็รู้ตัวว่าตนเองไม่เหมาะกับชีวิตในวังหลวง ผู้อื่นมองว่าเขาเป็นไม่เป็นที่โปรดปรานจึงส่งมาอยู่ชายแดน แต่เขากลับขอบพระทัยเสด็จพ่อที่ทำให้ไม่ต้องอึดอัดใจตายในวัง

หลิวเข่อซิงเบิกตากว้าง ไม่คิดว่าบุรุษร่างใหญ่จะกินข้าวรวดเร็วราวกับกวาดโต๊ะไปอย่างนี้ นางกลัวหานหรงเหยาจะกินไม่อิ่มเพราะละเลียดกินที่ละคำ มือเรียวเล็กยื่นไปคว้าจานปลานึ่งยกขึ้นหนีตะเกียบของซุนเจ้าเฟิงทันที

แม่ทัพหนุ่มเลิกคิ้ว พลิกข้อมือที่จับตะเกียบหมายจะช่วงชิงเนื้อปลาแสนโอชะ แต่หลิวเข่อซิงประคองจานยกขึ้นหลบหลีกคล่องแคล่ว ดูไม่เป็นกระบวนท่าแต่อาศัยความว่องไว หญิงสาวที่ปกป้องปลานึ่งด้วยชีวิตถึงกับหมุนตัวหลบชูจานปลาขึ้นสุดแขน เพื่อไม่ให้ซุนเจ้าเฟิงได้ปลาไปกิน

“เจ้ากินเยอะแล้ว หาน เอ๊ย นายท่านของข้าได้กินแต่ผักเท่านั้น”

ซุนเจ้าเฟิงตะลึงงันไปเล็กน้อย เขาสบตากับสหายที่ยังนั่งหน้านิ่งละเอียดกินอาหารอย่างใจเย็น เขาเป็นคนไม่ถือยศศักดิ์ก็จริง แต่ไม่ใช่จะให้ใครมาเรียกเจ้านั้น เจ้านี้ได้ แต่นางทำไปก็เพราะเกรงว่าหานหรงเหยาจะกินไม่อิ่ม เขาใช้ชีวิตกับคนผู้นี้มาหลายปีย่อมรู้ดีว่าหานหรงเหยาเป็นสัตว์กินพืช นานๆ จะเห็นกินเนื้อสักคำสองคำ จึงไม่รู้สึกผิดที่ตนเองกินไปมาก และที่สำคัญ ไม่อิ่มก็แค่สั่งเพิ่ม ไม่ได้ยากจนจนต้องแย่งอาหารกันกิน

“เข่อซิงวางจานอาหารลงเถิด”

“แต่นายท่านได้กินนิดเดียวเอง”

“ถ้าไม่อิ่มก็สั่งเพิ่มได้” หานหรงเหยาพูดด้วยรอยยิ้ม “เจ้าอยากกินอะไรอีกไหม”

หลิวเข่อซิงส่ายหน้าไปมาแล้ววางจานปลานึ่งลงอย่างเดิม “ที่บ้านข้า ข้ากินไม่ทันผู้อื่น ได้กินแค่ที่เหลือติดถ้วยชาม ข้าก็เลย...กลัวนายท่านจะไม่อิ่ม”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel