ตอนที่14 กลอกตามองบน
“ข้าช่วยเขาไว้จริงๆ นะ”
พี่เลี้ยงสองคนรวมทั้งหลิวชิงเซียงลอบสบตากัน แล้วฉีกยิ้มออกมา หลิวชิงเซียงยังคงประดับรอยยิ้มอ่อนหวานแล้วเอ่ยขึ้น
“เป็นเช่นนี้เอง ข้าน้อยต้องขอบคุณที่ปรึกษาหานที่ช่วยเข่อ...เอ่อ..น้องเข่อซิงของเราไว้นี่เอง”
“แต่ผู้อื่นคิดจะถลกหนังข้า” เข่อซิงได้ทีรีบฟ้องหลิวชิงเซียงซ้ำยังชี้นิ้วไปยันซุนเจ้าเฟิง
“ข้าเปล่านะ!” ซุนเจ้าเฟิงส่ายหน้ารัว นางพูดเรื่องอะไรกัน
“เป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน” หานหรงเหยาแก้ไขให้ “ยังไม่ได้อธิบายเจ้าก็จากมาแล้ว จำได้ว่าเจ้าจะมาที่นี่ ข้าเป็นห่วงจึงมาเยี่ยมเยือน”
“เจ้า...เป็นห่วงข้า”
ดวงตากลมฉายแววประหลาดใจ แต่หัวใจนั้นเต้นผิดปกติ ทำไมนางรู้สึก ‘ดีใจ’ ที่มีคนห่วงใย ถึงขนาดตามหานางทั้งที่.. เขาก็รู้ว่านางไม่ใช่มนุษย์
“ที่ปรึกษาหาน ที่นี่เป็นหอนางโลมหากท่านคิดจะมาเยี่ยมนางก็เห็นที่ว่าต้อง...”
“ข้าเข้าใจ” หานหรงเหยายังคงเอ่ยอย่างสุภาพ “เมื่อครู่ได้ยินว่า...เข่อซิงต้องออกรับแขก”
“ใช่ๆ ข้าต้องออกรับแขก” นางพูดด้วยความตื่นเต้นและทำเหมือนเป็นเรื่องสนุก “เป็นครั้งแรกของข้า ข้าพยายามเรียนรู้อยู่”
‘พยายามเรียนรู้... เจ้าก็ช่างกล้าใช้ประโยคนี้’
พี่เลี้ยงทั้งสองถึงกับกลอกตามองบน
หานหรงเหยาเห็นแววตาใสซื่อของหลิวเข่อซิง หัวใจของเขากลับเต็มไปด้วยความปวดใจ เขารู้ดีแก่ใจว่านางต้องกลืนกินพลังชีวิต แต่นางใสซื่อถึงเพียงนี้ จะอยู่ในสถานที่เช่นนี้ได้อย่างไร เห็นได้ชัดว่าตั้งแต่นางจากเขามาคงยังไม่กินพลังชีวิตจากผู้ใดจึงได้มีสภาพเช่นนั้น
เห็นสีหน้าวิตกระคนทุกข์ใจของสหายรัก ซุนเจ้าเฟิงได้แต่โคลงศีรษะไปมา แล้วตัดสินใจเอ่ยปากแทนหานหรงเหยา
“เช่นนั้นก็ขายนางให้ข้า เอ่อ ไม่ใช่ให้สหายของข้าเสียสิ”
“ท่านแม่ทัพซุนพูดว่าอะไรนะเจ้าคะ” หลิวชิงเซียงเลิกคิ้วถาม ดูเหมือนคนผู้นี้จะไม่รู้เรื่องอะไรนัก
“ที่นี่หอนางโลมนี่” เขาเป็นคนพูดจาตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อม “สหายข้าต้องการซื้อแม่นางผู้นั้นออกไปจากที่นี่ ต้องจ่ายเท่าไหร่”
“ซื้อข้า?” เข่อซิงใช้ปลายนิ้วชี้ที่หน้าตัวเอง แล้วเงยหน้าสบตากับหานหรงเหยาที่กัดริมฝีปากครุ่นคิด
หากให้นางอยู่เช่นนี้เขาก็ไม่วางใจ ไหนๆ ก็มีชีวิตได้ไม่นาน ก็อุทิศพลังชีวิตที่เหลืออยู่ในนางได้ฝึกฝนเป็นปีศาจจิ้งจอกแดงก็แล้ว
“อืม ข้าต้องการซื้อตัวหลิวเข่อซิง ไม่ทราบว่าแม่นางหลิวชิงเซียง คิดเห็นอย่างไร”
หลิวชิงเซียงหรี่ตามองหานหรงเหยา แล้วเอ่ยขึ้น “ท่านรู้เรื่องเข่อซิงดีแค่ไหน นางไม่เหมือนผู้อื่น”
“ข้ารู้และคิดว่าสามารถดูแลนางได้”
“จะให้นางอยู่ในฐานะอะไร”
“ฐานะ...” เขาไม่ได้คิดเรื่องนั้น แค่อยากช่วยนางออกมาจากสถานที่แห่งนี้
“จะฐานะอะไร ให้นางเป็นสาวใช้ข้างกายสหายข้าอย่างไรเล่า”
เป็นแค่สตรีในหอนางโลมจะเรียกร้องเอาฐานะอันใดอีก ได้เป็นสาวใช้อุ่นเตียงก็ดีมากแล้ว ซุนเจ้าเฟิงหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด
“สาวใช้?”
หลิวเข่อซิงทวนคำแล้วก็เห็นว่าตำแหน่งนี้นางน่าจะทำได้ดี จากที่นาง ‘พยายาม’ เรียรรู้จากพี่เลี้ยงที่หลิวชิงเซียงส่งมาอบรมสั่งสอนแล้ว นางมั่นใจว่าตนเองเหมาะที่จะรับใช้ผู้อื่นเพื่อแลกกับการกินเศษพลังชีวิตเล็กๆ น้อยๆ เหมือนที่เคยอยู่ในหุบเขา
“ได้ๆ ข้าเป็นสาวใช้ให้เจ้าเอง” นางรีบเสนอตัวแล้วหันไปถามหลิวชิงเซียง “ข้าไปเป็นสาวใช้ของเขาได้ไหม”
“สาวใช้อะไรกัน ยังเรียกเจ้านายว่าเจ้านั้นเจ้านี้ ไร้มารยาทเสียจริง”
“ได้ๆ ข้าจะพยายาม” นางไม่ถือสาที่ซุนเจ้าเฟิงตำหนินาง “ข้าต้องเรียกเจ้าว่าอะไร”
“ใต้เท้า นายท่าน หรือที่ปรึกษาหาน ห้ามเรียกเจ้าๆ อย่างที่ผ่านมาอีก” ซุนเจ้าเฟิงทำตาดุใส่ ทำไมนางโง่งมขนาดนี้ เขาฝึกทหารเป็นหมื่นเป็นแสนยังไม่ยากเท่ากับคุยกับนางเลย
“ได้ เช่นนั้น ข้าเรียกเจ้าว่านายท่าน”
หานหรงเหยายิ้มและพยักหน้าให้ “ตามใจเจ้าเถิด”
“จะพานางไปก็จ่ายค่าไถ่ตัวนางเสียก่อน” หลิวชิงเซียงยังคงยิ้มอ่อนหวานแต่แววตามีความรื่นเริง แน่นอนว่านางหาวิธีกำจัดเจ้าตัวโง่งม ออกไปพ้นหูพ้นตา และอีกทาง นางยังสามารถหาเหตุผลไปเยี่ยมเยือนเข่อซิงที่จวนแม่ทัพซุนได้ คนผู้นี้มีพลังชีวิตกล้าแกร่ง หากได้กลืนกินย่อมทำให้นางมีพลังมากยิ่งขึ้น
