ตอนที่13.เกิดเรื่องอะไรขึ้น
ณ เรือนด้านหลัง
“เจ้านี่มัน...”
“พี่สาวทั้งสอง เมตตาข้าด้วย” เสียงอ่อนระโหยนั้นน่าสงสารยิ่ง แต่หญิงงามสองคนยืนมองด้วยความโมโห
“เรื่องง่ายๆ แค่นี้เจ้ายังทำไม่ได้ แล้วจะไปทำอะไรได้อีก!”
“ได้ๆ ข้าสัญญา ข้าจะพยายามให้มากกว่านี้ แต่ตอนนี้...ข้าขอ..ขอกินพลังชีวิตนิดหนึ่งได้ไหม”
“ไม่ได้!” สาวงามทั้งสองตวาดพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย เสียงตวาดนั้นทำให้เข่อซิงถึงกับยกมือขึ้นปิดหู แล้วนางก็ต้องตกใจเมื่อรู้ว่าหูของตนเปลี่ยนเป็นหูจิ้งจอกแล้ว
“หูของข้า!” หลิวเข่อซิงร้องอย่างลนลาน “หางก็โผล่!”
“ดี! กลายเป็นจิ้งจอกแดงแล้วกลับหุบเขาไปเลย! ทำตัวน่ารำคาญจริง!”
ไม่ได้นะ! นางจะกลายร่างเป็นจิ้งจอกแดงไม่ได้ พลังนางเหลือน้อยเต็มที หากกลายร่างเป็นจิ้งจอกแดงแล้ว ไม่รู้ว่านานเพียงใดกว่าจะได้กลายร่างเป็นมนุษย์อีกครั้ง
หรือไม่ก็...อยู่ในร่างจิ้งจอกแดงตลอดไป
“เข่อซิง”
หญิงสาวได้ยินเสียงที่คุ้นเคย นางลุกขึ้นจากเตียงแต่ไร้เรี่ยวแรงและนึกได้ว่าหูกับหางจิ้งจอกแดงโผล่ออกมาแล้ว นางอยากขยับตัวหาที่ซ่อนแต่ก็ทำไม่ได้ ทำได้เพียงยกมือขึ้นปิดหูของตน
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น”
หลิวชิงเซียงและหานหรงเหยาเอ่ยออกมาแทบพร้อมกัน หลิวชิงเซียงปรายตามองทางชายหนุ่มด้วยความประหลาดใจ ดูท่าทางเขาห่วงใยเจ้าตัวโง่งมนั้นจริงจัง
เอ๊ะ? เขารู้หรือไม่ว่านางเป็น....
หานหรงเหยาไม่ได้สนใจใครอื่น ในสายตาของเขามีเพียงเจ้าจิ้งจอกแดงตัวน้อยที่นั่งบนเตียงและยกมือขึ้นปิดหู เขาสาวเท้าเข้าไปอย่างรวดเร็วไม่สนใจท่าทีตื่นตะลึงของซุนเจ้าเฟิง รีบถอดเสื้อคลุมตัวนอกออกคลี่คลุมศีรษะของนาง แล้วโน้มหน้าลงประกบริมฝีปากกับหญิงสาวที่เบิกตากว้าง ลมหายใจอุ่นร้อนไหลเวียนเข้ามาในกายพร้อมกับพลังชีวิตทำให้หลิวเข่อซิงที่แทบหมดแรงสูดลมหายใจของเขาไปเฮือกใหญ่ นางหิวโหยและละโมบจนต้องยกมือขึ้นประกบใบหน้าของเขาไว้ไม่ยอมให้ถอยหนี
ก็นางหิวนี่...หิวมากๆ
ซุนเจ้าเฟิงอ้าปากค้าง เขาไม่เคยเห็นสหายจู่โจมสตรีเช่นนี้มาก่อน อย่าว่าแต่จุมพิตเลย แค่เข้าใกล้ก็ยังไม่เคย แต่นี้...นี่จะ..จูบ ...จูบต่อหน้าผู้อื่นนี่นะ!
เพราะไม่ใช่ครั้งที่ถูกเจ้าจิ้งจอกแดงตัวน้อยกลืนกินพลังชีวิตของเขา แต่อาจเพราะครั้งนี้ยาวนานกว่าครั้งก่อนและ ริมฝีปากของนางสัมผัสริมฝีปากของเขา มือใหญ่ยกมือขึ้นลูบศีรษะของนางเบาๆ ทำให้รู้ว่าหูของนางกลับมาเป็นปกติแล้ว
“อา...รอดแล้ว”
หลิวเข่อซิงถอนริมฝีปาก และปล่อยมือจากใบหน้าเกลี้ยงเกลา นางแลบลิ้นเลียริมฝีปากราวกับเพิ่งได้กินของเอร็ดอร่อย ดวงตางดงามจ้องมองเขาพร้อมรอยยิ้ม
“ขอบคุณเจ้ามาก”
เขายิ้มอย่างเอ็นดู “ดีขึ้นแล้วใช่ไหม”
“อื้ม!” นางพยักหน้าหงึกหงัก “เจ้าช่วยข้าอีกแล้ว”
หานหรงเหยาเห็นนางดีขึ้นแล้วจริงๆ ก็ยอมถอยออกมา ทว่ากลับเพิ่งสังเกตว่าอาภรณ์ที่นางสวมใส่บางเบาดุจปีกจั๊กจั่นที่เปิดเผยเรือนร่างเย้ายวน เขาถึงกับกระแอมไอแล้วหมุนตัวหันหลังให้ แต่นางยังทำหน้าซื่อตาใสไม่เข้าใจใบหน้าที่ฝาดสีเลือดของเขา
เมื่อหานหรงเหยาหันกลับมา จึงปะทะกับสายตาของหลิวชิงเซียงและซุนเจ้าเฟิง ทั้งสองมีสีหน้าตื่นตะลึงไม่แพ้กัน
“นี่เจ้ากับแม่นางน้อยผู้นั้น...” ซุนเจ้าเฟิงไม่อยากจะเชื่อเลยว่า บุรุษที่ทำตัวเหมือนนักพรตอย่างหานหรงเหยาจะพ่ายแพ้กับสตรีตัวเล็กๆ คนหนึ่งที่ เอ่อ...งดงามไม่น้อย เมื่อคิดว่านั้นคือสตรีของสหายจึงย้ายสายตาไปทางอื่นแทน
หลิวชิงเซียงได้สติก็คลี่ยิ้มอ่อนหวาน เดินเข้าไปหาพลางกวาดตามองอย่างเปิดเผย
“ที่แท้...ที่ปรึกษาหานรู้จักสนิทสนมกับเข่อซิงมาก่อน”
“อื้มๆ” หลิวเข่อซิงพยักหน้ารับ “เขาจะฆ่าตัวตาย แต่ข้าห้ามไว้ก่อน”
“ฆ่าตัวตาย!” ซุนเจ้าเฟิงถึงกับหันขวับมามองทันที
“เรื่องเข้าใจผิดเท่านั้น” หานหรงเหยาอธิบายด้วยรอยยิ้ม
“แต่ข้าช่วยเจ้าไว้จริงๆ นะ” เข่อซิงเผลอยื่นมือมาจับแขนเสื้อของหานหรงเหยาและเขย่า ทำให้ชายหนุ่มต้องหันไปมองแล้วยิ้มอ่อนโยน
“ก็จริง เจ้าช่วยข้าไว้”
‘ช่วยขับไล่ความสงบเงียบไปจากชีวิตของเขา’
ริมฝีปากที่เคยซีดเซียวเปลี่ยนเป็นสีชาดค่อยๆคลี่ยิ้มกว้าง แล้วหันไปพูดกับหลิวชิงเซียงด้วยท่าทางโอ้อวด
