บท
ตั้งค่า

ตอนที่12.เจาะจงเรียกเข่อซิงรึ?

ปลายนิ้วเรียวงามกำลังดีดกู่ฉินหรือพิณเจ็ดสายชะงักไปทันทีที่บ่าวรับใช้มารายงานว่ามีบุรุษต้องการพบ ‘หลิวเข่อซิง’

หลิวชิงเซียงเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ เข่อซิงเพิ่งมาอยู่ได้แค่สัปดาห์เดียว นางทำให้บรรดาเหล่าพี่น้องปวดหัวมิใช่น้อย เคี่ยวเข็นอย่างไรก็เอาดีไม่ได้สักทาง จำใจจับนางให้เป็นทำงานขั้นต่ำเป็นสาวใช้ทั่วไป แม้ถูกผู้อื่นกระแหนะกระแหนหรือจิกหัวใช้งานอย่างไร นางไม่เคยปริปากบน ยังคงใบหน้าเปื้อนยิ้มโง่งมอยู่เรื่อยไป

“เจาะจงเรียกเข่อซิงรึ?”

“เจ้าค่ะ”

“ข้าจะออกไปดูเอง” หลิวชิงเซียงวางพิณเจ็ดสายลงแล้วลุกขึ้นเดินไปยังบุรุษสองคนที่เข้ามาขอพบเข่อซิง ไม่รู้ว่าเข่อซิงไปทำเรื่องอันใดไว้ หรือเปิดเผยร่องรอยจนมีนักล่าปีศาจมาเยือน ทว่าเมื่อนางเดินไปถึงที่หมายกลับพบแม่ทัพซุนเจ้าเฟิงที่แต่งกายเรียบง่ายแต่ตัดเย็บประณีตบ่งบอกสถานะองค์ชายสามได้ดีเยี่ยม ส่วนบุรุษอีกคน หากนางจำไม่ผิด จากที่เคยได้ยินมาบุรุษที่รูปร่างแบบบางแต่สูงโปร่ง แลดูสุภาพราวเทพเซียนคือที่ปรึกษาหานหรงเหยา

“ผู้น้อยหลิวชิงเซียงคารวะท่านแม่ทัพซุนและที่ปรึกษาหานเจ้าค่ะ”

ซุนเจ้าเฟิงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย มุมปากกระตุกยิ้ม นับว่าสายตาหญิงงามอันดับหนึ่งแหลมคมที่มองเขาสองคนปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นผู้ใด

“แม่นางคือหลิวชิงเซียงเองหรือ? สมแล้วที่ผู้อื่นล่ำลือกัน”

“เรียกข้าว่าผู้ดูแลหลิวก็ได้เจ้าค่ะ” หญิงสาวยิ้มให้ “เสียงเล่าลือเป็นเพียงลมปาก เกรงว่าจะทำให้แม่ทัพซุนผิดหวังแล้ว”

แม่ทัพหนุ่มกวาดตามองหญิงงามตรงหน้าอย่างเปิดเผย เรือนร่างอรชรเย้ายวน ดวงหน้างดงามไร้ที่ติ ยามชม้ายตามองราวกับสะกดผู้คนให้หลงใหลในดวงตาคู่งาม ริมฝีปากสีชาดยกยิ้มจางๆ ประหนึ่งลมวสันต์มาเยือน แต่เขากลับรู้สึกว่าความงามนี้งดงามเกินกว่าจะเป็นจริง ทำให้รู้สึกระแวงอยู่บ้าง

“ผู้ดูแลหลิว ข้ามารบกวนเพื่อขอพบหลิวเข่อซิง” หานหรงเหยาเอ่ยวาจาเข้าประเด็น ใจหนึ่งไม่อยากรั้งอยู่ในหอนางโลมนานนัก และที่สำคัญ เขาเป็นห่วงเจ้าจิ้งจอกแดงโง่งมตัวน้อย สถานที่ที่เต็มไปด้วยจริตเล่ห์กลเช่นนี้ นางจะอยู่อย่างไร

“เข่อซิงเป็นเด็กใหม่ของที่นี่ ไม่ทราบว่าคุณชายรู้จักนางได้อย่างไรกัน”

“แล้วแม่นางน้อยผู้นั้นไม่เล่าให้เจ้าฟังหรือว่า สหายของข้าเป็นผู้นางไว้”

“ช่วยชีวิต?” หลิวชิงเซียงไม่อาจเก็บซ่อนความฉงนไว้ในแววตาได้

“ถูกต้อง นับได้ว่า สหายของข้าเป็นผู้มีพระคุณของนาง” ซุนเจ้าเฟิงยอมรับว่าสตรีนางนี้งดงามนัก แต่ก็ไม่รู้สึกว่าความงามนี้น่าหลงใหลสยบแทบเท้านางได้

“เข่อซิงเป็นเด็กกำพร้าที่ท่านแม่เมตตาเลี้ยงดู หากนางทำเรื่องใดล่วงเกินท่านทั้งสอง ข้าในฐานะผู้ดูแลหอชมบุหลันต้องขออภัยแทนนางด้วย”

“แม่นางหลิวเข้าใจผิดแล้ว ข้าแค่เป็นห่วงนาง หากนางสบายดี ข้าก็จะไม่รบกวน”

ท่าทีสุภาพและติดร้อนใจนิดๆ ทำให้หลิวชิงเซียงแอบชื่นชมอยู่ในใจ นางเดินนวยนาดไปใกล้ ยื่นมือออกไปแต่ยังไม่ทันแตะแขนของหานหรงเหยาก็ถูกพัดอันหนึ่งยื่นมาตีมือนางไว้ก่อน นางถึงกับชักมือกลับตวัดสายตาจ้องมองอย่างขุ่นเคือง ด้วยไม่เคยถูกใครเสียมารยาทเช่นนี้ แม่ทัพหนุ่มสะบัดข้อมือกลับแล้วคลี่พัดโบกเบาๆ ท่าทางราวหนุ่มเจ้าสำราญทั้งที่เป็นบุรุษรูปร่างสูงใหญ่กำยำยิ่ง

“สหายข้าเพียงต้องการพบคน เจ้าก็พามาเถิด”

หากไม่เพราะได้กลิ่นพลังชีวิตเข้มข้นมากกว่าคนทั่วไป นางคงไม่ปรายตาสนใจเป็นแน่ ยิ่งคุณชายหานที่ดูเปราะบางผู้นี้ยิ่งมีพลังหยางบริสุทธิ์ นางสูดลมหายใจลึกข่มโทสะไว้ในอกแล้วระบายยิ้มอ่อนหวาน

“ได้ เชิญตามข้ามาทางนี้” นางหมุนตัวแล้วเดินนำไปที่ห้องด้านใน จำได้ว่านางสั่งให้หลิวเข่อซิงศึกษาหนังสือภาพวังวสันต์ “อีกไม่กี่วันเราจะจัดงานชิมชาชมบุปผา ข้าหวังจะให้นางออกรับแขกครั้งแรก จึงให้นางศึกษาเรื่องที่ควรศึกษาที่เรือนด้านหลังนี้”

“รับแขก...” สองคำนี้ทำเอาฝีเท้าของหานหรงเหยาไม่มั่นคง เขาเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้เป็นห่วงนางถึงเพียงนี้

ห่วงจนรู้สึกเจ็บแปลบที่หัวใจ หรือโรคของเขาจะกำเริบขึ้นมาอีกแล้ว.

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel