บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 6 เจ้าเป็นขอทานมาก่อนอย่างนั้นหรือ

“เอาล่ะไม่เป็นไร เรื่องนั้นพ่อบ้านหลิวจะทำเรื่องให้เจ้าเอง”

“ขอบคุณเจ้าค่ะ”

ซิงอีเอ่ยปากขอบคุณอี๋นัวด้วยความซาบซึ้ง ป้ายชื่อก็เหมือนบัตรประชาชนของคนที่นี้ จากนั้นหัวหน้าบ่าวรับใช้ก็อธิบายบริเวณต่างๆ ของจวนนี้โดนชี้ภาพที่จำลองเรือนต่างๆไว้ให้ซิงอีดูว่าเรือนไหนอยู่ตรงไหนและชื่อว่าอะไรบ้าง จากนั้นก็เล่าให้ฟังว่า ที่นี่มีใครอาศัยอยู่บ้างโดยเจ้าของจวนแห่งนี้คือจางเหว่ย จะอาศัยอยู่เรือนหลัก ส่วนเรือนรองมีญาติห่างๆ ฝั่งแม่ของจางเหว่ยมาอาศัยอยู่ด้วยก็คือผู่เย่วคุณชายที่นางพบเมื่อสักครู่ และฟางเหนียงเป็นน้องสาวของผู่เย่วและมารดานามว่าเจียอิ๋น พอฟังมาถึงตอนนี้ซิงอีก็เกิดความสงสัย จวนใหญ่ขนาดนี้เหตุใดถึงมีคนอาศัยอยู่แค่ 4 คน หากไม่รวมบ่าวรับใช้

“แล้วพ่อแม่ของคุณชายจางเหว่ยล่ะเจ้าคะ”

ซิงอีเอ่ยถามด้วยความสงสัย แต่ก็โดนตีที่แขนเบาๆทันที

“เจ้าอย่าพูดถึงเชียว หากยังอยากทำงานอยู่ที่นี่ เอาเป็นว่าเรื่องนี้เจ้าไม่ต้องรู้และห้ามพูดถึงเด็ดขาด”

“เจ้าค่ะข้าจะระวังไว้”

“เช่นนั้นบ่ายนี้เจ้าไปทำความสะอาดบริเวณเรือนรุ่ยเซียงแล้วกัน เจ้าไปถูกหรือไม่”

อี๋นัวเอ่ยสั่งเมื่อเห็นว่านี้ก็ได้เวลาทานอาหารตอนเที่ยงเเล้ว นางพึ่งเข้ามาใหม่เลยคิดที่จะให้ทำงานง่ายๆ ไปก่อน

“ไปถูกเจ้าค่ะ งั้นข้าขอตัวนะเจ้าคะ”

เมื่อหญิงสาวเห็นอี๋นัวพยักหน้าจึงเดินออกไป

.

ณ เรือนรุ่ยเซียง

เมื่อถึงเวลาซิงอีก็มาทำความสะอาดตามที่อี๋นัวสั่งไว้ เรือนแห่งนี้คือเรือนตำรา นางทำได้แค่ตัดกิ่งไม้ กวาดใบไม้ อยู่ที่สวนหย่อมแค่นั้น เพราะตำแหน่งของบ่าวรับใช้ที่นี่ก็แบ่งเป็นระดับฐานะเช่นกัน โดยแบ่งตามการปักปิ่น ปิ่นไม้ธรรมดาคือเป็นบ่าวที่คอยดูแลความเรียบร้อยบริเวณรอบนอกไม่สามารถเข้าไปภายในเรือนได้ ปิ่นไม้ที่มีลวดลายดูแลความเรียบร้อยรวมถึงความสะอาดภายในเรือน ปิ่นเงินคือบ่าวที่ทำอาหาร ร่วมถึงค่อยเสิร์ฟน้ำชาต่างๆ และบ่าวรับใช้ตำแหน่งสูงสุดคือปิ่นหยกสีขาวคือบ่าวรับใช้คนสนิทของคุณชายแต่ละท่าน ส่วนตอนนี้บนหัวของหญิงสาวปักแค่ปิ่นไม้ธรรมดาเท่านั้น จึงต้องมาทำความสะอาดตากเเดดตากลมเช่นนี้ซิงอีทำความสะอาดไม่นานก็ได้ยินเสียงหญิงสาวคุยกันหน้าประตูเรือน จึงได้หันไปดูพบว่าเป็นบ่าวรับใช้หญิง 2 คนกำลังยืนคุยกันอยู่

“เจ้าเอาเข้าไปเถอะ ข้าทนไม่ไหวแล้ว”

บ่าวรับใช้หญิงคนหนึ่งพูดขึ้นพลางยื่นถาดที่มีกาน้ำร้อนและถ้วยชาอยู่ใส่ในมือของคนบ่าวอีกคน

“วันนี้ข้าแต่งตัวไม่เรียบร้อย เจ้าเอาไปเถอะ”

หญิงที่โดนวางถาดในมือส่งถาดคืนกลับไป และวิ่งหนีกลับออกไปทันที

“ทำเช่นไรดี”

บ่าวรับใช้ที่ยืนบิดด้วยความทรมานพูดขึ้นทันที ตอนนี้นางปวดถ่ายหนักเป็นอย่างมาก หากนางเผลอผ่ายลมออกมาตอนเอาชาไปเสิร์ฟจะทำเช่นไร บ่าวรับใช้คนนั้นมองซ้ายทีขวาทีอย่างหาตัวช่วย แต่แล้วสายตาก็หันมาเจอซิงอีที่ยืนดูอยู่ ซิงอีที่เห็นบ่าวรับใช้คนนั้นหันมาทางตนก็รีบก้มหน้ากวาดใบไม้ต่อทันที

“นี่เจ้า เจ้านั้นแหละมานี้หน่อย”

บ่าวรับใช้คนนั้นเรียกซิงอีให้ไปหา เมื่อเห็นว่าซิงอีไม่เดินไปก็เดินไปหานางที่กวาดใบไม้อยู่

“ข้ารบกวนเจ้าเอาชานี่ไปเสริฟให้คุณชายจางเหว่ยที ข้าไม่ไหวแล้ว”

เมื่อพูดจบก็จับไม้กวาดในมือของซิงอีออก และยัดถาดชาใส่ในมือของหญิงสาวทันที

“ข้าปักแค่ปิ่นไม้ธรรมดา ไม่สามารถเข้าเรือนได้”

หญิงสาวกล่าวอย่างปฏิเสธ

“คุณชายยังไม่มาหรอก เจ้ารีบเอาเข้าไปว่างและรีบออกมาก็พอ”

บ่าวรับใช้พูดเสร็จก็รีบวิ่งออกไปทันที เพราะนางไม่สามารถทนได้แล้ว

ซิงอีมองถาดชาที่อยู่ในมือ จากนั้นเดินไปที่หน้าประตู หญิงสาวสูดลมหายใจเฮือกใหญ่เพื่อเรียกความมั่นใจ จากนั้นค่อยๆ เปิดประตูเข้าไปด้านในช้าๆ พบว่าด้านในไม่มีใครอยู่ จางเหว่ยยังไม่ทันได้มาอย่างที่บ่าวรับใช้คนนั้นบอก นางจึงเดินเข้ามาวางถาดที่โต๊ะตำราอย่างสบายใจ แต่ตาเหลือบไปเห็นตำราที่ว่างอยู่บนโต๊ะ จึงได้ยื่นคอเข้าไปอ่านอย่างอยากรู้อยากเห็น โดนที่นางไม่รู้เลยว่ามีใครกำลังเดินเข้ามา และเดินมายืนอยู่ด้านหลังนาง เมื่อซิงอีเห็นว่าตำรานั้นไม่มีอะไร เเละไม่กล้าเปิดตำรานั้นดูเห็นแค่ชื่อหน้าปกที่เขียนว่า วิธีฝึกวรยุทธขั้นสูงสุดเท่านั้น จึงหมุนตัวเพื่อจะกลับออกไป แต่แล้วนางก็ต้องตกใจเมื่อเห็นจางเหว่ยจู่ๆก็มายืนอยู่หลังนาง จังหวะที่หญิงสาวตกใจนั้นเองทำให้นางต้องล้มหงายหลัง หญิงสาวยื่นมือไขว้ขว้างเพื่อหาอะไรจับยึด แต่ก็คว้าได้เพียงอากาศ

ตุบ!

เสียงร่างของหญิงสาวกระทบกับพื้น จางเหว่ยที่ยืนเอามือไขว้หลังอยู่ เมื่อเห็นสภาพเช่นนั้นก็ส่งเสียงหึ! ในลำคอเล็กน้อย จากนั้นเดินไปนั่งประจำที่โต๊ะเขียนตำราอีกข้าง ซิงอีลุกขึ้นด้วยความทุลักทุเลเพราะยังรู้สึกเจ็บก้นอยู่ แต่ก็ไม่กล้าส่งเสียงร้องออกมาเพราะกลัวชายหนุ่มจะสั่งฆ่าทิ้งอีก

“เจ้าไม่รู้หรือ ว่าปิ่นไม้ธรรมดาของเจ้าไม่สามารถเข้ามาได้” จางเหว่ยเอ่ยเสียงเรียบ

“ข้ารู้เจ้าค่ะ แต่บ่าวที่นำชามาให้ท่านไม่สบายกระทันหัน ข้าเลยนำมาให้แทนนาง”

ซิงอีรีบอธิบายให้ชายหนุ่มฟัง จางเหว่ยรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่นางแทนตนเองว่าข้าแทนที่จะแทนตนเองว่าบ่าวอย่างคนอื่นๆ คนที่เเทนตัวเองเช่นนี้เขาอนุญาตให้แค่ผู้ช่วยคนสนิทของเขาพูดได้เท่านั้น

“เช่นนั้นเจ้ากลับไปบอกบ่าวคนนั้นว่าให้ลาออกไปซะ” จางเหว่ยเอ่ยสั่งเสียงเข้ม จนทำให้ซิงอีที่ได้ยินตัวสั่นเล็กน้อย

“ส่วนเจ้า…..”

ชายหนุ่มพูดพลางมองมาทางหญิงสาวที่ยืนก้มหน้าด้วยท่าทางหวาดกลัวตน

“ข้าจะไม่เข้ามาที่นี่อีกแล้วเจ้าค่ะ จะตั้งใจทำงานของตัวเองแค่ด้านนอกเท่านั้น”

ซิงอีรีบบอกกล่าวด้วยกลัวว่าตนจะโดนไล่ออก นางพึ่งเขามาทำงานได้แค่ไม่ถึง 1 วันก็จะโดนไล่ออกซะงั้น

“มาฝนหมึกให้ข้า”

จางเหว่ยเอ่ยสั่งเสียงเรียบ

“อะไรนะเจ้าคะ”

หญิงสาวถามขึ้นเพราะคิดว่าคงหูฝาด

“หรือเจ้าอยากโดนไล่ออกอีกคน”

“ทำเจ้าค่ะ ข้าทำ”

ซิงอีรีบวิ่งมาฝนหมึกให้ชายหนุ่มทันทีเพราะกลัวจะโดนไล่ออกหรือถูกสั่งฆ่าทิ้งอีก

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel