ตอนที่ 4 ฆ่านางซะ
“จะพูดหรือไม่” ชายที่ถือดาบจ่อคอซิงอีพูดขึ้นอีกครั้ง
“พูดเจ้าค่ะๆ ข้าพูดแล้ว”
ซิงอีพูดออกมาด้วยตัวสั่นเทาเพราะดาบที่จ่อคอนางตอนนี้หากขยับเข้ามาหาเธออีกแค่เพียงน้อยนิด นั้นต้องทำให้นางจบชีวิตลงได้ทันที ชายหนุ่มที่เดินเข้ามาใหม่ยกมือขึ้นเป็นเชิงให้ผู้ช่วยของเขาเก็บดาบลง เมื่อดาบถูกเก็บไปแล้วซิงอีจึงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก จากนั้นมองหน้าชายหนุ่มที่เป็นเจ้าของจวน แล้วก้มหัวลงไปกับพื้นทันทีจนชายหนุ่มตกใจ
“ข้าเพียงจะมาขายตัวเป็นบ่าวที่สำนักเหมียนเตี้ยนเจ้าค่ะ แต่พอมาถึงก็เห็นป้ายติดประกาศไว้ว่าปิดทำการ ด้วยความที่ตอนนี้เริ่มมืดค่ำแล้วและฝนทำท่าว่าจะตก ข้าไม่มีที่ไปแต่ก่อนเป็นเพียงขอทาน อยากปรับปรุงตัวเองให้ดีกว่านั่งขอเงินผู้อื่น จึงเลือกมาใช้แรงงานเเลกเงิน เมื่อไม่มีทางไปแล้วเห็นบันไดพาดอยู่อีกฝั่งจึงปีนขึ้นมาดูเฉยๆ ไม่มีเจตนาเข้ามาทำเรื่องไม่ดีเจ้าคะ”
ซิงอีพูดร่ายยาวเสียงดังทั้งที่หน้ายังก้มลงไปที่พื้น เพราะหญิงสาวยังไม่อยากตายจนกว่าจะหาทางกลับโลกใบเก่าของนางได้
“เงยหน้าขึ้น”
ชายหนุ่มพูดเสียงเข้ม ทำให้ซิงอีสะดุ้งเล็กน้อย และค่อยๆเงยหน้าขึ้นเพราะความกลัว
“ข้าจะเชื่อเจ้าได้เช่นไร”
“ข้าสาบานเจ้าค่ะ หากข้าโกหกขอให้ฟ้าผ่าตาย”
ตู้ม!
เสียงฟ้าร้องดังขึ้นมาหลังจากที่ซิิงอีพูด เพราะตอนนี้ท้องฟ้าทำท่าว่าฝนจะตกอีกไม่นาน
“ฆ่านางซะ”
สิ้นคำชายหนุ่มผู้ช่วยที่ยืนอยู่ข้างๆ ยกดาบเตรียมที่จะฟันหญิงสาวทันที
“ข้าเห็นคนที่ช่วยท่านตรงลำธารเจ้าค่ะ”
ซิงอีที่รู้ว่าตัวเองจะถูกฆ่าแล้วจึงตะโกนออกมาเพื่อหวังว่าหลังชายหนุ่มได้ยินแล้ว เผื่อยืดเวลาไปได้มากกว่านี้ และก็เป็นดั่งที่หญิงสาวคาด เมื่อได้ยินที่นางพูด ชายหนุ่มที่เป็นหัวหน้ายกมือห้ามทันที
“เจ้าแอบฟังพวกข้าอย่างนั้นหรือ”
“เปล่านะเจ้าคะ ข้าเพียงบังเอิญได้ยิน ก็พวกท่านพูดเสียงดังขนาดนั้น”
ซิงอีพูดจบก็โดนชายหนุ่มขึงตาใส่ นางจึงต้องปิดปากและก้มหน้าลงกับพื้น
“เจ้าพูดจริงงั้นหรือ”
ชายหนุ่มเอ่ยถามเพื่อยืนยันคำตอบ นางอาจจะแค่หาทางเอาตัวรอดก็ได้
“ท่านถูกธนูยิงที่ท้องด้านซ้าย แล้วก็ลอยมากับท่อนไม้ที่ลำธารท้ายตลาดนอกเมืองหลวงใช่หรือไม่เจ้าคะ”
ซิงอีเอ่ยด้วยความมั่นใจ เพราะเป็นเขาไม่ผิดแน่หน้าตาหล่อๆแบบนี้นางจำได้ดี ชายหนุ่มที่ได้ฟังก็คิดตาม นางรู้รายละเอียดมากกว่าที่เขาพูดเมื่อสักครู่เสียอีก แสดงว่านางรู้จริงๆว่าใครที่ช่วยเขาไว้
“แล้ว…”
ชายหนุ่มยังพูดไม่จบ จู่ๆ ฝนก็ตกลงมาอย่างหนัก ทำให้ทั้ง3ต้องวิ่งไปหลบอยู่ที่ศาลาริมน้ำใกล้ๆ
“เอาอย่างไรดีขอรับคุณชาย”
ผู้ช่วยเอ่ยถามนายของตน
“พานางไปขัง รอพรุ่งนี้ข้าจะถามนางอีกที”
ชายหนุ่มพูดขึ้นจากนั้นเดินออกจากศาลาตรงไปเรือนของตนเองทันที
“ได้อย่างไรกัน เฮ้!”
ซิงอีตะโกนออกมาเมื่อได้ยินคำพูดจากชายหนุ่ม และถูกผู้ช่วยขอเขาคุมตัวไปทันที
.
ภายในคุก
ซิงอีถูกคุมตัวมาไว้ในห้องขัง จากนั้นปิดประตูขังนางไว้และเดินออกไปทันที หญิงสาวเดินสำรวจภายในกรงที่นางถูกขัง มีฟางที่เป็นเหมือนที่นอน และโต๊ะ1ตัว ซิงอีนั่งลงอย่างเหนื่อยล้า พลางคิดในใจว่า “ถึงเป็นคุกแต่ก็ยังดีกว่าข้างถนนที่ไม่มีแม้แต่ที่บังฝน”
“เฮ้อออ”
หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่
“แม่หนูเจ้าไปทำอะไรมาหรือ ถึงได้โดนขังที่นี่”
จู่ๆ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากห้องขังข้างๆ ซิงอีจึงเดินเข้าไปหาและนั่งลงใกล้ๆ
“ข้าแอบเข้ามาในจวนเจ้าค่ะ”
“เจ้ากล้าขนาดนั้นเชียวหรือ”ชายห้องข้างๆเอ่ยออกมาด้วยความตกใจ
“ทำไมหรือเจ้าคะ”
ซิงอีเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“เจ้าไม่รู้หรือ จวนแห่งนี้คือจวนของจางเหว่ย ผู้ที่ขึ้นชื่อว่าโหดเหี้ยม ชาวบ้านแถวนี้ต่างกลัวกันหมดไม่มีคนอยากเข้าใกล้ เขาฆ่าคนไม่กระพริบตา ข้าได้ยินว่าแค่บ่าวรับใช้ทำชาหกใส่ ก็ถูกฆ่าล้างยกตระกูลเชี่ยวนะ”
สิ้นคำชายที่อยู่คุกข้างๆ หญิงสาวถึงกับหน้าซีดเผือดและกลืนน้ำลายอึกใหญ่ พลางคิดในใจว่า “ฉันรอดมาได้อย่างไรเนี้ย กินใจหมีมาหรืออย่างไร”
“ข้าแนะนำให้เจ้าส่งจดหมายไปสั่งเสียที่บ้านไว้เลย”
ชายคนนั้นพูดพลางส่ายหน้าให้กับหญิงสาว ซิงอีจึงพยักหน้าและลุกขึ้นเดินไปนั่งกลางกรงขังสี่เหลี่ยมด้วยขาอ่อนแรง เมื่อคิดว่าตนเองจะต้องตายอีกรอบในวันพรุ่งนี้นี้แน่ๆ
.
เช้าวันถัดมา
ในกรงขังสี่เหลี่ยมชินอีถูกปลุกจากเสียงไขกุณแจที่หน้าประตูกรงขัง
“ออกมา”
เสียงของผู้คุมคุกแห่งนี้พูดเสียงดัง ซิงอีค่อยๆลุกขึ้นและเดินออกไปด้วยท่าทีหวาดกลัว หญิงสาวถูกพามากลางห้องโถง ที่รอบข้างเต็มไปด้วยชั้นวางตำรามากมายและของตกแต่งโบราณ ที่คาดว่าแต่ละชิ้นเงินเดือนนางที่ทำงานไม่รู้ต้องทำกี่ชาติถึงจะซื้อได้หนึ่งชิ้น ถึงของสวยงามเหล่านี้จะดึงดูดสายตาของหญิงสาวเป็นอย่างมาก แต่สิ่งที่ทำให้นางกังวลมากกว่า ก็คือเรื่องที่นางจะต้องถูกฆ่าในอีกไม่กี่นาทีต่อจากนี้ ซิงอีถูกผลักให้นั่งลงกลางห้องโถง ด้านหน้ามีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลานั่งอยู่ เขาคงเป็นจางเหว่ยที่ชายในคุกเล่าให้ฟังเมื่อวานเป็นแน่ พอสังเกตหน้าตาชายหนุ่มดีๆพบว่าเขาหน้าตาดีกว่าที่นางคิดเป็นอย่างมาก ผมยาวดกดำอย่างสุขภาพดีครึ่งบนถูกรวบขึ้นและปักด้วยปิ่นสีทอง มีปอยผมด้านหน้าลงมาเล็กน้อยทำให้ดูดียิ่งขึ้น คิ้วเรียงตัวกันสวยงาม ดวงตากลมสีดำอิฐคมกริบ จมูกโด่งได้รูป ปากหนาเข้ากับใบหน้า สวมชุดสีดำลวดลายเป็นสีทองด้วยผ้าเนื้อดี บวกกับท่านั่งยิ่งเสริมให้เขาดูสง่างามมากยิ่งขึ้น
“มองพอหรือยัง”
จู่ๆชายที่นางแอบมองอยู่ก็พูดขึ้น พลางปิดตำราที่อ่าน จากนั้นเดินมาทางตน ชายหนุ่มโบกมือให้บ่าวรับใช้ออกไปทั้งหมด ซิงอีที่เห็นเช่นนั้นก็ตัวเเข็งทื่อขึ้นทันที พลางคิดในใจว่า “นี่เขาจะลงมือฆ่านางเองอย่างนั้นถึงได้ไล่คนอื่นไปหมดเช่นนี้”
“ข้าผิดไปแล้วเจ้าค่ะ ต่อไปนี้จะไม่แอบปีนเข้ากำแพงจวนใครแบบนี้อีก ท่านอย่าฆ่าข้าเลยนะเจ้าคะ เห็นแกชีวิตน้อยๆที่กว่าจะโตมาได้ขนาดนี้”
ซิงอีชิงลงมือกล่าวอ้อนวอนก่อน เผื่อชายหนุ่มจะเห็นใจ พร้อมโขกหัวไปที่พื้น จางเหว่ยที่เห็นเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วอย่างมึนงง เขายังไม่ได้พูดอะไรเลยสักคำ
“ฆ่าเจ้า…..เช่นนั้นหรือ”
จางเหว่ยเดินไปทางหญิงสาว แต่ก็เลยไปทางชั้นวางตำราที่ด้านหลังนางแทน
“อื้ม~~น่าสนใจ”
ชายหนุ่มพูดพลางหยิบตำราอีกเล่มมาเปิดอ่านอย่างใจเย็น
“ท่านอยากรู้อะไร ข้ายอมบอกทุกอย่างเจ้าค่ะ ไม่ว่าท่านจะให้ข้าทำอะไรข้ายอมทุกอย่าง ขอเพียงท่านอย่าฆ่าก็พอ”
ซิงอีพูดออกมาด้วยความกลัวเมื่อเห็นท่าทางของชายหนุ่ม และคำพูดที่เขาเอ่ยมาเมื่อสักครู่
“ได้หากเจ้าตอบคำถามข้าได้ ข้าอาจพิจารณาปล่อยเจ้าไป”
ปัง!
เสียงตำราที่เป็นไม้ไผ่ถูกโยนลงบนโต๊ะเขียนตำราของชายหนุ่ม ซิงอีเงยหน้าขึ้นมองเล็กน้อย พบว่าเขากลับมายืนอยู่ที่ด้านหน้าเรียบร้อยแล้ว จะเป็นไปได้อย่างไรเมื่อกี้เขายังยืนพูดอยู่ด้านหลังนางอยู่เลย
“อย่างแรก เจ้าเล่าเรื่องคนที่ช่วยข้ามาอย่างละเอียด” ชายหนุ่มพูดพลางนั่งลงจิบชาด้วยท่าทางสบายใจ
“คือ…คือว่าคนที่ช่วยท่านวันนั้นเป็นข้าเองเจ้าคะ” ซิงอีเอ่ยออกไปด้วยความประหม่าเล็กน้อย
“แล้วเหตุใดเมื่อวาน เจ้าบอกว่าคนอื่นเป็นคนช่วย”
ชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ วันนั้นเขาเจ็บหนักถึงขนาดที่ไม่สามารถลืมตาขึ้นมาได้ ได้ยินเพียงเสียงของคนที่มาช่วยเขา และเป็นเสียงผู้หญิง
“วันนั้นข้านำเงินท่านไปด้วย 50 เหรียญทองแดงจึงกลัวว่าท่านจะฆ่าข้าเสียก่อน แต่ท่านไม่ต้องห่วงนะเจ้าคะข้าสัญญาว่าหากข้ารอดไปได้ ข้าจะทำงานหาเงินมาคืนแน่นอน”
ซิงอีรีบแก้ต่างให้ตนเอง ชายหนุ่มยังทำหน้านิ่งเช่นเดิม หญิงสาวจึงเอ่ยปากเล่าเรื่องราววันนั้นทั้งหมดให้ชายหนุ่มฟัง ว่านางเป็นขอทาน เพียงแค่อยากล้างตัวเเล้วหกล้มทำให้มีเลือดไหล ด้วยสภาพเช่นนั้นชาวบ้านที่เห็นจึงคิดว่านางเป็นผีสาง และช่วยชายหนุ่มขึ้นมาบนฝั่ง หญิงสาวเล่าอย่างไม่มีอะไรขาดเหลือแม้แต่น้อย
“ข้าจะเชื่อเจ้าได้เช่นไร”
จางเหว่ยพูดขึ้นหลังจากเงียบไปนาน
“นี่ไงเจ้าคะ แผลในวันนั้นยังไม่หายดีอยู่เลยเจ้าคะ”
หญิงสาวถกกระโปรงขึ้นเล็กน้อยให้ดูที่หัวเข่าของนางที่ยังมีแผลจากการล้ม และยังไม่หายดี
“นี่ก็ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้อยู่ดี เจ้าอาจจะถูกส่งตัวมาก็ได้” ชายหนุ่มพูดเสียงเรียบ
“ข้าพูดความจริงนะเจ้าค่ะ ให้ข้าสาบา….”
หญิงสาวยังพูดไม่จบก็ต้องเงียบไป เพราะนางจำได้ว่าเมื่อวาน ตอนกล่าวคำสาบานแต่ฟ้าดันร้องจริงขึ้นมาซะงั้น ตอนนี้ยิ่งเป็นฤดูฝนด้วย นางไม่กล้าสาบานอีกแล้วล่ะ
“เช่นนั้นข้าจะดูพฤติกรรมของเจ้าต่อไป จนกว่าเจ้าจะสามารถพิสูจน์ว่าตัวเองบริสุทธิ์ได้”
สิ้นคำชายหนุ่ม ซิงอีทำสีหน้างงเล็กน้อย สรุปเขาไม่ฆ่านางแล้วใช่เปล่า
“ทำไมหรือ เจ้าบอกว่าเคยเป็นขอทานแล้วอยากใช้แรงงานแลกเงิน แล้วอีกอย่างเจ้าบอกจะคืนเงินข้า 50 เหรียญทองแดง เจ้าคิดจะหนีหนี้หรือ” ชายหนุ่มพูดขึ้น เงินเเต่ 50 เหรียญทองแดงเขาไม่เดือนร้อนหรอก แต่แค่อยากดูว่าแท้จริงนางเข้ามาที่นี่เพราะอะไรกันแน่ และอีกอย่างนางช่วยเขาไว้เป็นสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ หากเขาจะต้องตอบแทนนางจริงๆ
“เปล่าเจ้าค่ะ ท่านให้ข้าทำอะไรข้ายอมทำตามทุกอย่างเจ้าค่ะ” ซิงอีพูดอย่างประจบชายหนุ่ม ใครอยากรับใช้เขากันหากนางทำชาหกใส่อย่างที่ชายในคุกเล่าให้ฟังเมื่อวาน นางไม่ถูกฆ่าทิ้งอีกหรือ เอาว่ะอย่างไรก็ยืดเวลาตายเพื่อหาทางกลับโลกตัวเองให้ได้
