ตอนที่ 17 ข้ามีของมาฝากท่าน
“นางไปที่ใด”
จางเหว่ยเอ่ยถามบ่าวรับใช้ที่ตนให้ไปตามหญิงสาว
“บ่าวรับใช้ที่ห้องพักบอกว่านางออกไปด้านนอกจวนขอรับ”
“หากนางมาถึงแล้วให้มาพบข้า”
“ขอรับ” บ่าวรับใช้รับคำเสร็จก็วิ่งออกไป
ชายหนุ่มนั่งลงไปกับเตียงอย่างหมดแรง จากนั้นนอนเอามืออังที่หน้าผาก เพราะพิษจากอาการแพ้ ถึงแม้ผื่นจะหายไปแล้วแต่ยังหลงเหลือความอ่อนล้า ภาพในความฝันที่เกิดขึ้นจริงยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของชายหนุ่มไม่หายไปเสียที
วันที่เขาอายุครบ 12 ปีพอดีคือวันเดียวกันกับที่เสด็จแม่ของเขาเสีย และก็คือวันนี้เมื่อ 14 ปีที่แล้ว ภาพที่เสด็จแม่ของเขาสิ้นใจต่อหน้ายังอยู่ในส่วนลึกความอ่อนแอไม่ลืมเลือน การแก่งแย่งอำนาจในวังหลังนั้นอันตรายเป็นอย่างมาก หลังจากเสด็จแม่ของเขาเสียไปผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นคนสังหารคือเขาผู้ที่เป็นบุตรชายแท้ๆ เรื่องที่เหลือเชื่อกว่านั้นคือเสด็จพ่อของเขาที่เป็นถึงฮ่องเต้เชื่อว่าบุตรชายแท้ๆของตนเองเป็นคนลงมือทำ สิ่งนี้ทำให้เขาเสียใจและไม่คิดว่าตนเองไม่มีบิดาอีกไม่ว่าจะในฐานะบิดาผู้ให้กำเนิดหรือบิดาของแผ่นดินก็ตาม
การถูกกล่าวหาว่าเป็นคนร้ายที่ฆ่าคนย่อมไม่สามารถเรียกว่าองค์ชายได้อีก น่าขำที่การลอบฆ่าในวังหลังนั้นมีเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าหากเรื่องแดงขึ้นมาและรู้ว่าเป็นใครกลับทำเป็นเรื่องใหญ่โตเหมือนอย่างกับในวังหลังนั้นเต็มไปด้วยผู้ที่มีคุณธรรมสูงส่ง ไม่สามารถทำเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไรอย่างนั้น จางเหว่ยถูกถอดถอนจากองค์ชายเป็นแค่สามัญชนธรรมดา แต่เพราะว่าเป็นถึงบุตรชายของมังกรย่อมไม่สามารถขับไล่อย่างหมูหมาได้และอายุยังน้อย อีกทั้งบิดาทางฝั่งแม่ก็ยังเป็นถึงเสนาบดีกรมคลัง จึงได้มอบจวนและคนรับใช้ส่วนหนึ่งให้ออกจากวัง
"เรียนคุณชาย แม่นางซิงอีมาแล้วเจ้าค่ะ" บ่าวรับใช้ส่งเสียงมาจากหน้าประตูเรือน ทำให้ชายหนุ่มที่นอนคิดถึงอดีตรู้สึกตัว
"เข้ามา"
เมื่อได้ยินเสียงอนุญาตจากด้านใน ซิงอีจึงผลักประตูเข้าไปด้านใน นางรู้สึกประหม่าเล็กน้อย เนื่องจากที่เอวนางตอนนี้ไม่มีถุงหอมเหมือนทุกครั้ง นางเกรงว่าชายหนุ่มจะเหม็นตน แต่เมื่อลองก้มดมตนเองพบว่าไม่ได้กลิ่นอันใดจึงยืนขึ้น แต่ก็ยังเลือกที่จะยืนไกลชายหนุ่มออกมาเล็กน้อยเพื่อความมั่นใจ
"คารวะคุณชายเจ้าค่ะ ท่านเรียกข้าหรือเจ้าคะ" หญิงสาวพูดพลางทำท่าคารวะ
"อืม"
ชายหนุ่มพูดพลางลุกขึ้นนั่ง จากนั้นทำท่าจะรินชา ซิงอีที่เห็นเช่นนั้นจึงรีบเข้าไปรินชาให้ชายหนุ่มอย่างเอาใจ จางเหว่ยเหลือบมองหญิงสาวแว็บหนึ่งก่อนที่จะยกชาขึ้นดื่ม
"ออกไปไหนมา" ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงเข้มเล็กน้อย
"ข้าไปตลาดมาเจ้าค่ะ"
"หนิงเกาไม่เคยอยู่ห่างข้า"
ชายหนุ่มเอ่ยอย่างตำหนิ หนิงเกาผู้ช่วยของเขาจะอยู่ข้างกายเขาตลอดยกเว้นตอนนอน เรียกหาเมื่อไหร่ก็ได้ แต่หญิงสาวกลับไปเดินเที่ยวด้านนอกอย่างสบายใจ
"ก็ท่านไล่ข้าหนิเจ้าคะ"
หญิงสาวรีบเอ่ยแย้ง เมื่อกลางวันเขายังตะคอกและไล่นางไปเอง หากว่านางไม่เข้ามาเห็นเขาสลบอยู่ในอ่างน้ำตอนนี้เขาได้จมน้ำตายไปแล้ว ยังมีหน้ามาด่าว่านางอีก
"ไม่ว่าข้าไล่เจ้าหรือไม่ ก็ไม่มีสิทธิ์ออกไปเที่ยวเล่นด้านนอก"
ชายหนุ่มขึ้นเสียงเล็กน้อย เขาไม่เคยเจอบ่าวรับใช้คนไหนที่กล้าเถียงเขาเช่นนี้ ไม่รู้ว่าเขาคิดถูกหรือคิดผิดที่ให้นางมาเป็นผู้ช่วย แล้วจะทำอย่างไรได้เพราะบ่าวรับใช้ส่วนใหญ่ไม่รู้หนังสือเช่นนาง และงานของเขาก็ต้องการคนที่มีความรู้
"เจ้าค่ะ.." หญิงสาวเอ่ยรับเสียงเบา หากนางเถียงอีกมีหวังโดนสั่งฆ่าเป็นแน่
"นี่เป็นครั้งแรกที่เจ้าออกไปในเวลางาน ข้าจะหักเงินเจ้าแค่ครึ่งหนึ่ง"
"ครึ่งหนึ่งหรือเจ้าคะ" ซิงอีตกใจจึงขั้นพูดเสียงดัง
"อุ้ย~~~ขออภัยเจ้าค่ะ แต่หักครึ่งหนึ่งมันไม่มากเกินไปหรือเจ้าคะ ข้ามิได้กลับมาตัวเปล่านะเจ้าคะ ข้ามีของมาฝากท่านด้วย"
หญิงสาวพูดพลางเดินเข้าไปที่พื้นใกล้เตียงของชายหนุ่ม จากนั้นนวดไปที่ขาอย่างเอาอกเอาใจเจ้านายของตน จางเหว่ยที่เห็นเช่นนั้นก็ได้แต่ส่ายหน้า เพื่อเงินนางสามารถทำได้ทุกอย่างจริงๆ
"ของอะไร"
ซิงอีที่ได้ยินว่าชายหนุ่มเหมือนจะไม่หักเงินนางแล้ว จึงรีบล้วงเอาสร้อยข้อมือที่ตนซื้อจากตลาดออกมา เป็นสร้อยข้อมือลูกปัดหยกสีเขียวมิ้นต์ ที่จริงนางไม่ได้เป็นคนจ่ายเงินเองหรอก แต่เป็นผู่เย่วต่างหากที่อาสาเป็นคนจ่าย ตอนแรกนางเห็นว่าสวยจึงอยากได้ไม่คิดว่าจะเอามาให้ชายหนุ่ม เมื่อเห็นเขาโกรธจึงคิดวิธีเอาตัวรอดแต่สร้อยหยกนี้ก็ดูเหมือนจะเข้ากับเขาจริงๆ ชายหนุ่มมองสร้อยหยกที่นางยื่นมาให้ เป็นสีที่เขาชอบและถูกใจเขายิ่งนักหญิงสาวยื่นให้ชายหนุ่มอยู่ชั่วครู่ แต่เขากลับยังอยู่นิ่งไม่เอ่ยปากหรือรับไป
"หากท่านมิชอบข้า....."
ซิงพูดพลางจะเอาเก็บคืน แต่กลับถูกมือของชายหนุ่มคว้าเอาไว้เสียก่อน จางเหว่ยจับที่ข้อมือของหญิงสาว เพราะตอนนี้ชายหนุ่มนั่งอยู่บนเตียงแต่หญิงสาวเองก็นั่งที่พื้นด้านล่างเตียง ทำให้ตอนนี้ร่างกายชายหนุ่มโน้มตัวลงมาหาหญิงสาวเล็กน้อย จังหวะที่คว้ามือจึงทำให้ทั้งคู่เผลอสบตากัน เหมือนอย่างมีมนตร์สะกดด้วยระยะห่างที่ใกล้กันเพียงคืบ ลมหอมอ่อนๆที่ลอยออกมาจากหญิงสาวและกลิ่นหอมสะอาดจากตัวของชายหนุ่มเอง ยิ่งทำให้ทั้งคู่หัวใจเต้นแรง
เสียงของบ่าวรับใช้ด้านนอกเรือนกำลังสับเปลี่ยนเวรยามทำให้ทั้งคู่รู้สึกตัว ซิงอีหน้าแดงและชายหนุ่มเองก็เก็บอาการไม่อยู่จนหน้าร้อนหูแดงไปหมด
"ถ้าท่านมิมีอันใดแล้ว ข้าขอตัวก่อนนะเจ้าคะ"
ซิงอีพูดพลางวิ่งออกไปจากห้องโดยไม่รอได้รับอนุญาตจากชายหนุ่มก่อน
ปัง! เสียงปิดประตู
จางเหว่ยส่ายหัวและยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยให้กับท่าทีของหญิงสาว เขามองสร้อยข้อมือหยกในมือเส้นที่นางให้ นี่นับเป็นของขวัญที่เขาได้ในวันเกิดในช่วง 14 ปีที่ผ่านมา ถึงนางจะไม่รู้ว่าวันนี้คือวันเกิดของเขาและคงให้เพราะกลัวว่าเขาจะหักเงินค่าแรง แต่กลับทำให้เขารู้สึกมีความสุขเสียอย่างนั้น
ชายหนุ่มเปิดลิ้นชักที่หัวเตียง ด้านในมีกล่องไม้ไม่ใหญ่หรือเล็กจนเกินไป ต้องใช้กุญแจไขเท่านั้นถึงเปิดได้ เขาเปิดกล่องไม้และใส่สร้อยข้อมือที่หญิงสาวให้เข้าไป และในนั้นยังมีถุงหอม 4-5 ถุง ที่ถุงหอมมีชื่อปักว่า "ซิงอี" จากนั้นปิดกล่องไม้และล็อกเอาไว้เช่นเดิม
.
ซิงอีกลับมาถึงห้องก็ล้มตัวไปกับเตียงทันที หญิงสาวนึกถึงตอนที่ตนเผลอสบตาเข้ากับชายหนุ่ม จู่ๆหน้าก็แดงขึ้นมาอีกครั้ง
"ไม่ได้ๆ นั่นมันมารอสูรเจ้าห้ามคิดไปไกลเด็ดขาด" หญิงสาวพูดพลางตบที่แก้มตัวเองเบาๆอย่างเรียกสติ
"ใช่! เจ้าต้องรีบเก็บเงินใช้หนี้ และออกไปจากที่จวนนี้ให้ได้" หญิงสาวกล่าวกับตนเองอย่างหมายมั่น จากนั้นก็ไปอาบน้ำเพื่อเข้านอนทันที
