ตอนที่ 14 หรือเขาคือเจ้าพ่อปล่อยเงินกู้รุ่นบุกเบิก
เช้าวันรุ่งขึ้น
ซิงอีไม่ต้องตื่นแต่เช้ามาเตรียมห้องอาบน้ำหรืออาบน้ำให้จางเหว่ยเหมือนอย่างก่อน เพราะตอนนี้นางได้รับหน้าที่ใหม่คือคอยเป็นผู้ช่วยชายหนุ่ม โบราณว่าไว้ไม่ผิด คือเกลียดอันใดมักได้อย่างนั้น นางไม่อยากอยู่ใกล้ชายหนุ่มแต่สวรรค์กลับให้นางมาคอยช่วยงานข้างๆเขาเสียอย่างนั้น ซิงอีบิดขี้เกียจอย่างเกียจคร้านเล็กน้อยอยู่บนเตียง อากาศตอนนี้เริ่มหนาวแล้วทำให้หญิงสาวรู้สึกอยากนอนเรื่อยเฉื่อยอยู่ใต้ผ้าห่มหนานี้เกินกว่าที่จะลุกไปอาบน้ำเย็นๆ หากเป็นโลกปัจจุบันที่มีเครื่องทำน้ำอุ่นคงไม่ต้องหนาวถึงกระดูกเช่นนี้ แต่ก็ทำได้แค่คิดวันนี้นางตื่นเช้ากว่าทุกวัน จึงคิดว่าจะไปต้มน้ำอาบเพื่อให้ช่วยบรรเทาอากาศหนาว เมื่อคิดได้ดังนี้ก็รีบลุกขึ้นไปทันที
ทางด้านตำหนักจวี๋ฮวา
"พวกเจ้าเตรียมน้ำเสร็จก็ออกไปเถอะ"
จางเหวยเอ่ยเสียงเข้ม ถึงบ่าวรับใช้ทั้งหมดที่มาเตรียมจะงุนงงแต่ก็ทำได้เพียงปฏิบัติตาม หลังบ่าวรับใช้ไปแล้ว ชายหนุ่มจึงถอดชุดด้วยความยากลำบากเล็กน้อยก่อนที่จะลงไปในอ่างน้ำ แต่ไม่ได้ลงไปทั้งตัว เลือกหาเก้าอี้ไม้ไปนั่งอาบด้านใน เพื่อให้ช่วงตัวสูงกว่าระดับน้ำป้องกันไม่ให้น้ำเปียกถึงบริเวณบาดแผล อาบแค่ช่วงล่างของร่างกายด้านบนชายหนุ่มเลือกเช็ดตัวแทนเพื่อไม่ให้แผลเปียกน้ำ
.
ก๊อกๆ
เสียงเคาะประตูทำให้จางเหว่ยเลิกสนใจบาดแผล และเงยหน้ามองไปยังประตู
"ใคร"
"ข้าซิงอีเองเจ้าค่ะ"
เสียงของหญิงสาวดังออกมาจากนอกประตู
"เข้ามา"
ชายหนุ่มเอ่ยอนุญาตเพียงสั้นๆ เมื่อหญิงสาวได้ยินเช่นนั้นจึงผลักประตูเข้ามา พบชายหนุ่มกำลังนั่งยุ่งกับการแกะผ้าพันแผลอยู่ที่เตียง โดยที่ท่อนบนเปลือยเปล่าแต่ก็ยังดีที่ท่อนล่างไม่ได้เปลือยเหมือนท่อนบน "แหมขาวมาแต่ไกลเชียวนะ" หญิงสาวเอ่ยแซวชายหนุ่มในใจ และเดินเข้าไปหาเขาที่เตียง
"ข้ามาทำงานแทนผู้ช่วยหนิงเกาเจ้าค่ะ"
หญิงสาวเอ่ยจุดประสงค์การมาของตนทันที
"มาทำแผลให้ข้าก่อน"
"เจ้าค่ะ" หญิงสาวตอบรับทันที "ขอให้คนอื่นทำแผลให้ พูดดีๆไม่ได้หรือไง" แน่นอนหญิงสาวกล่าวกับตนเองในใจอีกครั้ง ขืนพูดไปตามที่คิดมีร้อยชีวิตก็คงถูกฆ่าทิ้งเป็นแน่ ชิงอีเข้ามานั่งที่ด้านล่างเตียงเพื่อทำแผลให้เขาเหมือนเดิม แต่ครั้งนี้แผลของชายหนุ่มกลับแห้งไม่ได้เปียกตอนอาบน้ำเหมือนวันก่อน วันนี้ไม่มีเลือดไหลและแผลก็เริ่มแห้งไปบ้างแล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะเก็บคำที่ข้าพูดออกไปมาคิดบ้างแล้ว หญิงสาวทำแผลใส่ยาเสร็จก็พันแผลให้ชายหนุ่มไว้เช่นเดิม
จางเหว่ยมองหญิงสาวอย่างพิจารณา การกระทำของหญิงสาวดูเหมือนจะรวดเร็วคล่องแคล่วแต่กลับละเอียดรอบคอบ เขาสังเกตผิวหน้าผิวกายของนางไม่หยาบกร้านเหมือนอย่างคนเคยเป็นขอทานมาก่อน ชายหนุ่มก้มหน้าลงไปใกล้หญิงสาวที่กำลังตั้งใจทำแผลให้เขาใกล้ๆ กลิ่นหอมสะอาดสดชื่นลอยเข้ามาปะทะที่ใบหน้าของชายหนุ่มที่ก้มหน้าลงไปเกือบถึงศีรษะของหญิงสาว โดยที่นางเองก็ไม่รู้ตัว ชายหนุ่มเผลอสูดดมกลิ่นนั้นอย่างลืมตัว เขามองคิ้วเรียงสวย ขนตายาวสายตามุ่งมั่นและตั้งใจตอนที่นางทำแผล จมูกโด่งสวย และปาก......
"เสร็จแล้วเจ้าค่ะ โอ๊ย....."
หญิงสาวอุทานออกมาเมื่อขณะที่นางกำลังจะเงยหน้าขึ้นทำให้หัวของนางกระแทกเข้ากับจมูกของชายหนุ่มที่ก้มลงมาตอนไหนก็ไม่รู้
"นี่เจ้า!"
จางเหว่ยตะคอกหญิงสาวทันที และเอามือกุมที่จมูกด้วยความเจ็บ
"ข้าขออภัยเจ้าค่ะ ข้ามิได้ตั้งใจ"
ซิงอีพูดพลางก้มลงไปที่พื้นอย่างหวาดกลัว แค่เขาโกรธยังโดนสั่งฆ่า นี่ถึงขนาดทำเขาเจ็บตัวไม่โดนฆ่าทิ้งเจ็ดชั่วโคตรเลยหรือ ตอนนี้ซิงอีอยากจะเขกหัวตัวเองจริงๆ จางเหว่ยลูบจมูกโด่งตัวเอง ก่อนจะสวมชุดตัวเองให้เรียบร้อย และก้าวไปที่หน้าประตู แต่ขณะที่เขากำลังจะก้าวออกไปก็ต้องถอนหายใจเฮือกใจอย่างรำคาญ
"ตามมา"
ชายหนุ่มเอ่ยสั่งเสียงเข้มอีกครั้งและเดินออกไป ซิงอีที่ได้ยินเช่นนั้นก็รีบลุกขึ้นตามไป "คงไม่พาข้าไปฆ่าทิ้งหรอกนะ" หญิงสาวเอ่ยกับตนเองเสียงเบา หญิงสาวรีบเดินให้ทันชายหนุ่มที่นำหน้าไปไกล ขาสั้นอย่างนางหากจะเดินตามชายหนุ่มที่ก้าวทีก็ยาวกว่านางเกือบสองเท่าให้ทันก็คงต้องวิ่งเท่านั้น
จางเหว่ยเดินนำหญิงสาวจนมาถึงเรือนรับรอง กว่าจะถึงเล่นทำเอานางหอบเลยทีเดียวทำให้นางต้องก้มตัวลงเล็กน้อยเพราะความเหนื่อย ชายหนุ่มที่เห็นเช่นนั้นก็ส่ายหน้าเล็กน้อย ขณะที่ซิงอีเงยหน้าขึ้นกลับเห็นชาวบ้านกว่า 20 คนและกำลังทยอยเข้ามาเรื่อยๆกำลังเข้าแถวอยู่หน้าห้องโถง โดยมีบ่าวรับใช้คอยปล่อยให้เข้าไปด้านในทีละคน
"เดินให้มันเร็วหน่อย"
จางเหว่ยหันมาว่าหญิงสาวก่อนจะเดินนำเข้าไปด้านในก่อน ซิงอีจึงรีบเดินเข้าไป ชายหนุ่มเดินไปนั่งยังโต๊ะที่หน้าห้องโถง และส่งสายตาให้หญิงสาวไปนั่งที่โต๊ะด้านข้าง บนโต๊ะมีกองหนังสือมากมายอยู่
"หน้าที่เจ้าคือคอยจดรายชื่อ และรายละเอียดทั้งหมดเมื่อชาวบ้านเข้ามา"
"แต่ข้า...."
"ทำไม่ได้งั้นหรือ"
ชายหนุ่มพูดพลางหันมาทางหญิงสาวเหมือนข่มขู่ สายตาชายหนุ่มเหมือนกำลังบอกนางว่า หากเจ้าทำไม่ได้ก็จะฆ่านางทิ้งอย่างไรอย่างนั้น
"ทะ....ทำได้เจ้าค่ะ"
ซิงอีพูดพลางนำหนังสือบนกองมาเปิดออกและจับพู่กันหมึกอย่างพร้อมที่จะจด ถึงการเขียนหนังสือด้วยพู่กันจะยาก แต่โชคดีหน่อยที่โลกเก่าตอนนางยังเด็กได้ลองฝึกเขียนด้วยพู่กันมาบ้าง
จางเหว่ยกวักมือเรียกให้บ่าวรับใช้พาชาวบ้านเข้ามา ชิงอีมองชาวบ้านชายอายุราว 50 กว่าปีเดินเข้ามาด้วยท่าทีนอบน้อม
"คารวะคุณชายขอรับ" ชายที่เข้ามาใหม่เอ่ยขึ้น
"วันนี้มาทำอะไร" จางเหว่ยเอ่ยถามอย่างตรงประเด็นทันที
"ลูกสาวของข้าน้อยป่วยเรื้อรัง รักษาเท่าไหร่ก็ไม่หายขอรับ ข้าน้อยได้ยินว่าที่เมืองอู๋มีหมอเทวดาอยู่ที่นั่น จึงอยากจะขอความกรุณาคุณชายให้ข้าน้อยยืมเงินเพื่อพาลูกสาวไปรักษาที่นั่นขอรับ" ชายคนนั้นเอ่ยจุดประสงค์ที่มาของตนทันที
"เท่าไหร่และจะคืนตอนใด"
"50 เหรียญเงินขอรับ คะ...คืนอีก 3 เดือนข้างหน้าขอรับ " ชายคนนั้นกล่าวด้วยเสียงไม่มั่นใจมากนัก
"ได้ ไปลงชื่อกับนาง หากเจ้าไม่คืนตามที่กล่าวมา รู้ใช่รึไม่ว่าจะเป็นเช่นไร"
"ข้าน้อยรู้ขอรับ ขอบคุณคุณชายที่ช่วยเหลือ" ชายชาวบ้านคนนั้นพูดพลางทำท่าคารวะแล้วเดินมาทางซิงอี
"พระเจ้า! นี่เขาปล่อยเงินกู้ด้วยหรือเนี่ย" ซิงอีกล่าวกับตนเองในใจ หลังอ่านข้อมูลที่บันทึกไว้ในสมุดก่อนหน้า แถมดอกเบี้ยยังสูงลิ่วเช่นนี้อีก เหมือนอย่างนักทวงหนี้นอกระบบในโลกที่นางจากมาอย่างไรอย่างนั้น ถ้ามีการทำร้ายร่างกายนี่ เห็นทีว่าเขาอาจคือต้นแบบของคนพวกนั้นเลยนะเนี่ย
ซิงอีถามชื่อ และเขียนจดบันทึกตามตัวอย่างที่เคยลงไว้ก่อนหน้าได้แก่ชื่อคน วันยืม-คืน และรายละเอียดต่างๆไว้จนครบถ้วน คนหนึ่งผ่านไปแล้วชาวบ้านคนต่อๆไปก็ทยอยเข้ามาเรื่อยๆ หญิงสาวทำหน้าที่ของตนอย่างไม่มีข้อบกพร่อง จนมาถึงคนสุดท้ายเป็นชายหนุ่มอายุราว 20 กว่าปี ค่อยๆเดินเข้ามาที่กลางห้องโถง
"คะ..คารวะคุณชายขอรับ" ชายหนุ่มเอ่ยด้วยเสียงหวาดกลัวเล็กน้อย
"ครบกำหนดแล้วสินะ เงินเหล่า"
"ข้าน้อยจะมาขอผ่อนผันได้หรือไม่ขอรับ"
"ไม่ได้" จางเหว่ยเอ่ยจบก็ส่งสายตาให้บ่าวรับใช้เข้ามาทันที
ชายรับใช้ร่างสูงใหญ่ 4-5คนเดินเข้ามา จากนั้นรุมทำร้ายชายหนุ่มชาวบ้านคนนั้นทันที เสียงร้องขอความเมตตาจากชายชาวบ้านอย่างเวทนา เลือดไหลออกมาที่ตามใบหน้าอย่างดูไม่ได้ ซิงอีได้แต่มองภาพนั้นอย่างหวาดกลัว
"เขาคือต้นแบบพวกทวงหนี้จริงๆด้วย โหดเหี้ยมจริงๆ" หญิงสาวพึมพำออกมากับตนเองเบาๆ
จางเหว่ยหันมาทางหญิงสาวที่นั่งดูเหตุการณ์ นางกำพู่กันในมือไว้แน่นเพื่อข่มอารมณ์ไม่ให้ตนเองหวาดกลัว ถึงแม้นางจะพยายามเก็บซ่อนอารมณ์ไว้แค่ไหน แต่ใบหน้าของนางยังซีดเซียวเพราะความกลัวอยู่ดี
เฮ้อออ~~ จางเหว่ยถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะโบกมือให้บ่าวรับใช้พาชายหนุ่มชาวบ้านคนนั้นออกไปกระทืบต่อที่ข้างนอก
"วันนี้พอแค่นี้"
ชายหนุ่มพูดพลางลุกขึ้นและเดินออกไป หลังจากนั่งมากว่า 2 ชั่วยาม ซิงอีที่เห็นเช่นนั้นจึงรีบเก็บของและเดินตามชายหนุ่มออกไป
