ตอนที่ 8 คิดถึง
“วุฒิเป็นยังไงบ้างลูก ช่วงนี้แม่ว่าเราดูเหนื่อยๆ นะ” นางสิริอรถามบุตรชายด้วยความเป็นห่วง
“ผมไม่เป็นอะไรหรอกครับแม่ ผมแค่อยากเร่งสะสางงานให้เสร็จครับ”
“มีงานด่วนอะไรเหรอลูก วุฒิถึงได้ทำงานหามรุ่งหามค่ำแบบนี้”
“ผมว่าจะตามไปเยี่ยมคุณปู่อนันท์ที่เชียงใหม่ครับ นานแล้วที่ผมไม่ได้ไปที่ไร่ภูอนันท์ ไม่รู้ว่าที่นั่นจะเปลี่ยนไปมากแค่ไหน คุณแม่ว่าดีไหมครับ”
“ดีสิจ๊ะลูก ถึงอย่างไรเราก็หมั้นกับหนูปานแล้ว อีกหน่อยก็ต้องเป็นทองแผ่นเดียวกัน วุฒิไปเยี่ยมคุณปู่อนันท์บ้างก็ดี คุณปู่อนันท์ก็เอ็นดูเราไม่น้อยนะตาวุฒิ ไปเถอะลูกแม่ไม่ห้ามหรอก แม่ดีใจเสียอีก”
“ครับแม่”
“แล้วเรื่องเลขาใหม่ของเราล่ะ? เมื่อไหร่จะหาได้สักที นี่มันก็นานแล้วนะ”
“ผมอยากจะเลือกให้แน่ใจก่อนครับ ไม่อยากจะเปลี่ยนบ่อยๆ ถ้ารีบเลือกมาแล้วทำงานพลาดก็ยิ่งเสียเวลานะครับคุณแม่”
“แม่ว่าเราเรื่องเยอะเกินไปหรือเปล่า รับเลขามากี่คนก็อยู่ได้ไม่เกินสามเดือนสักคนเลยนะ”
นางสิริอรบ่นให้บุตรชาย นางเหนื่อยหน่ายกับลูกชายคนนี้เหลือเกิน ถ้าเลขาเขาทำงานพลาดแม้แต่นิดเดียวเขาจะไล่ออกทันที ไม่ให้โอกาสแก้ตัวเลย แต่การจ่ายเงินชดเชยเขาก็ให้อย่างสมเหตุสมผลทุกราย
ถึงแม้คฑาวุฒิจะเจ้าชู้ เปลี่ยนคู่ควงไปเรื่อย แต่เขาก็ให้ความสำคัญกับการทำงานมากเช่นกัน ทุกอย่างที่เกี่ยวกับงาน เขาจะไม่ให้มีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นแม้แต่นิดเดียว นี่เป็นสาเหตุเขาต้องเปลี่ยนเลขาบ่อยๆ เพราะใครทำงานพลาดเขาจะไล่ออกทันที
“คุณแม่ครับไม่เป็นไรหรอกครับ ถึงจะทำงานหนักหน่อยก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมก็หาเลขาใหม่ได้ครับ คุณแม่ไม่ต้องห่วงนะ”
“ตามใจเราก็แล้วกัน ถ้าอย่างนั้นแม่ไปดูสวนดอกไม้ของแม่ดีกว่า”
“ตามสบายครับ” เขาตอบพลางมองตามหลังมารดาจนลับตา
ในที่สุดคฑาวุฒิก็สะสางงานเสร็จจนได้ หวังว่าเขาจะมาทันการเป็นก้างขวางคอของปานชีวันกับอคิณนะ เขาคิดในใจ
“ณ ไร่ภูอนันท์”
คฑาวุฒิขับรถมาเองเขาไม่อยากนั่งเครื่องบินมา เขาอยากขับรถชมวิวมาเรื่อย ๆ เพราะถึงยังไงเขาก็หยุดงานหลายวันไม่ต้องเร่งรีบอะไร ชายหนุ่มจอดรถที่หน้าบ้านของปานชีวัน คุณแม่ของปานชีวันออกมาต้อนรับด้วยตัวเอง
“สวัสดีครับคุณแม่”
“ไหว้พระเถอะลูก ตาวุฒิจะมาทำไมไม่บอกแม่ก่อนละลูก แม่จะได้ให้หนูปานอยู่รอ”
“ผมกะว่าจะมาเซอร์ไพรส์ปานครับคุณแม่ แล้วตอนนี้ปานไปไหนเหรอครับ” เขาถามนางปานชนกอย่างนอบน้อม
“หนูปานเขาพาเพื่อนไปเที่ยวน้ำตกจ้า อยู่ท้ายไร่โน่น แม่ว่าวุฒิมาเหนื่อยๆ เข้าไปพักข้างในก่อนนะลูก”
“ไม่ดีกว่าครับคุณแม่ คือผมอยากจะไปหาปานที่น้ำตกครับ”
“ได้สิ! เดี๋ยวแม่ให้คนงานพาไปนะ”
“ขอบคุณครับคุณแม่” เขายกมือไหว้
ไม่นานคนงานก็พาคฑาวุฒิมาถึงน้ำตก เขามองดูปานชีวันที่นั่งอยู่บนโขดหินขนาดใหญ่ ความสวยของหล่อนตรึงตาตรึงใจเขาเหลือเกิน ทั้ง ๆที่หล่อนก็นั่งเฉยๆ แต่หล่อนดูสวยเป็นธรรมชาติ คฑาวุฒิเผลอยิ้มให้กับหญิงสาวที่ตรงหน้า แต่อยู่อคิณก็ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหน
“ปาน! ลงมาเล่นน้ำกัน” อคิณชวนปานชีวันพลางกวักมือเรียก
“ไม่เอาปานไม่อยากเปียก คิณเล่นให้สนุกเถอะ”
“มาเล่นด้วยกันเถอะนะ” อคิณคะยั้นคะยอ
“ไม่เอา...ปานไม่เล่น!”
ในขณะที่ปานชีวันและอคิณตะโกนใส่กันไปมา คฑาวุฒิรีบเข้าไปหาปานชีวันทันทีมีหรือคนอย่างเขาจะยอมให้หล่อนมีความสุขง่ายๆ เขาเดินไปนั่งลงข้างๆ หล่อน
“สนุกมั้ย” เขาถามหล่อนเบาๆ
เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยปานชีวันถึงกับสะดุ้ง เอามือขยี้ตาตัวเอง
“นายตามมาหลอกหลอนฉันถึงนี่เลยเหรอ เฮี้ยนจริงๆ เลย” ปานชีวันแกล้งบ่นให้ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆ
“โป๊ก!!” คฑาวุฒิใช้มือตีไปที่หัวของหล่อนเบาๆ
“โอ๊ย!!”
“ฉันยังไม่ตาย” เขาบอกกับหล่อน
พอได้ยินแบบนั้น ปานชีวันก็ยื่นมือไปจับที่แขนของเขา “เออ...จริงด้วย!”หล่อนพูดกับตัวเอง ก่อนจะหันหน้ามาถามเขา
“คุณมาที่นี่ได้ยังไง”
“ก็ขับรถมาสิ! เมื่อยชะมัดตอนเย็นนวดให้หน่อยนะ”
“เรื่องอะไร ไม่ใช่หน้าที่ของฉัน”
“ไม่ใช่หน้าที่ของคุณได้ยังไง ก็ผมมาเที่ยวบ้านคุณนะ”
“อ้าว! แล้วทำไมไม่ขึ้นเครื่องมา”
“ก็กลัวคุณไม่ไปรับ” เขาตอบแบบกวนๆ
“รถเช่ามีเยอะแยะ” หล่อนตอบเขาทันควัน
“ผมกลัวหลง”
“คนอย่างคุณนี่นะจะหลง”
“มันก็ไม่แน่”
“แล้วที่คุณมาที่นี่ คุณคิดถึงฉันว่างั้น”
“ถ้าผมตอบว่าใช่คุณจะเชื่อผมมั้ย”
“ไม่! ใครเชื่อคุณก็บ้าแล้ว” หล่อนพูดก่อนจะลุกขึ้นยืน คฑาวุฒิรีบคว้ามือหญิงสาวเอาไว้
“คุณจะไปไหน” เขารีบถามปานชีวันทันทีที่เห็นหล่อนลุกขึ้น
“ไปเล่นน้ำ คุณจะไปด้วยกันมั้ย”
“ไม่ไปดีกว่า ผมกลัวเปียก”
เมื่อได้ยินแบบนั้นมีหรือปานชีวันจะปล่อยโอกาสทองในการแกล้งเขาให้หลุดมือไป หล่อนเดินลงไปในน้ำตกอย่างช้าๆแล้วก็วิดน้ำใส่เขาจนเขาเปียกไปทั้งตัว ปานชีวันหัวเราะเยาะเขาด้วยความสะใจ มีหรือคนอย่างคฑาวุฒิจะยอมให้หญิงสาวแกล้งเขาฝ่ายเดียว เขารีบลงไปในน้ำตกแล้ววิดน้ำใส่หล่อนบ้าง
ทั้งสองคนเล่นน้ำตกอย่างสนุกสนาน การกระทำของทั้งสองคน ยิ่งตอกย้ำความรู้สึกของอคิณ เขาหึงหวงปานชีวัน แต่เขาก็แสดงออกไม่ได้เพราะหล่อนมีคู่หมั้นแล้ว
พิมลดาตบไหล่อคิณเบาๆ ทำไมหล่อนจะไม่รู้ว่าอคิณแอบรักปานชีวัน แต่จะทำยังไงได้ก็ตอนนี้ปานชีวันมีคู่หมั้นแล้ว
ในขณะที่คฑาวุฒิและปานชีวันกำลังเล่นน้ำกันอยู่อย่างสนุกสนาน ปานชีวันก็ร้องเสียงดัง
“ช่วยด้วยค่ะ! ช่วยปานด้วย! ปานเป็นตะคริว” หล่อนทำท่าตะเกียกตะกาย
ด้วยความเป็นห่วงคฑาวุฒิรีบว่ายน้ำเข้าไปหาหล่อนทันที โชคดีเขาช่วยหล่อนได้ทันก่อนที่หล่อนจะจมลงไป แต่หล่อนก็สำลักน้ำไปเหมือนกัน
คฑาวุฒิอุ้มหล่อนขึ้นมาวางบนโขดหิน ก่อนที่จะปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้หล่อน
“เป็นไงบ้างปาน ดีขึ้นมั้ย” พิมลดาถามขึ้น
“ดีขึ้นแล้วจ้าดา ปานไม่เป็นไรหรอก ปานต้องขอบคุณคุณวุฒิด้วยนะคะ" หล่อนหันมามองคฑาวุฒิพร้อมเอ่ยขอบคุณเขาอย่างจริงใจ
“ไม่เป็นไรหรอกครับ รีบกลับกันเถอะเดี๋ยวคุณจะไม่สบาย” ไม่พูดเปล่าเขาก้มลงอุ้มหญิงสาวแล้วเดินลิ่วๆไปที่รถทันที ปานชีวันไม่มีแม้แต่โอกาสจะแย้งเขาเลย
“คุณปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะ” หล่อนบอกเขาพร้อมทั้งดิ้นอยู่บนอ้อมแขนของชายหนุ่ม
“นี่คุณ!อย่าดิ้นสิ ถ้าผมทำคุณหล่นขึ้นมาผมไม่รับผิด ชอบนะ ตัวยังหนักเหมือนเดิมเลยนะคุณ น่าเกลียดจริงๆ เลยผู้หญิงอะไรก็ไม่รู้” เขาทั้งบ่นทั้งเดิน
“บ้าที่สุด! ถ้าคุณจะพูดให้ฉันขนาดนี้วางฉันลงดีกว่า ผู้ชายอะไรปากเสียชะมัด”
ทั้งสองคนทะเลาะกันไปมา ในที่สุดก็มาถึงรถสักที ไม่งั้นสงครามน้ำลายก็คงไม่จบลงง่ายๆ
