ตอนที่ 6 งานหมั้นที่แสนจะวุ่นวาย
“ณ บ้านเทวากุล”
วันนี้เป็นวันที่ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย ต่างมีความยินดีเป็นอย่างมากที่เด็กๆ ทั้งสองยอมหมั้นกันแต่โดยดี ตอนแรกทุกคนคิดว่าจะต้องใช้แผนสำรองเสียแล้ว งานหมั้นได้ถูกจัดขึ้นอย่างสวย งามและอลังการ สมกับเป็นเศรษฐีระดับต้นๆของประเทศ มีนัก ข่าวหลายสำนักมาเก็บภาพในงานหมั้น เพราะก่อนหน้านี้ทุกคนต่างรู้ดีว่าคฑาวุฒิไม่มีวี่แววจะสละโสด เพราะเขาเป็นหนุ่มฮอตควงผู้หญิงแทบไม่ซ้ำหน้า
พิธีการเตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้ว แขกเหรื่อในงานก็มาพร้อมเพรียงกัน เหลือแค่ปานชีวันที่ยังไม่ลงมาจากชั้นบนของบ้าน
พอได้ฤกษ์ปานชีวันก็ออกมาจากห้องแต่งตัว หล่อนก้าวลงบันไดที่ประดับประดาอย่างสวยงามด้วยดอกกุหลาบสีขาว
วันนี้ปานชีวันสวมชุดไทย ยิ่งทำให้หล่อนสวยโดดเด่นเหมือนนางในวรรณคดี ใบหน้าสวยได้รูปเมื่อถูกแต่งแต้มด้วยช่างฝีมือดียิ่งทำให้หล่อนสวยขึ้นไปอีก
คฑาวุฒิแม้จะเคยเห็นหล่อนในวันที่ไปลองชุดแล้ว ก็ยังตกตะลึงในความสวยของหล่อน เขามองหล่อนตาค้าง กระทั่งหล่อนมานั่งอยู่ด้านหน้าเขา
“เป็นไงหล่ะ...สวยใช่ไหม อย่ามาตกหลุมรักฉันก็แล้วกันนะ” ปานชีวันกระซิบข้างหูเขาเบาๆ พลางส่งยิ้มกวนประสาทให้ชายหนุ่ม
“ไม่มีวัน...ยายเด็กอ้วน!” เขากระซิบหล่อนคืน
“ไอ้บ้า!” ปานชีวันได้แต่บ่นเบาๆ นี่เขายังกล้าเอาเรื่องที่หล่อนอ้วนตอนเด็กๆ มาล้อหล่อนอีกเหรอ ผู้ชายอะไรร้ายชะมัดแถมยังไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษเอาเสียเลย
คฑาวุฒิก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมเขาชอบแหย่หล่อน ทุกครั้งที่หล่อนมีท่าทีโกรธมันช่างน่าตลกจริงๆ
‘ยังไงเสียการหมั้นกับปานชีวันก็ไม่เลวร้ายอะไร’ เขาคิดในใจพลางยิ้มกับตัวเอง
ไม่นานก็ได้ฤกษ์สวมแหวน ทั้งสองคนผลัดกันสวมแหวนให้กันและกัน และแล้วงานหมั้นของทั้งสองคนก็ผ่านไปอย่างราบรื่น
เมื่องานหมั้นสิ้นสุดลงแขกเหรื่อก็เริ่มทยอยกลับ เหลือแค่ เพื่อนของคฑาวุฒิและเพื่อนของปานชีวันบางส่วนที่อยู่สังสรรค์กันต่อ
“ยินดีด้วยนะปาน ดาไม่คิดเลยว่าปานจะได้หมั้นกับคุณคฑาวุฒิ ผู้ชายที่ทั้งหล่อทั้งรวย แถมยังเป็นที่หมายตาของสาวๆ เกือบทั้งประเทศ” พิมลดาเอ่ยแสดงความยินดักับเพื่อนสนิท
“ขอบใจนะดา”
“คราวก่อนก็เจอกันอยู่ผับ ทำไมปานไม่เห็นเล่าเรื่องคุณคฑาวุฒิให้ดาฟังเลย”
“เราก็ไม่รู้จะเล่ายังไง เรื่องมันซับซ้อนน่ะดา”
“ยินดีด้วยนะปาน เราไม่คิดว่าปานจะหมั้นเร็วขนาดนี้” อคิณเพื่อนสนิทของปานชีวันกล่าวแสดงความยินดีกับหล่อน ความจริงแล้วอคิณแอบรักปานชีวันตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว แต่ปานชีวันก็คิดกับเขาแค่เพื่อนเท่านั้น
คฑาวุฒิเห็นปานชีวันคุยกับกลุ่มเพื่อนของหล่อน แต่สายตาเขากลับสะดุดเข้ากับผู้ชายคนหนึ่ง มองดูก็รู้ว่าผู้ชายคนนั้นชอบปานชีวัน คฑาวุฒิไม่พอใจขึ้นมาทันทีเร็วเท่าความคิด คฑาวุฒิรีบเดินไปที่กลุ่มเพื่อนของปานชีวันทันที
“สวัสดีครับ...ผมคฑาวุฒินะครับคู่หมั้นของน้องปาน”
คฑาวุฒิกล่าวแนะนำตัวทันทีที่เดินมาถึง พอได้ยินแบบนั้นปานชีวันก็หันขวับไปตามเสียงของเขาทันที ‘อีตาบ้านี่คิดจะทำอะไร’ หล่อนคิดในใจ
“สวัสดีค่ะ สวัสดีครับ” เพื่อนของหล่อนตอบออกมาพร้อมกันเหมือนกับนัดกันเอาไว้
“ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนนะครับ โอกาสหน้าเชิญมาทานข้าวที่บ้านนะครับ เราจะได้ทำความรู้จักกันเอาไว้” เขาชวนเพื่อนของปานชีวันอย่างเป็นมิตร
“คุณคิดจะทำบ้าอะไร” ปานชีวันไปกระซิบข้างหูเขา
“คุณนี่ก็คิดมากเหมือนกันนะ ผมก็แค่อยากรู้จักเพื่อนของคุณก็เท่านั้น”
“โอเค! รู้จักแล้วก็ไปหาแฟนคุณโน่น ดูสิยืนชะเง้อจนคอยาวจะเป็นยีราฟอยู่แล้ว” ปานชีวันพยักหน้าไปทางนางแบบสาวหล่อนเดาว่าคงจะเป็นกิ๊กของคฑาวุฒิเพราะเคยเจอทั้งสองคนควงกันที่ผับคราวก่อน
“ให้ฉันทายนะอีกไม่ถึง 10 นาทีถ้าคุณไม่กลับไปหาหล่อนรับรองว่าหล่อนเดินมาหาคุณแน่”
ปานชีวันพูดยังไม่ทันขาดคำ ประกายดาวนางแบบสาวคู่ควงคนล่าสุดของคฑาวุฒิก็เดินมาหาเขาจริงๆ ประกายดาวเดินเข้ามาควงแขนคฑาวุฒิต่อหน้าต่อตาปานชีวัน
“วุฒิคะ! ดาวว่าเราไปทางโน้นดีกว่าคะ” หล่อนเอ่ยชวน
‘ยัยนางแบบนี่ชักจะกล้าเกินไปแล้วนะ หล่อนกล้าหยามศักดิ์ศรีคนอย่างปานชีวันเหรอ’ ปานชีวันคิดในก่อน พอมองดูใบ หน้าหล่อของชายหนุ่มกลับเห็นเขาส่งสายตาหวานเยิ้มให้กับประกายดาว ปานชีวันอดโมโหไม่ได้ หล่อนเอามือจับแขนของคฑาวุฒิแล้วกระชากเขามาทางหล่อน
“พี่วุฒิขาจะไปไหนเหรอคะ อยู่กับปานตรงนี้แหละค่ะ”
ปานชีวันเอ่ยกับเขาเสียงหวาน
คฑาวุฒิได้ยินปานชีวันเรียกเขาว่าพี่ก็ถึงกับขนลุก ‘ยัยนี่จะมีแผนอะไรหรือเปล่า ร้อยวันพันปีไม่เคยจะเรียกเราว่าพี่สักที วันนี้กลับเรียกง่ายๆแบบนี้เนี่ยนะ’ เขาคิดไปก็ขนลุกไป
“เธอมีสิทธิ์อะไรมารั้งคุณวุฒิเขาไว้” ประกายดาวถามอย่างไร้ความเกรงใจ
“สิทธิ์ของความเป็นคู่หมั้นไง” ปานชีวันพูดพร้อมทั้งยกแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายขึ้นให้ประกายดาวดู
“แล้วคุณประกายดาวล่ะคะมีสิทธิ์อะไรในตัวพี่วุฒิไม่ทราบ...ถึงได้ลากพี่วุฒิไปตรงโน้นทีตรงนั้นทีแบบนี้”
“ฉันเป็นแฟนคุณวุฒิมาก่อนเธอเสียอีก ว่าแต่เธอเถอะทำอีท่าไหนถึงได้หมั้นกับเขาหรือว่าปล่อยให้ตัวเองท้องเพื่อจับผู้ชายอย่างที่เขาลือกัน” ประกายดาวพูดพลางมองปานชีวันด้วยสายตาดูแคลน ปานชีวันหันขวับไปทางคฑาวุฒิ พร้อมเอ่ยถามคู่หมั้นหมาดๆ ทันที
“พี่วุฒิค่ะ ยัยคนนี้เป็นแฟนพี่เหรอคะ” หล่อนเน้นเสียงพลางส่งสายตาดุให้ชายหนุ่ม
คฑาวุฒิเห็นสีหน้าของปานชีวันก็ถึงกับเหงื่อตกเลยทีเดียว ‘ยัยเด็กนี่จะเอาอะไรกับเขานักหนาว่ะ’ เขาคิดในใจ
“ตอบมาค่ะพี่วุฒิ” หล่อนย้ำเสีงเข้ม
“เอ่อ...คือว่า...คุณประกายดาวเป็นเพื่อนสนิทพี่ครับ” คฑาวุฒิตอบไม่เต็มเสียงนัก
“คุณประกายดาวคงได้ยินชัดแล้วนะคะ” ปานชีวันถามย้ำพลางยิ้มให้ประกายดาวอย่างผู้ชนะ ประกายดาวไม่ตอบได้แต่ยืนตัวสั่นด้วยความโกรธ
“อีกอย่างนะคะ ปานขอประกาศไว้ตรงนี้เลย ปานกับพี่วุฒิหมั้นกันตั้งแต่เด็กๆ แล้วนะคะ ที่จัดงานวันนี้ก็เพื่อประกาศให้ทุกคนรับรู้อย่างเป็นทางการเฉยๆ ใช่มั้ยคะพี่วุฒิ”
“ใช่ครับ!” พอเห็นท่าทางเอาจริงเอาจังของปานชีวันเขาก็ได้แต่ทำตามหล่อนอย่างว่าง่าย
ประกายดาวเห็นว่าคฑาวุฒิเห็นดีเห็นงามไปกับคู่หมั้นของเขาหล่อนจึงเดินหนีไปจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว หล่อนไม่คิดว่าเด็กบ้านนอกอย่างปานชีวันจะพิษสงเยอะขนาดนี้
“เรามีเรื่องต้องคุยกันนะคุณวุฒิ” หล่อนพูดกับเขาเบาๆ ให้ได้ยินกันแค่สองคน
“พูดเสียขนาดนี้แล้ว คุณยังพูดไม่หมดอีกเหรอ”
“ยัง! เรายังมีเรื่องต้องคุยกันอีกเยอะ”
หลังจากส่งแขกกลับหมดแล้ว ปานชีวันก็ลากแขนคฑาวุฒิมาที่หลังบ้านทันที
“คุณคฑาวุฒิ! นี่มันงานหมั้นของเรานะ คุณกล้าดียังไงถึงให้แฟนคุณเข้ามาแสดงตัวแบบนี้ จะทำอะไรก็เห็นแก่หน้าฉันบ้าง” ปานชีวันโวยวาย
“ประกายดาวเขาไม่ได้เป็นแฟนผม เขาเป็นแค่เพื่อนสนิท ผมก็บอกไปคุณแล้วไง”
“ถึงขั้นนี้แล้วยังกล้าแถอีกนะคุณน่ะ ถ้าจะคบกันยังไงก็ไว้หน้าฉันด้วยก็แล้วกัน ต่อหน้าเพื่อนฉันอย่าแสดงออกให้มันมากนักว่าเป็นแฟนกัน”
“เข้าใจแล้วน่า! คุณนี่เรื่องมากชะมัด นับวันยิ่งเหมือนเป็นแฟนผมเข้าไปทุกทีแล้วเนี่ย”
“พูดบ้าอะไรของคุณ ดูปากฉันให้ดีๆนะ ‘ไม่มีทางหรอกอีตาบ้า’ เชอะ!” หล่อนพูดจบแล้วก็เดินจากไป
คฑาวุฒิได้แต่ยืนส่ายหัว เขายืนดูหล่อนเดินจากไปแล้วอมยิ้ม ทั้งที่ความจริงแล้วเขาควรโกรธหล่อนมากกว่า ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีใครว่าเขาแบบนี้มาก่อน
