ตอนที่ 5 เตรียมงานหมั้น
“สนามหน้าบ้าน...”
ขณะนี้ดึกแล้วแต่วันนี้คฑาวุฒิไม่สามารถข่มตาให้หลับได้ถึงแม้ว่าเขาจะต้องหมั้นกับปานชีวันที่สวยหยดย้อย ไม่ใช่ยัยอ้วนดำสมัยเด็กๆแต่เขาก็ไม่ดีใจสักนิด เขายังอยากจะสนุกกับชีวิตโสด ไม่อยากผูกมัดกับใครให้วุ่นวายใจ อีกอย่างปานชีวันก็ร้ายเสียขนาดนั้น แถมยังดื้อรั้นเป็นที่สุด เขาคิดไม่ออกเลยว่าชีวิตหลังแต่งงานจะเป็นอย่างไร
ปานชีวันยืนอยู่รับลมที่ระเบียงห้องนอนของหล่อนยิ่งใกล้วันหมั้นที่บ้านเทวากุลยิ่งวุ่นวาย
ทุกคนในบ้านต่างช่วยกันเตรียมงาน ยกเว้นชคฑาวุฒิช่วงนี้เขากลับบ้านดึกทุกวัน ทำไมหล่อนจะไม่รู้ว่าเขาไม่อยากจะหมั้นกับหล่อน เพราะหล่อนก็คิดไม่ต่างจากเขา ผู้ชายเจ้าชู้ขนาดนั้นจะมาหยุดที่คนคนเดียวเป็นไปไม่ได้แน่นอน และหล่อนยังเป็นคนที่เขาเกลียดด้วยซ้ำ
ในขณะที่ปานชีวันกำลังคิดอะไรเพลินๆ สายตาของหล่อนก็บังเอิญเจอเข้ากับร่างของชายหนุ่ม เขาเดินอยู่สนามหญ้าหน้าบ้านด้วยท่าทางครุ่นคิด ยิ่งเห็นท่าทางของเขามันยิ่งตอกย้ำว่าเขาไม่อยากจะหมั้นกับหล่อน
ปานชีวันรีบกลับเข้ามาในห้องนอน หล่อนนอนครุ่นคิดไม่รู้จะหาทางออกให้กับเรื่องนี้อย่างไรดีถ้าหล่อนไม่แต่งงานกับคฑาวุฒิอาการป่วยของคุณปู่ต้องทรุดลงอีกเป็นแน่ นับต่อจากนี้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นหล่อนจะทำทุกอย่างเพื่อให้คุณปู่อยู่กับหล่อนให้นานที่สุด
“พรุ่งนี้แล้วสินะคุณปู่จะมากรุงเทพฯ เราจะต้องทำตัวให้สดใสรอต้อนรับคุณปู่สิ เราจะเศร้าให้คุณปู่เห็นไม่ได้” ปานชีวันพูดกับตาเองแล้วพยายามข่มตาให้หลับ
รุ่งขึ้นปู่อนันท์มาถึงบ้านเทวากุลตั้งแต่เช้าตรู่ วันนี้ปานชีวันตื่นแต่เช้าเพื่อออกมารอรับคุณปู่อนันท์ที่หน้าตึก พอเห็นคุณปู่หล่อนก็สวัสดีแล้วโผเข้ากอดด้วยความคิดถึง
“คุณปู่ดูแข็งแรงขึ้นนะคะ” หล่อนถามออกไปพลางมองใบหน้าที่สดใสของชายชรา
“ก็ปู่ดีใจที่หนูจะเป็นฝั่งเป็นฝานี่ลูก ปู่มีกำลังใจดีขึ้นร่างกายก็แข็งแรงขึ้นด้วย”
หลังจากปานชีวันทักทายคุณปู่เรียบร้อยหล่อนก็หันหน้ามาไหว้บิดามารดาและสวมกอดท่านทั้งสองด้วยความคิดถึง
คฑาวุฒิตื่นแต่เช้ากว่าปกติ วันนี้เขามาต้อนรับปู่อนันท์ด้วยตัวเอง เพราะยังไงเขารักและก็เคารพปู่อนันท์เหมือนปู่ของเขาเอง คฑาวุฒิมองดูปานชีวันเวลาที่อยู่กับผู้ใหญ่ด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม
‘ยัยนี่เวลาที่อยู่กับผู้ใหญ่ก็ทำตัวน่ารักดี ต่างกับเวลาอยู่กับเราลิบลับ’ ชายหนุ่มคิด
“สวัสดีครับคุณปู่...คุณปู่เดินทางมาเหนื่อยไหมครับ” คฑาวุฒิเอ่ยถามชายชรา
“ไม่เหนื่อยหรอกลูก...นี่ตาวุฒิใช่ไหม โตขึ้นแล้วรูปหล่อมากเลยลูก”
“ขอบคุณครับคุณปู่” คฑาวุฒิกล่าวขอบคุณพร้อมทั้งส่งยิ้มให้ชายสูงวัย
“สวัสดีคุณพ่อคุณแม่ครับ” เขาสวัสดีบิดามารดาของปานชีวัน
สองสามีภรรยารับไหว้ พลางยิ้มอย่างเอ็นดูให้ชายหนุ่ม
“เชิญทุกคนเข้าไปในบ้านครับ คุณปู่กับคุณพ่อคุณแม่รออยู่ในห้องรับแขกครับ”
เมื่อผู้ใหญ่เดินเข้าไปข้างในปานชีวันก็รีบเดินไปเข้าไปใกล้ๆ คฑาวุฒิ
“ดูๆ ไปคุณก็มีมารยาทเหมือนกันนะ ถึงแม้ปกติจะไม่ค่อยมีก็ตาม” ปานชีวันกระซิบข้างหูคฑาวุฒิเสียงเบาพอให้ได้ยินกันสองคน ชายหนุ่มได้แต่มองหล่อนตาเขียวไม่กล้าพูดอะไรโต้ตอบเพราะกลัวผู้ใหญ่จะได้ยิน
วันนี้ดูคุณปู่ทั้งสองคนมีความสุขมาก ลูกหลานเห็นแล้วก็พลอยมีความสุขตามไปด้วย ปานชีวันดีใจมากที่คุณปู่ของหล่อนดูแข็งแรงขึ้น หน้าตาสดใสไม่เหมือนคนป่วยเลยสักนิด เห็นคุณปู่พูดคุยแล้วก็หัวเราะกับปู่มงคล หล่อนก็อดยิ้มดีใจไม่ได้ หล่อนคงคิดถูกแล้วที่แต่งงานกับคฑาวุฒิ อย่างน้อยคุณปู่ก็ดูมีความสุขมากหล่อนได้คิดและก็ยิ้มคนเดียว
คุณปู่อนันท์ขอไปอยู่ที่เรือนหลังเล็กกับคุณปู่มงคล เพราะอยากจะคุยกันรื้อฟื้นความหลังตามประสาคนแก่ อยู่ตึก
ใหญ่มันวุ่นวาย ถึงจะอยู่เรือนหลังเล็กก็สะดวกสบายเหมือนอยู่ตึกใหญ่เพราะมีคนรับใช้คอยดูแลอยู่ตลอดเวลา
เรื่องการเตรียมสถานที่สำหรับที่ใช้ในงานหมั้นเป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่ ช่วงนี้ที่บ้านดูวุ่นวายเพราะคุณปู่ให้จัดงานที่บ้านเพราะบ้านก็กว้างขวางสามารถจุแขกได้เยอะพอสมควร
“รุ่งขึ้น...”
คฑาวุฒิพาปานชีวันไปดูชุดและแหวนหมั้นสำหรับงานหมั้น ถึงแม้ชายหนุ่มจะไม่เต็มใจ
“นี่คุณ! กรุณาทำหน้าให้มันดีๆ หน่อย” ปานชีวันพูดขึ้นทำลายความเงียบขณะที่ทั้งสองคนนั่งอยู่ในรถ เขามองหน้าหล่อนแต่ไม่พูดอะไร ได้แต่ขับรถไปเงียบๆ
“คุณอย่าทำแบบนี้ฉันอึดอัด คุณอยากจะพูดอยากจะด่าฉันก็ได้นะ เงียบแบบนี้มันไม่ใช่คุณ”
“ผมไม่มีอะไรจะพูด”
“ฉันรู้ว่าคุณไม่อยากหมั้นและก็ไม่อยากแต่งงานกับฉัน คุณก็ทนหน่อยละกันนะถือเสียว่าทำเพื่อคุณปู่ ฉันไม่อยากทะเลาะกับคุณตอนที่คุณปู่ฉันยังอยู่บ้านคุณ ฉันอยากให้คุณปู่สบายใจ อีกอย่างนะ...คุณปู่มงคลก็ดูมีความสุขนะที่เราจะหมั้นกัน ฉันไม่อยากให้คนแก่ผิดหวัง ให้งานหมั้นผ่านไปก่อนถ้าคุณไม่อยากคุยกับฉันก็ไม่เป็นไร ตอนนี้เราดีกันก่อนนะถือว่าฉันขอละกัน” ปานชีวันนร่ายยาว
“ผมถามคุณจริงๆ นะ ทำไมคุณถึงยอมแต่งงานกับผม ทำไมถึงยอมทำตามความคิดผู้ใหญ่ง่ายๆ แบบนี้”
“เอาจริงๆ ฉันยังไม่คิดเรื่องแต่งงานหรอก และไม่เคยคิดอยากจะแต่งด้วยซ้ำ แต่คุณปู่ฉันป่วยหนัก ท่านอยากให้ฉันทำตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับปู่มงคล ท่านบอกว่าจะได้ตายตาหลับ ถ้าปู่ฉันไม่ป่วยฉันไม่มีวันแต่งงานกับผู้ชายอย่างคุณเด็ดขาด คนอะไรเจ้าชู้ไปเรื่อยวันๆ มีแต่ข่าวกับผู้หญิง”
“โอเค! ผมจะพยายามเข้าใจเหตุผลของคุณก็แล้วกันนะ”
คฑาวุฒิพาปานชีวันไปที่ร้านเพชรเพื่อเลือกแหวนหมั้นหล่อนตื่นตาตื่นใจไปหมดไม่รู้จะเลือกวงไหนดี เขาเห็นหล่อนจับแหวนวงหนึ่งขึ้นมาซึ่งดูแล้วก็เหมาะกับหล่อน แต่พอปานชีวันเห็นราคาหล่อนก็รีบวางทันที แล้วไปหยิบแหวนวงที่เพชรเม็ดเล็กนิดเดียวขึ้นมาดูแทน
ชายหนุ่มเห็นแล้วรู้สึกขัดตาชะมัด ผู้หญิงที่เขาเคยพามาซื้อไม่ว่าจะคนไหนก็ตาม พวกหล่อนชอบหยิบแหวนที่เพชรเม็ดใหญ่กว่าทุกวงที่หล่อนเลือกมาทั้งนั้น
“เอาสองวงนี้ครับ ของผมวงหนึ่งของคุณผู้หญิงวงหนึ่ง” คฑาวุฒิบอกกับพนักงาน พนักงานรีบนำแหวนใส่กล่อง แล้วรีบคิดเงินให้เขาทันที
“คุณแหวนวงนั้นมันแพงมากเลยนะ ทำไมไม่เอาวงอื่น” หล่อนกระซิบเขา
“นี่คุณหาว่าผมไม่มีเงินเหรอถึงเลือกแหวนเพชรเม็ดเล็กๆมาใช้ในงานหมั้นของเรา”
“ก็ฉันเสียดายเงิน มันก็แค่แหวนมั้ย”
“เสียเงินไม่เป็นไร ผมไม่ยอมเสียหน้าเด็ดขาด” เขาพูดกับหล่อนก่อนจะหันไปหยิบถุงที่พนักงานยื่นมาให้ หลังจากนั้นเขาก็พาหล่อนไปทานข้าวก่อนที่จะแวะดูชุดที่ตัดไว้
เมื่อถึงร้านตัดชุด คฑาวุฒิก็ได้ลองชุดของเขา เนื่องจากชุดของผู้ชายไม่มีรายละเอียดเยอะทำให้เขาลองเสร็จก่อนหญิงสาว
แต่เมื่อหญิงสาวสวมชุดแล้วเดินออกมาให้เขาดู เขาก็ต้องตกตะลึง ไม่คิดว่าชุดไทยที่หล่อนใส่จะทำให้หล่อนดูสวยสง่าขนาดนี้
“คุณว่าไงคะ ต้องแก้อะไรไหม” หล่อนถามเขา
เขาที่อยู่ในอาการตกตะลึงจึงได้สติเมื่อได้ยินเสียงของหล่อน
“สวยมากครับ คงไม่ต้องแก้อะไรแล้ว” เขาตอบ
