บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 3 ไอ้บ้ากาม

พอเข้ามาในห้องพัก คฑาวุฒิวางหล่อนลงบนเตียงอย่างเบามือ ก่อนจะนั่งลงข้างๆ ร่างบาง

“ผู้หญิงอะไรตัวนิดเดียวแต่หนักชะมัด” เขาบ่น

ขณะที่ชายหนุ่มกำลังจะลุกไปที่ประตูห้อง ปานชีวันกลับดึงแขนเขาไว้

“คุณปู่ขา...นี่คุณปู่จะให้ปานแต่งงานกับอีตาบ้านั่นจริงๆเหรอคะ”

“คุณปู่ใจร้ายจัง ไอ้บ้านั่นเป็นคนยังไงก็ไม่รู้ คุณปู่ยังจะบังคับปานแต่งงานกับเขาอีก ฮือๆ...” หล่อนพูดพลางร้องไห้

“นี่เธอหมายถึงเรื่องอะไร หรือว่าเธอถูกจับแต่งงานเหมือนฉัน” เขาถามพร้อมทั้งจ้องใบหน้าสวยของหล่อน

“นายเป็นใคร? ฉันไม่รู้จักนาย...แล้วนี่นายเข้ามาอยู่ในห้องฉันได้ยังไง” หล่อนพูดพร้อมทั้งกำลังพะอืดพะอม

“แหวะ!” หล่อนอาเจียนออกมา ตอนนี้ทั้งเสื้อเขาและเสื้อ

หล่อนต่างสกปรก แถมยังมีกลิ่นเหม็นเปรี้ยวอีกต่างหาก เขาถอดเสื้อตัวเองออกให้ป้าแม่บ้านนำไปสักรวมทั้งเสื้อผ้าหล่อนด้วย พอปานชีวันอาเจียนเสร็จหล่อนก็นอนหลับไม่รู้เรื่องเลย

ด้วยความอ่อนเพลียและความเมาทำให้คฑาวุฒิเผลอหลับอยู่ข้างๆ หล่อน เพราะเขาเองก็ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไปไม่น้อยเหมือนกัน

รุ่งเช้าปานชีวันงัวเงียตื่นขึ้นมา หล่อนเอามือกุมขมับตัวเอง ตอนนี้หล่อนรู้สึกปวดหัวมาก

“เมื่อคืนเราเมามากขนาดนี้เลยเหรอนี่ แล้วเรากลับมาห้องได้ยังไงนะ” หล่อนพูดกับตัวเองก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาดูเวลา

“พึ่งตี 5 นอนต่อดีกว่า” พูดจบหล่อนก็วางโทรศัพท์มือถือไว้หัวเตียงก่อนจะผล็อยหลับไปอีกรอบ

“ โอ้ย!! ทำไมปวดปวดหัวจังเลย” หล่อนบ่นพร้อมทั้งซุกตัวเข้าไปในผ้าห่ม แต่มือหล่อนไปกลับไปสัมผัสกับอะไรที่อยู่ข้างๆ

“เอ๊ะ! ทำไมมันเป็นอุ่นๆ” ไวเท่าความคิดหล่อนควานมือเข้าไปในผ้าห่ม เมื่อแน่ใจว่าสิ่งที่อยู่ใต้ผ้าห่อคืออะไร ปานชีวันจึงเปิดผ้าห่มออก เมื่อเห็นว่าเป็นผู้ชายนอนอยู่ข้างๆ หล่อนก็ตกใจหล่อนไม่ถามอะไรทั้งสิ้น พลันเท้าเล็กๆ ก็ยกขึ้นมาถีบเขาจนตกเตียง

“โอ๊ย!”ชายหนุ่มโอดครวญด้วยความเจ็บ หมดกันเช้าอันสดใสของเขา

“นี่คุณ! เป็นบ้าอะไรเนี่ย อยู่ ๆ คุณมาถีบผมทำไม” คฑาวุฒิถามออกไปทั้งที่ยังจุกอยู่

เมื่อปานชีวันเห็นชายแปลกหน้าในสภาพที่ท่อนบนเปล่าเปลือยหล่อนก็ยิ่งตกใจมากกว่าเดิม เท้าเล็กๆ จึงเตะเข้าไปที่เป้าของเขาอีกหนึ่งที

“โอ้ย! ยัยบ้าเอ๊ย เธอมาเตะฉันทำไม” ชายหนุ่มถามออกไปพร้อมทั้งร้องโอดโอย เขาทั้งเจ็บทั้งจุกในเวลาเดียวกัน

“ไอ้บ้ากาม! ไอ้โรคจิต! ไอ้หื่น! ออกไปจากห้องของฉันเดี๋ยวนี้นะไม่งั้นแกตาย” ไม่พูดเปล่าปานชีวันยังกระโจนเข้าไปหวังจะเข้าไปบีบคอเขา แต่คราวนี้คฑาวุฒิตั้งหลักได้แล้ว เขาจึงหลบหล่อนได้ทัน คฑาวุฒิรวบตัวหล่อนเอาไว้ในอ้อมแขน ก่อนจะเอาแขนของหล่อนไขว้หลังไว้แล้วกดหล่อนลงบนเตียง

“ปล่อยฉันนะไอ้บ้า! ช่วยด้วย! ช่วยด้วยค่ะ!” หล่อนตะโกนสุดเสียง เขาเอามือปิดปากหล่อนไว้

“คุณจะส่งเสียงทำไมเดี๋ยวคนก็แห่มาหรอก” เขากระซิบข้างหูหล่อนเบาๆ ปานชีวันถึงกับขนลุกซู่เมื่อลมหายใจอุ่นๆ ของเขากระทบต้นคอขาวเนียนของเธอ

“อื้อ..ไอ้...”หล่อนพูดอู้อี้ในลำคอ พลางดิ้นขัดขืน เท้าเล็กก็ถีบไปทั่ว หวังจะหลุดพ้นจากพันธนาการ

“คุณฟังผมก่อนนะอย่าดิ้น ผมไม่ใช่ไอ้บ้ากามที่ไหนทั้ง นั้น และผมก็มั่นใจว่าผมไม่ได้ทำอะไรคุณทั้งนั้น คุณกำลังเข้าใจผิด”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นปานชีวันจึงหยุดดิ้นและตั้งใจฟังในสิ่งที่เขากำลังจะพูด

“ผมคือคฑาวุฒิ เทวากุล คุณรู้จักไหม”

พอได้ยินชื่อของชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า ปานชีวันก็จ้องใบ หน้าหล่อของเขาอย่างครุ่นคิด จะว่าไปเมื่อมองดีๆ ใบหน้าของเขาก็ละม้ายคล้ายกับรูปตอนเด็กอยู่เหมือนกัน

‘อีตาบ้านั่นเหรอ? ใช่แล้วเมื่อคืนเราเจอเขาที่ผับ แล้วเขามาอยู่ที่ห้องนี้ได้ยังไง’ หล่อนคิดวนไปวนมาพลางมองหน้าเขาอย่างไม่ค่อยจะไว้ใจ ถึงแม้ว่าชายหนุ่มจะหล่อจนหล่อนแทบละลายก็ตาม

“คุณพร้อมที่จะฟังผมอธิบายหรือยัง ถ้าพร้อมผมจะได้ปล่อย” คฑาวุฒิเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าหล่อนมีท่าทีสงบลง ปานชีวันพยักหน้า เขาจึงยอมปล่อยมือออกจากหญิงสาว

“ทำบ้าอะไรเจ็บชะมัด” หล่อนบ่นเสียงเบา

“ผมต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายพูดแบบนั้น คนอะไรตัวหนักไม่พอ ยังเท้าหนักอีกด้วย”

“เมื่อกี้คุณว่าอะไรนะ อย่างฉันนี่นะจะตัวหนัก ฉันตัวเล็กนิดเดียว”

“หนักสิ! นี่คุณไม่รู้ตัวเหรอว่าตัวเองหนักมากแค่ไหน”

“อีตาบ้า! แล้วคุณรู้ได้ไงว่าฉันตัวหนัก”

“ก็ผมเป็นคนอุ้มคนขึ้นมาบนห้อง”

“ไอ้บ้า! กล้าดียังไงถึงมาอุ้มฉันแบบนี้” ปานชีวันพูดพร้อมทั้งฟาดฝ่ามือลงไปที่ตัวของชายหนุ่มไม่ยั้ง

“นี่คุณ! ผมเจ็บนะ...เอะอะก็ลงไม่ลงมือตลอดเลย”

“แล้วใครใช้ให้มาอุ้มฉันล่ะ”

“ผมก็ไม่ได้อยากอุ้มคุณสักนิด แต่เมื่อคืนคุณเมาจนหมดสภาพแถมยังถือวิสาสะขึ้นมานั่งบนรถผม ยังไม่พอนะ...คุณยังเข้าใจว่ารถผมเป็นรถแท็กซี่อีก โชคดีที่คุณยังจำชื่อโรงแรมและห้องพักได้ผมถึงได้พาคุณมาที่นี่ถูก พอมาถึงโรงแรมผมปลุกคุณเท่าไหร่ก็ไม่ยอมตื่นจนผมต้องได้อุ้มขึ้นมา ผู้หญิงอะไรตัวหนักชะมัด”

“นี่คุณ! พูดให้มันดีๆหน่อย ฉันเป็นผู้หญิงนะยะ” หล่อนพูดพร้อมทั้งส่งสายตาเขียวปั้ดใส่เขาทันที

“ก็มันเรื่องจริงนี่คุณ ผมไม่ทิ้งคุณไว้ข้างถนนมันก็ดีเท่า ไหร่แล้ว ถ้าผมไม่พาคุณมาที่นี่คุณอาจจะได้สามีเป็นไอ้โรคจิตไปแล้วก็ได้”

“ฉันคงไม่ซวยขนาดนั้นหรอกน่า”

“มันก็ไม่แน่หรอก! คราวหลงก็ระวังตัวให้มากกว่านี้ละกันนะ”

“รับทราบค่า” ปานชีวันรับคำพลางลากเสียงยาว

“ผู้หญิงอะไรขี้เมาชะมัด แถมเวลาเมายังไม่มีสติอีกด้วย” เขายังไม่หยุดพูดให้หล่อน

“บ่นเหมือนเป็นพ่อฉันเลย เราสนิทกันถึงขั้นที่คุณมาบ่นให้ฉันได้หรือไง”

“โทษที! ผมลืมตัว”

“แล้วเรื่องเสื้อผ้าล่ะ ทำไมฉันอยู่ในชุดนี้” หล่อนถามพลางชี้ที่ชุดของตัวเอง เพราะมันไม่ใช่ชุดที่หล่อนใส่เมื่อคืนนี้

“คุณอย่าได้คิดว่าผมจะทำอะไรคุณเป็นอันขาด เสื้อผ้าทั้งของผมและของคุณโดนคุณอาเจียนใส่ มันสกปรกและก็เหม็นมาก ผมเลยให้แม่บ้านเอาไปซักให้ ส่วนเสื้อผ้าที่คุณใส่ตอนนี้ผมก็ให้แม่บ้านมาเปลี่ยนให้ คุณไม่ต้องห่วงหรอกผมเป็นสุภาพบุรุษพอ ผมไม่ทำอะไรผู้หญิงที่ไม่สมยอมเป็นอันขาด”

“โอเค! ฉันคงต้องขอบคุณคุณสินะ”

“ตามมารยาทแล้วก็ควรจะเป็นแบบนั้น” เขาตอบหน้าตาเฉย

“นี่คุณหาว่าฉันเป็นคนไม่มีมารยาทเหรอ”

“อันนี้แล้วแต่คุณจะคิดนะ” เ

“เออ...งั้นฉันต้องขอบคุณมากนะ ที่อย่างน้อยก็พาฉันมาส่งห้องอย่างปลอดภัย ถึงแม้ว่าตัวคุณเองไม่ค่อยจะน่าไว้ใจสักเท่าไหร่ก็ตาม”

“ไม่เป็นไร! ผมจะถือว่าผมช่วยลูกแมวก็แล้วกันนะ”

“คุณนี่นะ...ช่างพูดจากวนประสาทจริงๆ” ปานชีวันเอ่ยขึ้นพร้อมทั้งทำหน้าเอือมระอา

ก๊อก ก๊อก ก๊อก! เสียงเคาะประตูหน้าห้องดังขึ้นขัดจังหวะ

“คงจะเป็นแม่บ้าน” เขาบอกกับปานชีวันเมื่อเห็นหล่อนทำหน้าสงสัย ก่อนจะเดินไปเปิดประตู

เมื่อเห็นเสื้อผ้าชุดเมื่อคืนอยู่ในมือแม่บ้าน หล่อนจึงใจชื้นขึ้นมาอย่างน้อยๆ ผู้ชายคนนี้ก็พูดความจริง

คฑาวุฒิรับเสื้อผ้ามาแล้วก็รีบเข้าไปในห้องน้ำทันที เขาออกมาจากห้องน้ำโดยมีผ้าขนหนูพันกายแค่ผืนเดียว

“ว๊าย!” ปานชีวันร้องเสียงหลง

“คุณทำบ้าอะไร ทำไมไม่ใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย”

“ก็ผมกลัวเสื้อผ้าเปียก ผมเลยออกมาใส่ข้างนอก จะทำไมเหรอ” เขาถามหน้าตาเฉย

“ที่นี่ไม่ใช่บ้านคุณนะ คุณทำอะไรควรเกรงใจฉันบ้างสิ อีกอย่างเราพึ่งเจอกันครั้งแรก คุณควรมีมารยาทมากกว่านี้นะ”

“พูดยังกับตัวเองมีมารยาท” เขาบ่นเสียงเบา

“อีกอย่างฉันก็เป็นผู้หญิงและก็สวยมากด้วยคุณควรให้เกียรติฉันบ้าง ไม่ใช่ว่าเดินแก้ผ้าออกมาแบบนี้”

“เอาจริงๆ นะ ตอนแรกที่ผมเจอคุณ ผมก็คิดว่าคุณสวยดี แต่พอผมเห็นคุณตอนเมาความคิดผมก็เปลี่ยนทันที คุณรู้มั้ยตอนเมาสภาพคุณดูไม่ได้เลยนะ ผมคิดอะไรกับคุณไม่ลงหรอก”

ปานชีวันอ้าปากค้างพูดอะไรไม่ออก เพราะเมื่อคืนหล่อนเมามากและก็จำอะไรไม่ได้เลย ไม่รู้ว่าทำอะไรน่าเกลียดออกไปบ้าง

“ผู้ชายอะไรก็ไม่รู้ปากจัดชะมัด” หล่อนบ่นให้เขาได้ยิน

“ผมขอเตือนคุณด้วยความหวังดีเลยนะ คราวหน้าคราวหลังอย่ากินจนเมาขนาดนี้ ถ้าคุณไปเจอคนอื่นที่ไม่ใช่ผม ผมก็ไม่แน่ใจว่าจะเป็นยังไง”

“ฉันรู้แล้วน่า! ยังไงก็ขอบคุณนะคะ”

“ผมไม่ได้ช่วยคุณเฉย ๆนะ ผมหวังผล”

“คุณจะมาหวังผลอะไรกับคนอย่างฉันไม่ทราบ”

“คุณเลี้ยงข้าวผมสักมื้อก็แล้วกัน...โอเคไหม”

“อืม! งั้นฉันไปอาบน้ำก่อนละกัน”

คฑาวุฒิก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ปกติเขาไม่ได้คุยกับคนง่ายๆ แต่ทำไมอยู่ๆ เขาก็ถูกชะตากับผู้หญิงแปลกหน้าคนนี้

“ระหว่างทานข้าว”

“ผมยังไม่รู้จักชื่อคุณเลยนะ” เขาชวนคุย

“คุณจะอยากรู้ไปทำไม”

“ก็เผื่อเราได้เจอกันอีกไง”

“ฉันไม่เห็นอยากจะเจอคุณเลย” ปานชีวันตอบออกไปโดยไม่ต้องคิด

“เอาน่าคุณ...แค่บอกชื่อผมแค่นี้มันจะเป็นอะไรหรือว่าคุณหนีคดีมา”

“จะบ้าเหรอ! ปากคุณนี่นะ...มันน่าจริงๆ เลย”

“น่ารักใช่มั้ย”

“น่าตบ!”

“ปากคุณก็ใช่ย่อยที่ไหน...จะบอกได้หรือยังว่าชื่ออะไร”

“ฉันชื่อปาน...”

“ปาน!...สั้นๆ แค่นี้เหรอ”

“ทำไม...ฉันชื่อปานแล้วแปลกตรงไหน”

“ไม่แปลกหรอกครับ”

“ฉันอิ่มแล้ว...คุณล่ะอิ่มหรือยังเอาแต่ชวนคุยอยู่ได้”

“อิ่มแล้วครับ”

“งั้นเราแยกกันตรงนี้นะคะ”

“หวังว่าเราคงมีโอกาสได้พบกันอีกนะครับ”

“ค่ะ! ฉันมั่นใจว่าเราต้องเจอกันอีกแน่นอน ถึงแม้ฉันจะไม่ค่อยอยากเจอหน้าคุณสักเท่าไหร่

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel