บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2 บ้านเทวากุล

วันนี้นายมงคล เทวากุล ได้เรียกลูกชายลูกสะใภ้และหลานชายให้มาหาที่เรือนหลังเล็ก ซึ่งเรือนนี้เขาปลูกแยกออกมาจากเรือนใหญ่ เพราะเขาอยากอยู่แบบเงียบสงบตามประสาคนแก่

“คุณพ่อมีเรื่องอะไรครับ” นายพิทักษ์เอ่ยถามบิดา

“ที่พ่อเรียกพวกแกมาวันนี้ พ่อจะบอกเรื่องการแต่งงานของเจ้าวุฒิกับหนูปานนะ มันถึงเวลาแล้ว ทางโน้นเขาก็แจ้งมาว่าพร้อมแล้ว”

“คุณปู่ว่าอะไรนะครับ...อยู่ ๆ จะให้ผมไปแต่งงานกับยายบ้านนอกที่ไหนก็ไม่รู้” คฑาวุฒิโวยวาย

คฑาวุฒิ เทวากุล หลานชายเพียงคนเดียวของตระกูลเทวากุล รูปหล่อโปรไฟล์ดี แถมรวยเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ ที่สำคัญเจ้าระเบียบสุดๆ อยู่ๆ ต้องมาแต่งงานกับใครก็ไม่รู้

“แกจะไม่รู้จักได้ยังไงตาวุฒิ ก็หลานปู่อนันท์ไง ตอนเด็กๆเห็นติดเขาแจไม่ใช่เหรอ อะไรก็มีแต่น้องปานๆ ตอนที่เราไปเที่ยวเชียงใหม่ แกลืมแล้วเหรอ”

“ห๊ะ! คุณปู่ว่าอะไรนะครับ” คฑาวุฒิเอ่ยขึ้นพลางทำหน้าครุ่นคิด

“ผมจำได้แล้ว! คุณปู่หมายถึงยายอ้วนนั่นหรือครับ”

“ใช่!”

“คุณปู่...ตอนเด็กอ้วนขนาดนั้น ตอนนี้ยัยนั่นไม่ปาเข้าไปร้อยกิโลแล้วเหรอครับ ผมไม่แต่งหรอกครับน่าเกลียดขนาดนั้น”

“ไม่แต่งไม่ได้ แกจะมาทำให้ปู่เสียสัจจะไม่ได้ ปู่ไม่อยากโดนถอนหงอกตอนแก่”

“ผมไม่แต่ง! หัวเด็ดตีนขาดผมก็ไม่แต่ง”

“แกไม่แต่งก็ได้...แต่ฉันจะไม่ยกมรดกให้แกแม้แต่ชิ้นเดียว ทรัพย์สมบัติทุกอย่างของฉันฉันจะยกให้หนูปาน ถ้าแกอยากได้สมบัติจากฉันล่ะก็แกต้องแต่งงานกับหนูปานคนเดียวเท่านั้น และที่สำคัญแกต้องมีลูกกับหนูปานด้วย ห้ามมีลูกกับผู้หญิงคนอื่นเด็ดขาดไม่เช่นนั้นแกจะไม่ได้สมบัติจากปู่เลยแม้แต่ชิ้นเดียว” นายมงคลยื่นคำขาด

“คุณพ่อคุณแม่ครับ ช่วยผมหน่อยสิครับ” ชายหนุ่มหันไปขอร้องบิดามารดา

ทั้งนายพิทักษ์และนางสิริอรต่างรับรู้ถึงข้อตกลงและคำ มั่นสัญญาของคุณปู่ทั้งสองดี เพราะผู้เป็นบิดาได้เล่าเรื่องราวทั้ง หมดให้ฟังตั้งแต่รู้ว่านางสิริอรตั้งท้องคฑาวุฒิแล้ว สองสามีภรร ยาไม่ได้คัดค้านคุณปู่ เพราะเข้าใจเหตุผลของท่านดี

“วุฒิทำตามที่คุณปู่บอกเถอะลูก ปีนี้เราอายุ 30 ปีแล้วนะ แม่ว่าถึงเวลาที่เราต้องแต่งงานแล้วล่ะ” นางสิริอรกล่าว

“คุณแม่ครับ คุณแม่ก็เห็นดีเห็นงามกับคุณปู่เหรอครับ คุณแม่ไม่สงสารผมเหรอครับที่ต้องแต่งงานกับยายอ้วนนั่น”

“ตาวุฒิ! เราเป็นคนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ พูดให้น้องลับหลังแบบนี้ไม่ดีเลยนะ หนูปานเขาออกจะน่ารักนะลูก” นางสิริอรปรามบุตรชาย

“ก็นั่นมันตอนเด็กนี่ครับแม่ ตอนนี้ไม่รู้ว่ายัยนั่นจะลดน้ำหนักได้มั้ย ไม่ได้เจอตั้งหลายปีแล้วนะครับ ไม่ใช่ว่าตอนนี้น้ำหนักปาเข้าไปร้อยกิโลแล้วเหรอ”

เพี๊ยะ!! นางสิริฟาดฝ่ามือลงที่แขนของบุตรชาย

“คุณแม่! ผมเจ็บนะครับ”

“ก็แม่ตีให้เราเจ็บ ผู้ชายอะไรปากคอเราะร้ายขึ้นทุกวัน”

“ไม่แต่งก็ไม่แต่ง” นายมงคลเอ่ยตัดบท ก่อนที่สองแม่ลูกจะทะเลาะกันไปมากกว่านี้

“พิทักษ์! พรุ่งนี้เรียกทนายมาให้พ่อด้วยนะ พ่อจะทำพินัยกรรมใหม่เสียหน่อย สงสัยต้องยกสมบัติให้หนูปานเสียแล้ว”นายมงคลเอ่ยกับบุตรชายพลางชายตามองหลานตัวแสบ

“ครับคุณพ่อ” นายพิทักษ์รับคำ

“ได้ยังไงครับคุณปู่ หลานคุณปู่อยู่ตรงนี้ทั้งคนนะครับ จะยกสมบัติให้คนอื่นง่ายๆ แบบนี้มันได้เหรอ”

“ทำไมจะไม่ได้ก็มันสมบัติของฉันนี่...ฉันจะยกให้ใครหรือ ไม่ยกให้ใครก็ได้”

“โธ่! คุณปู่” คฑาวุฒิโอดครวญ

“ว่าไง! แกจะเปลี่ยนใจไหม...ถ้าไม่เปลี่ยนพรุ่งนี้ฉันจะได้ให้พ่อแกเรียกทนายมา”

“แต่งก็ได้ครับคุณปู่” คฑาวุฒิรับคำอย่างเสียไม่ได้ เรื่องอะไรเขาจะยอมให้นายมงคลยกสมบัติให้คนอื่นง่ายๆ แบบนี้

เมื่อถูกต้อนจนมุม คฑาวุฒิเลยจำเป็นต้องรับคำ สมบัติของเทวากุลจะไปตกอยู่ในมือยัยบ้านนอกนั่นไม่ได้เด็ดขาดเขาคิดในใจ

“งั้นก็ดี! แกเตรียมตัวให้ดีนะต้นเดือนหน้าหนูปานจะมาบ้านเรา”

“ต้นเดือนหน้า! เหลือแค่อีกสองอาทิตย์เองนะครับคุณปู่”

“แล้วไง...ไม่ว่าจะช้าหรือเร็วยังไงหนูปานก็ต้องแต่งเข้าบ้านเราอยู่ดี เตรียมห้องไว้ให้หนูปานด้วยนะสิริอร” นายมงคลหัน

มาบอกลูกสะใภ้

“ได้ค่ะคุณพ่อ” สิริอรรับคำ

ปานชีวันหลังจากที่หล่อนได้รับปากปู่อนันท์ว่าจะแต่ง งาน กับคฑาวุฒิ หล่อนรีบเคลียร์งาน และเดินทางมาที่กรุงเทพฯก่อนกำหนด เพราะหล่อนอยากจะมาหาเพื่อนและเที่ยวให้สบายใจก่อน

ปานชีวันมองดูรูปเด็กชายหญิงที่ยืนอยู่เคียงข้างกันก่อนจะใส่กลับลงไปในกระเป๋าเงินใบยาวดังเดิม ก่อนออกมาจากบ้านคุณปู่ได้เอารูปเด็กชายหญิงยื่นให้หล่อน แล้วบอกว่าเป็นรูปสมัยเด็กของหล่อนกับอีตาคฑาวุฒิอะไรนั่น

แว็บแรกที่เห็นรูปบั้นปานชีวันหัวเราะชอบใจ ตอนเด็กๆ หล่อนช่างจ้ำม่ำน่าเสียรักจริง ส่วนอีตานั่นผอมแห้งมีแต่กระดูกปานชีวันแปลกใจมากที่หล่อนไม่ยักจะจำเรื่องราวของนายคฑาวุฒิได้ คงเป็นเพราะตอนนั้นหล่อนยังเด็กมากอายุแค่ 7 ขวบเองส่วนเขาอายุ 15 ปี แต่หล่อนก็ไม่แน่ใจว่าเขาจำหล่อนได้ไหม พอมาถึงกรุงเทพฯ หล่อนมาพักที่โรงแรมเนื่องจากไม่อยากรบกวนเพื่อน

“ณ ผับแห่งหนึ่ง”

ปานชีวันมากับกลุ่มเพื่อนของหล่อน นานแล้วหล่อนไม่ได้เที่ยวแบบนี้ เพราะหล่อนก็ไม่ใช่สายเที่ยวผับอยู่แล้ว เนื่องจากวัน นี้เป็นงานวันเกิดของพิมลดา เพื่อนสนิทของหล่อน หล่อนเลยมาอีกทั้งยังพึ่งจะเข้ากรุงเทพฯ หล่อนเลยอยากมาชมแสงสีเมืองกรุงเสียหน่อย

ค่ำคืนนี้คฑาวุฒิมาที่ผับกับดาวประดับคู่ควงคนล่าสุดของเขา เขาตั้งใจดื่มแก้เครียดสักหน่อย เขายังไม่มีวิธีที่จะกำจัด ยัยบ้านนอกนั่น เลยออกมาดื่มเผื่อจะคิดแผนการอะไรออก

พลันสายตาคฑาวุฒิก็ไปหยุดที่หญิงสาวคนหนึ่ง หล่อนกำลังเต้นอยู่กับกลุ่มเพื่อน หล่อนสวยสะดุดตามาก เขามองหล่อนเพลินจนไม่อาจจะละสายตาได้

ปานชีวันกำลังเต้นอย่างสนุกสายตาของหล่อนก็หันไปพบเข้ากับสายตาคมของเขาเข้าพอดี เขาจ้องหล่อนอยู่ก่อนแล้ว

“หน้าตาก็ดีแต่ไม่มีมารยาท จ้องคนยังกับไม่เคยเห็น”ปานชีวันบ่น

“แกหมายถึงใครยัยปาน” พิมลดาถามหล่อน

ปานชีวันทำหน้าพยักพเยิดไปทางชายหนุ่ม เพื่อนของหล่อนมองตาม

“นี่แกไม่รู้จักเหรอยัยปาน” พิมลดาถาม

“ไม่อะ ไม่รู้จัก”

“นั่นคือคุณคฑาวุฒิ เทวากุล หนุ่มหล่อไฮโซ รวยมากนะแก ที่สำคัญยังโสด เขาเป็นที่หมายปองของสาวๆทั้งประเทศ แกไม่รู้จักได้ไง”

เมื่อได้ยินคำตอบปานชีวันจึงหันไปยิ้มให้กับเพื่อน ‘มาวันแรกก็มาเจออีตานั่นเลยเหรอ ซวยจริงๆเลย’ หล่อนคิดในใจ

ใกล้เวลาผับปิดปานชีวันกำลังจะกลับโรงแรม พิมลดาอาสาจะไปส่งแต่หล่อนกลับยืนยันว่าจะกลับเอง ทั้ง ๆที่ตัวเองเมามาก

คฑาวุฒิกำลังจะกลับบ้าน เขาเห็นปานชีวันยืนอยู่คนเดียว สภาพหล่อนก็เมามาก ชายหนุ่มจึงหยุดรถตรงที่หล่อนยืน

ปานชีวันเข้าใจว่ารถเขาเป็นรถแท็กซี่จึงขึ้นไปนั่ง พร้อมบอกชื่อโรงแรมเสร็จสรรพ พอปานชีวันขึ้นรถมาก็หลับไม่ได้สติ

คฑาวุฒิพาหล่อนมาถึงโรงแรม เขาปลุกหล่อนยังไงก็ไม่ตื่น ชายหนุ่มจึงจำใจอุ้มหล่อนขึ้นไปบนห้อง

“สวยเสียเปล่า เมาซะดูไม่ได้เลย” เขาบ่นกับตัวเองพลางมองใบหน้าสวยของหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมแขน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel