ตอนที่ 9 ราเมนชามที่สอง และการเริ่มต้นที่ไม่มีแผนที่
วันที่เจ็ด…
เช้าวันที่หิมะยังคงโปรยปรายไม่ขาดสาย —
เกล็ดขาวบางเบาตกลงมาเงียบ ๆ จากฟ้าเหนือวังน้ำแข็ง ราวกับไม่มีวันสิ้นสุด
แม้ภาพตรงหน้าแทบไม่เปลี่ยนไปจากหกวันที่ผ่านมาเลย แต่หัวใจของฉันในวันนี้กลับ วูบโหวง อย่างประหลาด เหมือนอะไรบางอย่างกำลังจะหลุดมือไป
และฉัน…ก็ไม่รู้จะไขว่คว้าไว้อย่างไร
ติ๊ง!
เสียงแจ้งเตือนเบา ๆ ดังขึ้นจากนาฬิกา Omnibite บนข้อมือ ฉันชะงัก ก่อนรีบก้มลงดูด้วยหัวใจที่เริ่มเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ
[Omnibite: ระบบเชื่อมต่อกลับมาออนไลน์แล้ว]
[พร้อมสำหรับการส่งตัวกลับมิติต้นทาง]
ข้อความบนหน้าจอชัดเจนราวกับคำพิพากษา ฉันกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ ราวกับเพิ่งรู้ตัว…ว่า การเดินทางครั้งนี้ไม่ได้แค่ชั่วคราว
ฉันเดินออกไปที่ลานหน้าวัง —
ที่เดิม…ที่ฉันเคยยืนส่งราเมนร้อน ๆ ให้ชายผู้เย็นเยียบราวน้ำแข็งพันปี และที่นั่นเอง
หลงอวิ๋นก็ยืนรออยู่แล้ว
เงาร่างของเขาแน่วแน่ดั่งประติมากรรมน้ำแข็ง ชุดคลุมสีเทาเงินสะบัดเบา ๆ ใต้สายลมหิมะ
ผมยาวสีครามเข้มปลิวตามแรงลม แต่ดวงตาคู่นั้นยังคงมั่นคง…จับจ้องมาที่ฉัน
“เจ้ากำลังจะกลับไปสินะ” เขากล่าวเสียงเรียบ
ไม่มีคำถาม ไม่มีการเว้าวอน
แต่ในแววตานั้น…แม้จะยังคงนิ่งสงบตามแบบฉบับของเขา ฉันก็เห็นบางสิ่งที่ซ่อนอยู่ในความเงียบงันนั้น — ความว่างเปล่า
ฉันพยักหน้าเบา ๆ ไม่ไว้ใจเสียงของตัวเองว่าจะพูดอะไรออกมาแล้วจะไม่สั่น
“...ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะคะ”
ฉันฝืนยิ้ม — ยิ้มที่ไม่มั่นคงเท่าไรนัก
หลงอวิ๋นเงียบไปชั่วอึดใจ ก่อนจะเอ่ยขึ้นเบา ๆ ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงอย่างสัมผัสได้
“ข้าคง…ไม่ขออะไรจากเจ้า”
คำพูดนั้นเรียบง่าย แต่ฟังแล้วเหมือนลมหิมะหยุดหมุนชั่วขณะ หัวใจฉันเหมือนหยุดเต้นไปหนึ่งจังหวะ
“แต่ถ้าเจ้าจะกลับมาอีกครั้ง…”
เขาหยุด แล้วเงยหน้าขึ้นสบตาฉันตรง ๆ
ไม่มีอะไรซ่อนอยู่ในดวงตาคู่นั้นอีกแล้ว — มีเพียงความจริงใจอันเงียบงัน
“ราเมนแบบเดิม...ข้าจะรอ”
เพียงประโยคนั้น —
แค่ไม่กี่คำธรรมดา ๆ
กลับทำให้หัวใจฉันร้อนผ่าว ตาเริ่มพร่าจนภาพตรงหน้าแทบเบลอ มันไม่ใช่ราเมนที่เขารอ…แต่มันคือ ‘ฉัน’ ที่เขาหวังว่าจะกลับมาอีกครั้ง
ฉันเม้มริมฝีปากแน่น พยักหน้าอีกครั้งอย่างช้า ๆ แล้วตัดใจหมุนตัว เดินเข้าสู่ประตูพอร์ทัลที่เปิดรออยู่
ม่านแสงสีเงิน ไหลวนเบา ๆ ราวหมอกจันทร์ อบอวลไปด้วยเวทมนตร์บางอย่างที่ทั้งอบอุ่นและโหวงเหวงในคราวเดียวกัน
ฉันหยุดยืนหน้าประตูก่อนก้าวข้าม หัวใจหนักหน่วงจนรู้สึกเหมือนกำลังจะทิ้งอะไรบางอย่างไว้เบื้องหลังที่ไม่มีวันเอากลับมาได้อีก
ก่อนจะเดินเข้าไป ฉันหันกลับไป…เป็นครั้งสุดท้าย
หลงอวิ๋นยังคงยืนอยู่ที่เดิม ใต้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหิมะโปรยปราย เขาไม่ได้ขยับ ไม่ได้เรียก ไม่ได้เอื้อมมือ
แต่สายตานั้น…ยังคงจ้องมาที่ฉัน เหมือนจะบอกว่า แม้ไม่มีคำใดออกจากปาก
แต่เขาจะรออยู่ตรงนี้ —
ไม่รู้ว่านานแค่ไหน…แต่จะยังรอ
แสงพุ่งวาบ
ทั้งร่างฉันเหมือนถูกกระชากออกจากห้วงหิมะ —
ความรู้สึกหนาวเย็น หวานเศร้า ความเงียบที่ซึมลึกลงในใจ…ทุกอย่างถูกดูดกลับในพริบตา
ฟึ่บ!
ฉันลืมตาขึ้นอีกครั้ง —
แสงขาวสว่างวาบรอบตัวจางหายไป เมื่อภาพตรงหน้ากลับกลายเป็น ร้าน Omnibite อันคุ้นเคย ห้องโล่งกว้างเรืองแสงด้วยสีฟ้าซีดสะอาดตาเหมือนเดิม แต่ในอกของฉัน...กลับรู้สึกไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว
“ว๊าวววว เอลาเรีย!! กลับมาแล้ว!”
เสียงใสร่าเริงของ พี่ยำ ดังขึ้นทันที ร่างโฮโลแกรมของเขาปรากฏขึ้นกลางอากาศเหมือนทุกครั้ง ชุดลายราเมนคุ้นตายังอยู่ครบ พร้อมรอยยิ้มกว้างเกินเบอร์
“พี่ยำขอโทษจริง ๆ เลยนะ ระบบโดนพายุพลังมิติกระแทกแรงไปหน่อยน่ะสิ!”
“ทำให้ล่าช้าไป...เจ็ดวัน...”
ฉันยิ้มบาง ๆ แม้จะอยากจะบ่นอีกนิด แต่เสียงหัวใจยังคงก้องกับภาพที่ทิ้งไว้ในวังน้ำแข็ง —
ภาพของเขา…ที่ยืนท่ามกลางหิมะ ไม่เอ่ยคำลา แต่พูดออกมาว่า…
“ข้าจะรอ”
“แล้วฉันจะได้อะไรชดเชยไหมคะ?”
ฉันแกล้งพูดด้วยน้ำเสียงติดขำ ซ่อนอารมณ์วูบวาบไว้ให้ลึกที่สุด
“แน่นอนจ้า!”
พี่ยำยกมือดีดนิ้วดัง เป๊าะ —
เสียงนั้นเบา แต่ผลลัพธ์ดังสะเทือนหัวใจ
[Omnibite ได้ทำการโอนค่าจ้างเข้าบัญชีของคุณ จำนวน 100,000 บาท]
“...หนึ่งแสน?”
ฉันแทบจะอ้าปากค้าง มือรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูยอดบัญชีอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
“ตามอัตราเสี่ยงข้ามมิติ ฉุกเฉิน X มิติระดับ 4 คูณค่าชดเชย 7 วัน ไม่รวมโบนัสความปลอดภัย~”
พี่ยำยิ้มกว้างยิ่งกว่าระเบิดดอกไม้ไฟ
“อยากติดอีกไหมล่ะ?” เขากระพริบตาแถมให้หนึ่งที
ฉันหัวเราะแห้ง ๆ
“...ไม่แน่ใจค่ะ”
หลังจากกลับถึงบ้าน…
ฉันวางกระเป๋าส่งอาหารลงตรงมุมเดิมที่เคยวางทุกครั้ง แล้วทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างคนที่เพิ่งกลับจากอีกโลกหนึ่งจริง ๆ
แม้ผ้าห่มยังเป็นผืนเก่า หมอนยังนุ่มเท่าเดิม แต่ความรู้สึกในใจ...กลับเปลี่ยนไปทั้งหมด หัวใจของฉันยังคงอุ่นราวกับมีแสงแดดซึมอยู่ภายใน
ไม่ใช่แสงแดดของฤดูใบไม้ผลิบนโลกนี้ แต่เป็นแสงจันทร์สีน้ำเงินอ่อน ๆ ที่เคยส่องผ่านกระจกน้ำแข็งลงมาแตะปลายนิ้วฉัน ที่เคยทาบลงบนไหล่ของใครบางคนที่ยืนอยู่ข้างกัน
ฉันเงยหน้าขึ้น มองเพดานห้องโล่ง ๆ
ปล่อยให้ความเงียบโอบล้อมตัวเองไว้อีกครั้ง แต่ครั้งนี้...ความเงียบไม่ได้น่ากลัว มันกลับอบอุ่นอย่างแปลกประหลาด เหมือนกับความเงียบของชายผู้หนึ่ง ผู้ที่พูดน้อย…แต่ทุกคำกลับแทรกซึมเข้าไปในหัวใจลึกกว่าใคร
หลงอวิ๋น...
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา...ชีวิตของฉันก็ยังคงดำเนินต่อไป
ฉันยังทำงานให้กับ Omnibite —
ยังคงแบกกระเป๋าส่งอาหารข้ามมิติไปยังสถานที่แปลกประหลาดนับไม่ถ้วน
บางมิติเต็มไปด้วยพืชกินคนขนาดเท่าตึกระฟ้า
บางมิติเป็นสถานีอวกาศลอยคว้างกลางกาแล็กซี่
บางมิติมีแต่แมวพูดได้ที่ตั้งตัวเป็นเจ้าของปราสาทหรูหรา
แต่ไม่ว่าโลกใหม่จะแปลกประหลาดแค่ไหน...
ทุกครั้งที่ฉันเปิดประตูมิติใหม่ออก หัวใจของฉันก็ยังอดคาดหวังลึก ๆ ไม่ได้ หวัง...ว่าเมื่อประตูเปิดออก
ฉันจะได้เห็นหิมะสีขาวโพลน เสาน้ำแข็งสูงตระหง่าน และเงาร่างสูงสง่าในชุดคลุมสีเงิน...ที่ยืนรออยู่ท่ามกลางลมหิมะ
ทุกครั้งที่มือแตะกล่องส่งอาหาร —
ทุกครั้งที่ไออุ่นจากราเมนหอมกรุ่นไหลซึมออกมาจากปลายกล่อง หัวใจฉันก็จะเต้นแรงขึ้นเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว
แม้เวลาจะผ่านไป
แม้ภารกิจจะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ
แต่ ภาพของวังน้ำแข็ง และ ชายหนุ่มผู้รอคอยอย่างเงียบงันก็ยังคงอบอวลอยู่ในมุมหนึ่งของหัวใจเสมอ
จนกระทั่งวันหนึ่ง...
ขณะที่ฉันนั่งพักระหว่างกะในมุมสงบของร้าน Omnibite ซุกตัวอยู่ในเสื้อแจ็กเก็ตขนสัตว์ตัวหนา มือกุมแก้วโกโก้อุ่น ๆ สายตาเหม่อมองแสงสีเงินวูบไหวบนกระจกดำของผนังร้าน
ติ๊ง!
เสียงแจ้งเตือนคุ้นเคยดังขึ้นจากนาฬิกาข้อมือ ฉันก้มลงมองอย่างไร้อารมณ์ในตอนแรก —
แต่ทันทีที่อ่านข้อความบนหน้าจอ หัวใจฉันก็เต้นกระตุกขึ้นมาอย่างรุนแรง
[ออเดอร์ใหม่จาก Omnibite: “ราเมนเพลิงจันทร์ลาวา”]
[โลเคชั่น: ไม่สามารถระบุได้]
มือที่ถือแก้วโกโก้สั่นเบา ๆ อย่างห้ามไม่อยู่ ฉันจ้องหน้าจอนั้นอยู่พักหนึ่ง รู้สึกเหมือนโลกทั้งใบกำลังหยุดหมุนไปชั่วขณะ
'ราเมนเพลิงจันทร์ลาวา...'
ชื่อเมนูที่ไม่มีวันลืมได้
'โลเคชั่น: ไม่สามารถระบุได้...'
เหมือนกับครั้งนั้น —
เหมือนกับเส้นทางที่พาฉันไปพบกับวังน้ำแข็งที่ไม่ควรมีอยู่จริงบนโลกใบนี้
ฉันเม้มริมฝีปากแน่น —
ความรู้สึกหลากหลายตีตื้นขึ้นมาในอกจนแทบกลั้นไม่อยู่ แต่สุดท้าย...ฉันก็ยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว ยิ้มที่ทั้งสั่นไหว อบอุ่น และแน่วแน่ในคราวเดียวกัน
“แบบเดิม...ใช่ไหม” ฉันกระซิบกับตัวเอง เสียงเบากว่าลมหายใจ แต่ชัดเจนในหัวใจเหลือเกิน
ไม่ลังเลอีกต่อไป ไม่แม้แต่จะหยุดคิด
ฉันยกนิ้วจิ้มปุ่ม [ตกลงรับออเดอร์]
ด้วยหัวใจที่เต้นรัว...เหมือนวันที่ได้พบเขาครั้งแรก
❄️❄️❄️❄️❄️❄️❄️❄️❄️
