บิดามารดา
ภายในเรือนไม้เก่าๆ รุ่งอรุณในฤดูหนาวมีแสงแดดไร ๆ ส่องจากฟากฟ้าทะลุรูหลังคาลงมาสู่พื้นห้องที่เต็มไปด้วยกองฟางเก่าๆที่กระจัดกระจายไปทั่วพื้นห้อง ปะปนไปด้วยเศษดิน ซากไม้แห้ง กองระเกะระกะไปตามขอบผนังห้อง ภายในห้องมีเด็กสาวคนหนึ่งอายุราว 14 -15 ปี ที่นอนนิ่งอยู่บนกองฟางริมห้อง ตามร่างกายของเด็กสาวเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ รอยขูดขีด มีเลือดเก่าเกาะติดตามรอยขีดเหล่านั้น เด็กสาวคนนี้มีนามว่า เว่ยซีอิง นางเป็นเด็กสาวอาภัพ บิดามารดาจากไปตั้งแต่นางอายุได้เพียง 7 หนาว บิดาของนางนามว่าเว่ยหลงอันเป็นเพียงพ่อค้าสมุนไพรคอยหาสมุนไพรตามภูเขายังชีพ มารดาของนางเป็นบุตรสาวของเศรษฐีต่างแคว้นนามว่าฉีซูหนิงที่เดินทางมายังแคว้นหมิงเพื่อทำการค้าขายพร้อมครอบครัว ระหว่างที่เดินทางกำลังจะเข้าตัวเมือง เคราะห์ร้ายพบเจอเข้ากับโจรป่า โจรป่าเหล่านั้นช่างโหดร้ายยิ่งนักปล้นชิงทรัพย์สินไม่พอยังฆ่าล้างทุกคนที่ร่วมเดินทางมาในขบวนด้วย ระหว่างที่มีการฆ่าฟันกันนั้นบิดาของฉีซูหนิง เพื่อปกป้องบุตรสาวจึงเข้าขัดขวางพวกโจรไว้ไม่ให้ทำร้ายบุตรสาวของตน จึงโดนแทงด้วยคมดาบ เลือดที่ไหลออกจากบาดแผลไหลนองไปทั่วพื้น ฉีซูหนิงเมื่อเห็นบิดาของตนโดนโจรป่าแทงด้วยดาบ ร่วมกับเลือดที่ไหลออกมาทำให้นางเป็นลมล้มลงกับพื้นนองเลือดนั้น ร่างไร้วิญญาณของบิดานางล้มลงทับตัวนางเอาไว้ เหล่าโจรป่าเหล่านั้นได้ทรัพย์ไปแล้วมองดูบริเวณโดยรอบแล้วไม่เห็นผู้ใดมีชีวิตรอดจึงพากันเข็นเกวียนที่มีทรัพย์สินจากไป เวลาผ่านไป 2 ชั่วยามฉีซูหนิงรู้สึกตัวฟื้นขึ้นมา ด้วยความตกใจที่เห็นร่างไร้วิญญาณของบิดาและมารดาของตน ฉีซูหนิงได้แต่นั่งร้องไห้คนเดียว ร้องไห้ให้กับโชคชะตาของตน เสียงร้องไห้ของนางนั้นโหยหวนไปทั่วป่า ซึ่งระหว่างนั้นเอง เว่ยหลงอันได้เดินทางกลับมาจากหาสมุนไพรบนเขาได้ยินเสียงร้องโหยหวย ใจแรกก็คิดว่าคงเป็นเสียงหมาป่า อีกใจก็คิดว่าเสียงเหมือนหญิงสาวร้องไห้ จึงทำใจสู้เดินไปดูว่าคือสิ่งใดกัน พอไปใกล้ถึงกลิ่นคาวเลือดฟุ้งไปทั่วบริเวณ ชายหนุ่มสงสัยจึงพยายามเดินให้เร็วขึ้นเพื่อไปดูใกล้ ๆ พบกับหญิงสาวนางหนึ่งนั่งร้องไห้ข้าง ๆ ศพที่ไร้วิญญาณอีกราว 10 คน ด้วยร่างกายที่อาบไปด้วยเลือดทำให้ดูน่ากลัวเหมือนภูตผี จึงทำให้ชายหนุ่มไม่กล้าเดินเข้าไปหา จากที่ร้องไห้อยู่นาน ร่างกายไม่ไหวจึงเป็นลมล้มลงไปบนศพของบิดามารดาของตน เว่ยหลงอันที่แอบมองอยู่นานเห็นหญิงสาวจู่ ๆ ก็เป็นลมล้มไปจึงรีบวิ่งเข้าไปหา
“แม่นาง ๆ ฟื้นก่อน แม่นาง ฟื้นที” ชายหนุ่มใช้ฝ่ามือตบเบา ๆ บนใบหน้าของนางให้ตื่น แต่ปลุกเท่าใดก็ไม่ตื่น จึงอุ้มหญิงสาวออกจากป่ามุ่งตรงไปยังบ้านของตน หลังจากที่เว่ยหลงอันพาฉีซูหนิงกลับมา เขาก็ให้พี่สะใภ้ของตนช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้าให้นางและบอกกับพี่ชายและพี่สะใภ้ว่าหญิงสาวนางนี้คือคนรักของตน ที่เว่ยหลงอันแจ้งแบบนี้ก็เพราะด้วยนิสัยพี่ชายและพี่สะใภ้ของตนนั้นเห็นแก่ตัว ไม่ชอบช่วยเหลือคนอื่นโดยไม่ได้ผลประโยชน์ เพื่อช่วยนางจึงต้องแสดงท่าเหมือนเป็นคนรักนาง
รุ่งเช้าวันถัดมาฉีซูหนิงลืมตาขึ้นมาตกใจ หันหน้ามองไปทั่วบริเวณห้อง นางสงสัย 'ที่ี่นี่คือที่ไหน ข้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร' นางฟื้นได้ไม่นาน เว่ยหลงอันก็เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับข้าวต้ม 1 ชาม
“แม่นางตื่นแล้วรึ” ชายหนุ่มถามพร้อมกับยิ้มให้นาง
“ท่านคือผู้ใดกัน” หญิงสาวถามด้วยความสงสัย พร้อมกับจ้องมองชายหนุ่มอย่างหวาดกลัว
“ข้ามีนามว่า เว่ยหลงอัน เมื่อวานข้าเข้าไปหาสมุนไพรบนเขา ได้ยินเสียงร้องในป่าเลยเดินไปสำรวจดูก็พบแม่นาง เจ้าร้องไห้จนเป็นลมล้มอยู่ข้าง ๆ ศพ หลายชีวิต ข้าเดินเข้าไปหาเจ้า ปลุกอย่างไรก็ไม่ตื่น ข้าจึงพาเจ้ากลับมาด้วย” ชายหนุ่มจ้องมองใบหน้าหญิงสาวที่ตอนนี้เต็มไปด้วยน้ำตา นางทั้งเสียใจและหมดหวัง ‘เหตุใดสวรรค์ถึงใจร้ายกับนางเช่นนี้ ’ ชายหนุ่มเห็นนางร้องไห้นึกสงสารยิ่งนัก
“แม่นางข้าเสียใจด้วยนะกับเรื่องที่เกิดขึ้น ขะ..ข้าไม่รู้จะปลอบเจ้าอย่างไรดี ข้า.. ข้าพูดไม่เก่ง เอาอย่างนี้ดีหรือไม่ บ้านขอวแม่นางอยู่ที่ใดข้าจะพาไปส่ง ” กล่าวจบชายหนุ่มจ้องมองนางอย่างรอคำตอบ แต่หญิงสาวกลับส่ายหน้า
“ข้าไม่มีบ้านแล้ว ฮือ ฮือ บิดามารดาข้าสิ้นแล้ว ชีวิตข้าก็จบสิ้นด้วยเช่นกัน ข้าไม่เหลือใครแล้ว ฮืออึกฮือฮือ ” หญิงสาวพูดทั้งน้ำตา สะอื้นไปพร้อมกัน ชายหนุ่มมองหน้าหญิงสาวแล้วน้ำตาเริ่มคลอบนดวงตาทั้งสองข้าง ‘ช่างน่าสงสารยิ่งนัก’ชายหนุ่มคิดในใจ
“แม่นางถ้า..เอ่อ ถ้าแม่นางไม่รังเกียจ อยู่กับข้าที่นี่ก็ได้นะ เอ่อขะ ข้า ข้า จะดูแลเจ้าเอง ข้าก็ยังไม่มีภรรยา”ชายหนุ่มพูดด้วยแอบมองหน้าหญิงสาวไปด้วยเพราะกลัวนางไม่ตกลง
“ท่านไม่รังเกียจข้ารึ ข้าเป็นคนต่างถิ่น ท่านไม่กลัวข้ารึ” หญิงสาวพูดพร้อมจ้องมองชายหนุ่มอย่างรอคำพูด
“แม่นาง เจ้าเป็นเพียงหญิงสาวธรรมดาคนหนึ่งเหตุใดข้าต้องกลัวเจ้าด้วย เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงข้าพูดคำไหนคำนั้น ข้าไม่รังแกเจ้าหรอก หากเจ้าไม่ยินยอม ข้าก็ไม่บังคับเจ้า ” หญิงสาวคิดว่าตอนนี้ตนนั้นไม่เหลือใครแล้วถ้าให้อยู่ตัวคนเดียวคงจะเอาชีวิตไม่รอดเพราะนางถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี ไม่เคยทำอันใดเองเลย มีทาสรับใช้ทำให้ตลอดนางจึงตัดสินใจยอมอยู่กับชายตรงหน้า
“ตกลง ข้าจะอยู่กับท่าน ข้าเชื่อว่าท่านจะดูแลข้าอย่างดี ใช่หรือไม่” หญิงสาวพูดด้วยสายตาที่แหน่วแน่่
“ย่อมใช่แน่นอนอยู่แล้ว ข้าเว่ยหลงอันพูดคำไหนคำนั้น” จากนั้นทั้งสองก็อยู่สร้างครอบครัวด้วยกัน จนได้ให้กำเนิดบุตรสาวคนหนึ่ง ซึ่งก็คือ ‘เว่ยซีอิง’
