ทุบตี
เด็กสาวนามว่า ‘เว่ยซีอิง’ หลังจากที่บิดามารดาจากไป โดยที่ไม่ทราบว่าบิดามารดาของตนนั้นจากไปเพราะเหตุใด รู้เพียงว่า บิดามารดาทิ้งนางไป จากคำบอกเล่าของลุงกับป้าสะใภ้เท่านั้น เว่ยซีอิงนางอาศัยอยู่กับลุงกับป้าสะใภ้ตั้งแต่อายุ 7 หนาว นางถูกเลี้ยงดูมาเยี่ยงทาสรับใช้ ลุงกับป้าสะใภ้นางมีบุตรสาว 1 คน นามว่า เว่ยหลิงเซียน อายุมากกว่าเว่ยซีอิง เพียง 1 หนาวเท่านั้น สามคนพ่อแม่ลูกใจร้ายยิ่งนัก ให้เว่ยซีอิงพักในห้องเก็บของเล็ก ๆ ไม่มีเตียงนอน ไม่มีผ้าห่มหนาๆ มีเพียงผ้าผืนบาง เสื้อผ้าขาดๆเอาไว้ปูและห่มนอน พวกเขาให้เว่ยซีอิงทำงานทุกอย่าง ให้คอยปฏิบัติรับใช้ตนและบุตรสาวเยี่ยงนายกับบ่าว วันใดที่เว่ยซีอิงทำงานไม่ถูกใจ ป้าสะใภ้จะใช้แส้เฆี่ยนตี และให้อดอาหาร ซึ่งก็เป็นเช่นนี้มาตลอด 7 ปี จากเด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้ม ยิ้มแย้มในวัยเด็ก กลายเป็นเด็กสาวผอมแห้ง ผิวแห้งกร้าน ดำแดดในวันนี้ และสาเหตุที่เด็กสาวต้องนอนแน่นิ่งในห้องเก็บฟืนก็เป็นเพราะเมื่อ 3 วันก่อน บุตรสาวของนาง เว่ยหลิงเซียนแอบไปพรอดรักกับคนรักที่ท้ายหมู่บ้าน ขณะเดินกลับบ้านเว่ยหลิงเซียนเดินผ่านหน้าบ้านของผู้นำหมู่บ้าน นางเห็นบุตรสาวของผู้นำหมู่บ้านถือกำไลสีขาวอยู่ในมือ นางนั่งยิ้มให้กับกำไลอย่างชื่นชอบ นางเห็นกำไลนั่นสวยดี นึกอิจฉาอยากได้กำไลนั้นขึ้นมา แต่ด้วยฐานะของครอบครัวของนางคงไม่มีปัญญาซื้อกำไลแบบนี้ได้ นางจึงคิดจะขโมยมันแทน ระหว่างที่แอบดูอยู่นั่น จู่ ๆ โชคก็เข้าข้างนาง บุตรสาวของผู้นำหมู่บ้านวางกำไลไว้บริเวณโต๊ะหน้าเรือนแล้วเดินกลับเข้าไปในห้องเพื่อไปหยิบของบางอย่าง เว่ยหลิงเซียนจึงถือโอกาสลอบเข้าไปแอบหยิบกำไลมา ขณะที่เดินออกมาถึงหน้าประตูบ้าน เว่ยหลิงเซียนก็ชนเข้ากับเว่ยซีอิงที่นำไข่ไก่มาแลกผักสดกับผู้นำหมู่บ้าน ในระหว่างที่ชนนั่นทำให้ทั้งไข่ไก่และกำไลที่นางขโมยมาร่วงลงพื้นพร้อมกันแต่โชคร้ายตรงที่กำไลนั้นร่วงลงกระแทกกับหินบนพื้นพอดี ทำให้กำไลนั้นแตกหักออกเป็น 3 ส่วน เว่ยหลิงเซียนตกใจมากร้องตะโกนด่าทอเว่ยซีอิงเป็นยกใหญ่ทำให้ผู้นำหมู่บ้านและบุตรสาวได้ยินเสียงจึงวิ่งออกมาดู เมื่อบุตรสาวผู้นำหมู่บ้านออกมาก็พบว่าสิ่งที่กองอยู่บนพื้นดินคือกำไลของตน จึงจ้องหน้าเว่ยหลิงเซียนและเว่ยซีอิงสลับกันไปมา
“นี่มันกำไลของข้า มันมาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร”บุตรสาวผู้นำจ้องทั้งสองอย่างเอาเรื่อง
“นาง นังเด็กสกปรกนี่เป็นคนขโมยกำไลของเจ้ามา ข้าเดินมาพอดีเดินไม่ทันมองจึงชนกับนางเข้า แล้วกำไลเจ้าก็ร่วงลงแตก” นางพูดพร้อมใช้นิ้วไปที่เว่ยซีอิง
“ข้าเปล่านะ ข้าไม่ได้ขโมย ข้าเพียงนำไข่มาแลกผักเท่านั้น” เว่ยซีอิงตอบน้ำตาก็ไหลอาบแก้มไปด้วย
"เจ้ายังจะแก้ตัวอีกข้าเห็นกับตาว่าเจ้าขโมยกำไลนั่น" เว่ยหลิงเซียนพูดเสียงดังขึ้น พร้อมโยนความผิดไปให้เว่ยซีอิง
“ข้าไม่ได้ทำนะท่านผู้นำ ข้าไม่ได้ทำจริงๆนะ “ เว่ยซีอิงคุกเข่าลงพร้อมน้ำตาใช้มือจับขาของท่านผู้นำไว้ อ้อนวอนให้ท่านผู้นำเชื่อตน ท่านผู้นำมองหน้าหญิงสาวอย่างอ่อนใจ เขาเห็นเด็กสาวคนนี้มานานนางเป็นคนซื่อไม่เคยคิดทำร้ายใคร
"ท่านพ่อข้าไม่ยอมนะ กำไลนั้นเป็นของแทนใจที่พี่อู่หยางมอบให้ข้านะเจ้าคะ” บุตรสาวท่านผู้นำพูดด้วยอาการโมโหสุดขีดที่ของรักของตนถูกทำลาย
“พ่อจะจัดการเรื่องนี้ให้เจ้าเอง” ผู้นำหมู่บ้านกล่าวด้วยความโมโห
หลังจากเหตุการณ์ในตอนนั้น เว่ยซีอิงถูกลุงกับป้าสะใภ้ทุบตี แล้วขังนางไว้ในห้องเก็บฟื้นไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันเป็นเวลา 3 วันเต็ม ร่างกายที่ผอมบาง บอบช้ำจากการทุบตี ร่วมกับมีไข้สูง ทำให้ร่างกายอ่อนแอลง เด็กสาวแทบจะขยับตัวไม่ได้เลย ได้แต่นอนหายใจช้้าๆ รอคอยความตาย
‘ท่านพ่อ ท่านแม่ ท่านอยู่ที่ใด มารับข้าไปอยู่ด้วยที’ หญิงสาวพูดในลำคอเบา ๆ อยากร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตาไหลออกมา เพราะร่างกายขาดน้ำเป็นเวลานาน จู่ ๆ ประตูถูกเปิดออกพร้อมกับชายร่างท้วม 1 คน ร่างผอม 1 คน เดินเข้ามาแบกร่างเด็กสาวเดินออกไป ชายคนนั้นอุ้มเด็กสาวไปวางไว้บนเกวียนที่ใช้ขนสินค้าเข้าเมือง
“เด็กสาวช่างอ่อนแอนัก ข้าว่าได้ไม่คุ้มเสียแน่”ชายร่างท้วมคนที่อุ้มหญิงสาวกล่าว
“ข้าก็คิดเช่นเจ้า ดีไม่ดีพากลับไปยังไม่ถึงตัวเมืองนางอาจจะสิ้นสมก่อนก็เป็นได้” ชายร่างผอมกล่าว
“ข้าว่าเรารีบกลับไปตัวเมืองแล้วให้ต้าเหลียงรักษานางดีกว่าจะได้ไม่ขาดทุน”ชายร่างท่วมกล่าวพร้อมกระโดดขึ้นเกวียน ชายอีกคนพยักหน้ารับแล้วขับเกวียนออกไป
ด้านครอบครัวของสกุลเว่ย ต่างพากันนั่งฉลอง ดื่มกินอย่างดีอกดีใจที่สามารถขายหลานสาวออกไปได้ถึงแม้จะได้เงินมาไม่มากนักแต่สำหรับเงินจำนวนนี้พวกเขาสามารถใช้กินอยู่ได้เป็นเดือนเลยทีเดียว
“อย่าหาว่าข้าใจร้ายเลย ถือเสียว่าเป็นค่าตอบแทนที่เลี้ยงดูเจ้ามาละกัน หึ ” ป้าสะใภ้กล่าวพร้อมยกยิ้มเล็กน้อยที่มุมริมฝีปากของนาง
"ข้าดีใจยิ่งนัก ท่านแม่ที่ได้กำจัดนังเด็กสกปรกออกไปสักที" เว่ยหลิงเซียนยิ้มอย่างสะใจ ในยามที่เว่ยหลิงเซียนและเว่ยซีอิงยังเด็ก เว่ยซีอิงมักจะมีคนชื่นชมว่านางสวย น่ารักกว่าตนเสมอ จึงทำให้นางเกลียดเว่ยซีอิงยิ่งนัก
ภายในเกวียนที่กำลังเคลื่อนตัวเข้าสู่ตัวเมือง เด็กสาวร่างกายบอบช้ำอ่อนแรงลงเรื่อยๆ ยิ่งเวลาเกวียนวิ่งเหยียบเข้ากับก้อนหินและกิ่งไม้ระหว่างทาง ทำให้ร่างของเด็กสาวกระแทกเข้ากับพื้นไม้ของเกวียนอย่างแรงจนทำให้เด็กสาวทนไม่ไหว เรี่ยวแรงไม่มีอีกต่อไป ‘ท่านพ่อท่านแม่ มารับข้าที ……’ เด็กสาวสิ้นลมไปในที่สุด….ท่ามกลางเสียงล้อของเกวียนที่กำลังเคลื่อนตัวต่อไปยังตัวเมือง
