สาวน้อยกับความหิวโหย 2
ชิวย่าหนานทำหน้าประหลาดใจออกมาแล้วก็รีบอนุญาต นางอยากให้ลูกเล่นสนุกเหมือนเด็กทั่วไปบ้าง แต่ฉินหลิวซีไม่ค่อยทำอย่างนั้นเลย
เด็กหญิงแบกน้องชายขึ้นหลัง พอมาอุ้มดูทั้งตัวอย่างนี้แล้วจึงพบว่า น้องชายของนางตัวผอมมาก แค่จับแขนยกด้วยมือเดียวน้องก็ตัวลอยจากพื้นแล้ว แบบนี้จะไปสู้คนได้อย่างไร ไม่ได้ ๆ นางต้องหาอะไรดี ๆ ให้เขากินสักหน่อย
ถึงจะฟื้นฟูกลับมาแข็งแรงได้ไม่รวดเร็วอย่างใจ แต่ทำไปเรื่อย ๆ ต้องเห็นผลลัพธ์แน่
“ท่านพี่” คนที่นางแบกขี่หลังมาเอ่ยเรียกเมื่อเห็นพี่สาวพาตนขึ้นเขาเข้าป่า ไม่ใช่ทางแถวบ้านที่ว่าจะไปเล่นกัน ฉินซือหยวนไม่ได้ห่วงเล่น เพราะแต่ไหนแต่ไรมาก็เล่นแต่กับพี่สาวอยู่แล้ว แค่ไม่เข้าใจว่า ทำไมพาเข้ามาในป่า
“วันนี้มาเล่นหาของกันเถอะอาหยวน”
“หาของ?”
ฉินหลิวซีไม่ได้ตอบคำถามในทันที แต่นางพาน้องชายลงมือทำแทน เดินมาจนถึงริมแม่น้ำก็เห็นมีต้นไม้ให้ผลอยู่ไม่ไกล นางจึงปล่อยน้องชายลง
“อาหยวนเดินดูรอบ ๆ แถวนี้นะ ถ้าเจออะไรที่เหมือนว่าจะกินได้ให้มาตามข้า อย่าพึ่งไปจับมันเอง
ระวังสัตว์มีพิษไว้ด้วย”
ฉินซือหยวนพยักหน้าหงึก ๆ ให้พี่สาวด้วยความตื่นเต้น พ่อกับแม่ไม่ยอมให้เขาช่วยงาน เพราะว่าเขาตัวเล็กมาก ทั้งที่ฉินซือหยวนอยากช่วยงานพี่สาวบ้าง เด็กชายทำตามคำสั่งอย่างขยันขันแข็ง เขาเดินเตาะแตะไปตามทางแล้วมองหาผลไม้ต้นเตี้ยไปด้วย ขณะที่ฉินหลิวซีเดินลงไปในแม่น้ำ เด็กหญิงอาศัยเอาตัวบังมุมสายตาแล้วนำน้ำพุวิญญาณออกมาล่อปลา หมู่มัจฉาแหวกว่ายมาห้อมล้อมใกล้ ๆ นาง
ฉินหลิวซียกยิ้มอย่างชอบใจ ไม่รู้ว่าน้ำพุวิญญาณทำอะไรได้อีกบ้าง แต่แค่นี้ก็สร้างความประหลาดใจให้นางได้มากแล้ว เด็กหญิงเปิดมิติเป็นช่องเล็ก ๆ แล้วต้อนฝูงปลาเข้าไปในนั้น นางแอบส่องดูผ่านช่องเล็ก ๆ เท่าตาแมว
น้ำพุวิญญาณสร้างทางเชื่อมด้วยตัวมันเองมาถึงด้านนอก จากนั้นพวกปลาก็ว่ายเข้าไปอยู่ในบ่อน้ำพุด้วยเอง เด็กหญิงจับปลาสองตัวไว้ด้านนอกแล้วปิดประตูมิติ นางนำพวกมันมาทำอาหาร ก่อไฟรมควันเพื่อฆ่าเชื้อโรค ตั้งปลาทิ้งไว้ก็ถอดเสื้อคลุมของตนไปผึ่งลมรอแห้ง
“อาหยวน” นางตะโกนเรียกน้องชาย พอได้ยินเสียงพี่สาวเขาก็ยกมือขึ้นสูง ๆ ให้รู้ว่าตนเองอยู่ตรงไหน
ฉินหลิวซีเดินมาหาน้องชายกลางทาง เขาเห็นพี่สาวก่อไฟเสร็จแล้วจึงจูงมือนางมาหาจุดที่มีพวกลูกไม้ที่ตนเจอ นางลูบศีรษะน้องชาย กล่าวชมทั้งรอยยิ้ม
“เก่งมาก”
เพียงคำสั้น ๆ แต่ดวงตาคู่น้อยนั้นก็เริ่มมีประกายขึ้นมา เป็นฉินหลิวซีที่ชะงักไปเสียเอง ต้องใช้ชีวิตมาแบบไหนที่ทำให้เด็กสามขวบห้าขวบมีแววตาหม่นหมองได้ขนาดนี้ ทั้งที่เป็นวัยที่แต่งแต้มเติมสีเข้าไปได้ง่ายที่สุด
แต่ครอบครัวสกุลฉินกลับเลือกที่จะเติมสีดำให้บ้านรองอย่างพวกนาง
“อาหยวนเก่งมาก ๆ เลย ไปเก็บผลไม้ด้วยกันเถอะ”
ฉินหลิวซีให้น้องขี่คอ แม้จะทุลักทุเลไปสักหน่อย
แต่ก็เอื้อมไปถึงผลไม้บนต้นได้ พอได้ทำอะไรด้วยตัวเอง
ฉินซือหยวนก็เริ่มมีชีวิตชีวาขึ้นมา
นางกับน้องชายได้ลูกพลับมาสี่ผล จึงแบ่งกันคนละสองผล ฉินหลิวซีจูงมือน้องมานั่งตรงที่นางก่อไฟไว้แล้วให้เขานั่งเฝ้าปลา ส่วนตนเองก็เดินไปดูต้นไม้อีกต้นที่เห็นตอนเดินลงมาเมื่อครู่ เมื่อเดินมาใกล้ ๆ จึงเห็นว่าเป็นกล้วยหอมที่ยังโตไม่เต็มที่ ฉินหลิวซีไม่ลังเลที่จะใช้พลังธาตุเร่งการเจริญเติบโตของมัน
นางหันมองน้องชายเป็นระยะว่า ยังอยู่ดีหรือไม่ เพราะพลังวิญญาณยังน้อยมันจึงใช้เวลานานสักนิด รออยู่ครู่ใหญ่จนฉินซือหยวนกินลูกพลับหมดไปทั้งสองผลพี่สาวจึงค่อยเดินกลับมาหลังจากนำกล้วยหอมเข้าไปเก็บในมิติเรียบร้อยแล้ว
เด็กหญิงเดินกลับมาหาน้องชาย เขาไม่ค่อยพูดค่อยจา แต่เชื่อฟังที่นางบอกเป็นอย่างดี และถึงจะเห็นเป็นเช่นนี้แต่ก็รู้ความดีจนบางเรื่องนางรู้สึกได้เลยว่า ไม่ต้องบอกหรือสั่งห้ามเขาก็ได้ นางพูดผิวเผินเพียงครั้งเดียวเขาก็เข้าใจ
กับเรื่องในวันนี้จึงไม่ได้เอ่ยย้ำ แค่พูดให้เข้าใจตรงกันเป็นพอ
