บท
ตั้งค่า

สาวน้อยกับการกินเนื้อมื้อแรก

“อาหยวน เรื่องที่ได้กินปลาวันนี้ห้ามบอกใครนะ”

“ท่านพ่อท่านแม่ด้วยหรือ?”

“ท่านพ่อท่านแม่ด้วย” นางยืนยัน มารดานางยังหัวอ่อนยอมคนไปหมด ขืนบอกเรื่องนี้ออกไป ถ้าถูกกดดันมาก ๆ ก็คงพูดออกไปหมด ส่วนบิดา นางยังไม่อาจตัดสินเขาได้เพราะยังไม่เคยพูดคุยจริงจัง มีเพียงตัวตนที่มองผ่านสายตาของฉินหลิวซีที่เป็นเด็กห้าขวบ หากเป็นฉินหลิวซีอีกคนหนึ่งอาจคิดต่างไป

หลังจากปลาที่รมควันไว้สุก นางก็แกะก้างแล้วแบ่งให้น้องชายคนละตัว ไม่ได้กินเนื้อมานานจนลิ้นแทบด้านชาไปถึงต่อมรับรส พอมีอะไรที่อร่อยกว่าข้าวต้มน้ำเปล่า ๆ มาให้ลิ้มลอง ทั้งนางทั้งน้องต่างก็น้ำลายไหลออกมา

“อาหยวน ช้าลงหน่อยเดี๋ยวติดคอ” นางเอ่ยปรามเมื่อเห็นน้องกินเร็วเกินไป ความสุขทะลักออกมาผ่านสีหน้าและแววตา นอกจากเนื้อปลายังได้กินน้ำหวานอีกด้วย

พอกินเข้าไปก็รู้สึกมีเรี่ยวแรงขึ้นมา เมื่อจัดการอาหารทั้งหมดจนรู้สึกอิ่มท้องแล้วเด็กหญิงก็อุ้มน้องชายขึ้นหลังกลับบ้าน ยังไม่มีใครกลับมาเวลานี้ ต่างคนต่างยังแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตัวเองอยู่ บ้านหลักนั้นนางไม่ได้ย่างกรายเข้าไปยุ่งเกี่ยวนอกจากตอนไปกินอาหารให้พร้อมหน้า

ระหว่างที่ยังไม่มีใครกลับมา ฉินหลิวซีก็ต้มน้ำแล้วนำน้ำพุวิญญาณมาผสมใส่ในโอ่งเล็ก เอามาไว้ในห้องนอนของนางกับครอบครัว

ก่อนหน้านี้ยังไม่ทันได้คิดอะไร แต่อยู่มาระยะหนึ่งจนตอนนี้ ฉินหลิวซีอดคิดไม่ได้แล้วว่าครอบครัวของนางเป็นที่ระบายความเครียดของบ้านหลัก หากคนพวกนั้นไม่ได้เหน็บแนมสักวันละสิบประโยคคงจะนอนไม่หลับ ไม่ได้หาเรื่องต่อว่าแล้วใช้งานคงจะผื่นขึ้น ออกอาการเหมือนคนกินของแสลงผิดสำแดงเข้าไป

“ฉินหลิวซี ทำไมยังไม่ไปช่วยแม่เจ้าซักผ้าอีก”

ท่านย่าบังเอิญเดินผ่านทางมาสวนกับนางเข้าก็เอ่ยทักทายอย่างอบอุ่นด้วยประโยคนี้ทันที

ก็กำลังเดินไปอยู่นี่ไง ไม่เห็นหรือ

ถ้าตอบประโยคที่คิดในใจออกไปไม่พ้นโดนไม้เรียวเป็นแน่ เผลอ ๆ อาจจะลามไปต่อว่ามารดาของนางที่ไม่สั่งสอนบุตร สถานะที่ทางบ้านเป็นรองเกือบทุกด้านแบบนี้จะงัดข้อกลับไปก็ลำบาก ฉินหลิวซีไม่รู้ต้องใจเย็นอีกนานเท่าไรจึงจะตอบโต้กลับไปได้บ้าง

“มารดาล่วงหน้าไปก่อน ข้ากำลังจะตามไปเจ้าค่ะ”

“ตื่นสายละสิ กินข้าวกินน้ำให้เปลืองแท้ ๆ”

ฉินหลิวซีคิดว่าตนเองเป็นคนใจร้อนมาตลอด แต่พอมาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้นางกลับคิดว่านางอาจเป็นคนที่ใจเย็นที่สุดในโลกตอนนี้แล้วก็ได้

“เจ้าค่ะ” เด็กหญิงขานรับทั้งใบหน้ายิ้มแย้ม ยิ้มค้างไว้อย่างนั้นจนกระทั่งเดินเลยมารดาของผู้เป็นพ่อไป พอพ้นสายตาผู้ใหญ่ใบหน้าของนางก็แข็งตึง

พ้นรั้วบ้านออกมาก็นึกว่าจะเป็นอิสระแล้ว ที่ไหนได้ยังมีด่านอื่นให้นานต้องประสบพบเจอ ถ้านี่เป็นเกมฝึกความอดทนนางคง Level Max เร็วกว่าใครแน่

“ฉินหลิวซี ทำไมเจ้ายังอยู่นี่ไม่รีบไปช่วยมารดาซักผ้า คิดจะอู้งานหรือ สั่งอดข้าวเจ้าเสียดีไหม”

“ท่านแม่ล่วงหน้าไปก่อนแล้วเจ้าค่ะ ข้ากำลังจะตามไป” ฉินหลิวซีตอบป้าสะใภ้อย่างใจเย็น แววตามองพวกเขาดูใสซื่อเพราะไม่อยากมีปัญหาตอนนี้ อีกอย่างตอนนี้เธอแค่เด็กห้าขวบจะไปอะไรได้

“ก็รีบไปเสียสิ มายืนต่อล้อต่อเถียงข้าอยู่ได้”

“...”

หา!? นี่เกมชีวิตฝึกความอดทนใช่ไหม!

ฉินหลิวซีตะโกนถามกับสวรรค์ครั้งที่พัน นี่คงเป็นด่านเคราะห์ของเธอก่อนจะขึ้นสวรรค์ใช่หรือไม่?

จนวันนี้อาหารของนางต่อหน้าครอบครัวก็ยังมีแต่แผ่นแป้งแห้ง ๆ ในแต่ละวันนางจะพาน้องชายเข้าป่าเพื่อหาของกิน สองสามวันมานี้มารดาชอบถามพวกนางว่าไปเล่นกับใครที่ไหน ไม่รู้ว่าด้วยความเป็นห่วงเพียงอย่างเดียวหรืออยากรู้อยากเห็นเรื่องของลูกด้วยกันแน่ แต่เพื่อไม่ให้ระแคะระคายไปมากกว่านี้ ฉินหลิวซีจึงไม่ได้พาน้องชายออกไปอีก แล้วอีกปัญหาหนึ่งที่ตามมาก็คือท่านย่าเริ่มระแคะระคายที่มีฟืนหายไปวันละสี่ห้าท่อนจึงอยู่บ้านเพื่อหาทางจับผิด

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel