ตอนที่ 2 คืนนี้...เธอเป็นของฉัน
ตอนที่ 2
คืนนี้...เธอเป็นของฉัน
เสียงฝนที่โปรยปรายลงมาอย่างไม่ขาดสายจากภายนอกหน้าต่างบานใหญ่ ดังก้องอยู่เป็นจังหวะพรำๆ ราวกับจะขับกล่อมความเงียบเหงาของคอนโดหรูใจกลางเมืองยามค่ำคืน แต่สำหรับใครบางคน ความเงียบนั้นกลับยิ่งทวีความอึดอัดหนักอึ้ง
ภายในห้องเพนต์เฮาส์สุดหรูบนชั้น 45 แสงสลัวจากโคมไฟหัวเตียงสีวอร์มไวท์ทอดเงาร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มที่กำลังปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวด้วยมือข้างเดียวอย่างช้าๆ เผยให้เห็นกล้ามเนื้อแข็งแกร่งภายใต้เนื้อผ้าที่ค่อยๆ แยกออกจากกัน ธันวา ทิ้งร่างหนาที่ยังมีหยาดน้ำฝนเกาะพราวบนเส้นผมสีเข้มลงบนโซฟาหนังแท้เนื้อดี กลิ่นสาบฝนปะปนกับกลิ่นกายของเขาจางๆ คืนนี้เขาดื่ม…ดื่มหนักกว่าทุกคืนที่ผ่านมาจนกรึ่มไปทั้งตัว ความรู้สึกมึนเมาไม่ได้มาจากความสำเร็จทางธุรกิจหรือความเครียดจากการงาน หากแต่เป็นภาพใบหน้าใสๆ และเรือนร่างที่หลอกหลอนเขาทั้งวัน ใบหน้าของพลอยใสเด็กสาวที่เพิ่งเจอหน้าเมื่อวานซืน
“แม่งเอ๊ย…”
เขาสบถกับตัวเองอย่างหงุดหงิดพลางหลับตาเอนหัวพิงพนักพิงโซฟา พยายามสลัดภาพหลอนนั้นออกไปจากหัว แต่ยิ่งพยายามเท่าไหร่ ภาพของเธอก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น ราวกับจงใจมาทรมาน
แล้วเสียง “ติ๊ง” ที่ประตูก็พลันดังขึ้น ทำลายความเงียบและความคิดฟุ้งซ่านของเขา ธันวาขมวดคิ้วแน่นด้วยความไม่พอใจ ใครกันที่กล้ามาหาเขาในเวลานี้ ร่างกายที่เต็มไปด้วยความหงุดหงิดจากการดื่มและภาพหลอนที่ตามหลอกหลอนทำให้เขาเดินไปเปิดประตูด้วยแรงผลักที่รุนแรงกว่าปกติ
และแล้ว…เด็กคนนั้นก็ยืนอยู่ตรงหน้าเขาจริงๆ พลอยใส เธอยืนตัวสั่นเล็กน้อย เสื้อเชิ้ตสีฟ้าตัวเก่งที่เคยดูเรียบร้อยบัดนี้เปียกปอนแนบกับเนื้อผ้าที่บางเบา เผยให้เห็นเงาร่างอรชรข้างใต้แบบไม่ต้องพยายามแม้แต่น้อย เส้นผมสีน้ำตาลเข้มเปียกลู่แนบใบหน้าหวาน มีหยาดน้ำฝนเกาะพราวราวกับเพิ่งอาบน้ำมา
“คะ…คุณธันวา ลืมเอกสารประชุมพรุ่งนี้ไว้ที่ห้อง ฉันเลยเอามาให้ค่ะ”
เสียงหวานเอ่ยอ้อมแอ้มด้วยความหนาวเหน็บและประหม่า ดวงตาของเธอซื่อตรงและใสซื่อเกินกว่าจะคิดอะไร แต่ร่างกายกลับเปียกชุ่มจนเขาไม่สามารถละสายตาไปได้เลยแม้แต่วินาทีเดียว มันเป็นภาพที่ปลุกเร้าสัญชาตญาณดิบในตัวเขาให้ตื่นขึ้น
“เข้ามา” เสียงของเขาเย็น แต่กลับทุ้มต่ำกว่าปกติราวกับถูกบีบอัดด้วยความปรารถนาที่ซ่อนเร้น
พลอยใสก้าวเข้ามาในห้องช้าๆ วางแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะกลางอย่างระมัดระวัง แต่ในขณะที่กำลังจะหันหลังกลับ ข้อมือเล็กๆ ของเธอก็ถูกจับไว้ด้วยมือใหญ่ร้อนผ่าวของธันวา ความร้อนนั้นแผ่ซ่านเข้าสู่ผิวเนื้อเย็นเฉียบของเธอทันที
“คะ?” เธอชะงักงัน หัวใจเต้นรัวระส่ำด้วยความตกใจและไม่เข้าใจ
“รู้ไหม…ฉันไม่ใช่คนใจดี”
ชายหนุ่มเดินเข้ามาใกล้จนปลายจมูกแทบจะชิดกับผิวแก้มเนียนนุ่มของเธอ ลมหายใจอุ่นร้อนของเขารินรดอยู่ข้างหู กลิ่นแอลกอฮอล์จางๆ ผสมกับกลิ่นกายอบอุ่นของเขาทำให้สติของพลอยใสพร่าเลือน
“แต่มองเธอ…แล้วอยากทำอะไรที่ไม่ควรทำชะมัด”
“คุณธันวา” คำร้องเรียกขาดห้วงไปทันทีเมื่อริมฝีปากหยักได้รูปของเขาประกบลงมาอย่างรวดเร็ว ไม่มีคำขออนุญาต ไม่มีจังหวะให้เธอได้ตั้งตัว ไม่มีแม้แต่การหยั่งเชิงใดๆ มีเพียง…ไฟร้อนที่เผาผลาญทุกสติสัมปชัญญะของเธอให้มอดไหม้ไปกับความเร่าร้อนนั้น ริมฝีปากหนากดจูบหนักหน่วง ดูดกลืนลมหายใจของเธออย่างกระหาย ราวกับต้องการจะช่วงชิงทุกสิ่งทุกอย่างไปจากเธอ
มือหนาเลื่อนลงไปลูบไล้ผ่านเอวคอดกิ่วของเธออย่างจงใจ ทำให้พลอยใสสั่นวาบไปทั้งร่าง เธอรู้สึกเหมือนมีกระแสไฟฟ้าไหลเวียนไปทั่วทุกอณู
ความรู้สึกทั้งหวาดกลัวและตื่นเต้นปะปนกันไป ธันวาออกแรงดันร่างบางของเธอไปที่โซฟา ก่อนจะตามลงมาทาบทับ แผ่นหลังบางแนบชิดกับพนักพิงโซฟาเย็นเฉียบ
พลอยใสเบิกตากว้างด้วยความตกใจ แต่แทนที่จะผลักไส เธอสัมผัสได้ถึงแรงดึงดูดที่ยากจะต้านทาน ริมฝีปากของเธอสั่นร้อนราวกับตอบรับจูบที่ร้อนแรงนั้น การหายใจของเธอเริ่มหอบหนักขึ้นเรื่อยๆ
“เธอไม่มีทางไม่รู้ว่าตัวเอง…ยั่วขนาดไหน” เขากระซิบเสียงแหบพร่าข้างใบหูเธอ ก่อนจะเลียเบาๆ ที่ติ่งหูจนเธอสะดุ้งเฮือก ความรู้สึกซ่านไปทั่วร่างทำให้เธอขนลุกชัน
“เปล่านะคะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ…” พลอยใสพยายามจะปฏิเสธ แต่เสียงของเธอแผ่วเบาจนแทบจะไม่ได้ยิน
“แต่ฉันตั้งใจแล้ว พลอยใส”
เขาตอบกลับอย่างไม่ลดละ ก่อนจะจับข้อมือทั้งสองข้างของเธอไว้เหนือศีรษะตรึงกับพนักพิงโซฟา ทำให้เธอขยับตัวไม่ได้
ฝ่ามืออีกข้างของเขาก็เลื่อนลงไปลูบไล้ผ่านแผ่นท้องเนียนนุ่มที่กระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะหายใจของเธอ เธอสะท้านเฮือกเมื่อสัมผัสร้อนผ่าวนั้นแตะต้องผิวเนื้อ และจากนั้น…ชุดเชิ้ตเปียกชื้นที่แนบติดร่างก็ค่อยๆ ถูกปลดกระดุมออกช้าๆ ทีละเม็ด ก่อนจะหลุดพ้นจากร่างบางอย่างเชื่องช้า ราวกับต้องการจะทรมานทั้งตัวเขาเองและเธอไปพร้อมๆ กัน เผยให้เห็นผิวขาวผ่องที่เปล่งปลั่งภายใต้แสงสลัว
ริมฝีปากร้อนผ่าวของธันวาเลื่อนจากซอกคอขาวเนียนที่ประปรายไปด้วยหยาดน้ำฝนลงสู่เนินอกอวบอิ่มที่กระเพื่อมขึ้นลงอย่างรุนแรง ลิ้นหนาของเขาวาดวนช้าๆ ดั่งแปรงพู่กันที่รังสรรค์งานศิลปะบนผืนผ้าใบราคาหลายล้าน ความรู้สึกซ่านและเสียวซ่านแล่นพล่านไปทั่วร่างของพลอยใส เสียงครางกระซิบลอดริมฝีปากของหญิงสาวดังก้องอยู่ในความเงียบของห้อง ยิ่งกระตุ้นให้สัญชาตญาณของธันวาเร่าร้อนขึ้นไปอีก
“อื๊อ…คุณธัน…วา…”
เสียงเรียกชื่อของเธอที่พร่าเลือนยิ่งปลุกเร้าอารมณ์ดิบในตัวเขา มือใหญ่ของธันวาลูบผ่านสะโพกกลมกลึงของเธออย่างหนักหน่วง ไล่จากบั้นเอวคอดกิ่วลงไปยังต้นขาอ่อนที่เรียวเนียน ก่อนจะแทรกตัวเข้าระหว่างเรียวขาของเธออย่างไม่รีรอ
เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังขึ้นในวินาทีที่เขากระแทกกายเข้าสู่ภายในอย่างรุนแรง
“แน่นชะมัด…” เขากัดฟันพลางครางต่ำด้วยความพอใจเกินบรรยาย ร่างกายของเขาร้อนระอุราวกับจะระเบิดออก
“เธอไม่เคยมีใครมาก่อน…ใช่ไหม” เขาถามเสียงแหบพร่า สายตาคมกริบจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเธอ
หญิงสาวส่ายหน้าเล็กน้อย น้ำตาซึมออกมาจากหางตาด้วยความเสียวซ่านที่เจือความเจ็บปวดบางเบา ธันวาโน้มลงจูบเปลือกตาที่ปิดพริ้มของเธออย่างแผ่วเบา เป็นจูบที่ดูประหลาดแต่กลับแฝงด้วยความอ่อนโยนที่คาดไม่ถึง
ก่อนจะกระแทกซ้ำลงไปในจังหวะที่เร้าเร่งขึ้นทุกขณะ แรง แรงขึ้น และลึกขึ้นเรื่อยๆ ราวกับจะลงทัณฑ์เธอให้จมดิ่งลงสู่ห้วงแห่งความปรารถนาที่เขาเองก็ยากจะต้านทาน บนโซฟา…บนพรมขนสัตว์นุ่มนิ่ม…หน้ากระจกบานใหญ่ที่สะท้อนภาพเปลือยเปล่าของคนทั้งคู่…และสุดท้าย…เตียงใหญ่สีเทาดำที่จมดิ่งลงไปตามแรงกระแทก
เขาทำรักกับเธอไม่ใช่เพียงแค่ครั้งเดียว แต่ราวกับจะลงโทษ ทั้งแรง ทั้งลึก ทั้งร้อนจนห้องทั้งห้องแทบจะละลายไปกับเปลวไฟแห่งราคะที่คุกรุ่น
หลังจากผ่านไปเกือบตีสองของคืนนั้น ร่างเปลือยเปล่าสองร่างนอนนิ่งแนบชิดกันใต้ผ้าห่มสีหมอกอ่อนที่ปกคลุมกาย ธันวาหายใจแผ่วลงแต่ยังไม่หลับ ตาคมของเขาเหลือบมองเด็กสาวข้างกายที่กอดหมอนแน่น ใบหน้าหวานยังคงแดงเรื่อด้วยไออุ่นร้อนที่ยังไม่จางหาย ใบหน้าของเธอซุกอกเขาเหมือนลูกแมวขี้อายที่กำลังหลับใหลอย่างอ่อนเพลีย
ชายหนุ่มยกมือขึ้นลูบผมของเธอเบาๆ อย่างอ่อนโยน แล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่กับตัวเอง
“คืนนี้…ฉันจะถือว่าเป็นความผิดของฉันคนเดียว” เขาพึมพำกับตัวเอง เสียงนั้นแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน
แต่ในใจของธันวากลับรู้ดีว่า…หลังจากคืนนี้ เขาไม่มีวันปล่อยให้เธอเป็นของใครอีกแล้ว ความรู้สึกเป็นเจ้าของที่เพิ่งก่อตัวขึ้นอย่างบ้าคลั่งในคืนนี้ มันจะไม่มีวันจางหายไป
