ตอนที่ 1 เด็กเมื่อวานซืน
ตอนที่ 1
เด็กเมื่อวานซืน
ห้องทำงานชั้นบนสุดของอาคารหรูกลางเมืองหลวง เย็นยะเยือกราวกับต้องมนตร์สะกดด้วยเครื่องปรับอากาศระดับไฮเอนด์ที่ทำงานเงียบเชียบ ทว่ากลับไม่ได้ช่วยลดทอนความร้อนรุ่มภายในใจของ ธันวา อัครเมธากุล ท่านประธานหนุ่มแห่ง T.N. Estate Corporation ผู้ซึ่งกำลังเคาะปลายนิ้วลงบนโต๊ะไม้เนื้อดีเป็นจังหวะเนิบนาบ แต่แฝงไว้ด้วยความหงุดหงิดที่อัดแน่นจนสัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือน
เขาในวัยสามสิบห้าปี มีใบหน้าหล่อเหลาที่ฉาบด้วยความเย็นชา ดวงตาคมกริบราวเหยี่ยว จ้องมองออกไปนอกหน้าต่างกระจกใสบานใหญ่ที่เผยให้เห็นทัศนียภาพของมหานครเบื้องล่าง ร่างกายสูงสง่าผายผึ่งในชุดสูทสั่งตัดดูทรงอำนาจราวกับเจ้าชีวิต
ใครที่ได้พบเห็นต่างก็ต้องหวาดเกรง บารมีที่แผ่ออกมานั้นหนักอึ้งจนยากจะเข้าใกล้ เพียงไม่กี่วันก่อน เขาก็เพิ่งไล่เลขาคนเก่าออกไปอย่างไร้เยื่อใยเพียงเพราะ กล้าแอบฟังโทรศัพท์ เรื่องที่ใครต่อใครก็ไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยปากถึงด้วยซ้ำ
เสียงเคาะประตูเบา ๆ ดังขึ้นจากทางด้านหน้า เหมือนจะขออนุญาต แต่แทบจะไม่ได้สร้างความสนใจให้กับธันวาเลยแม้แต่น้อย เขายังคงจมอยู่กับความคิดของตัวเอง คิ้วหนาขมวดเข้าหากันเล็กน้อย
“ขอโทษค่ะ ท่านประธาน ฉันชื่อ...พลอยใส มาสมัครเป็นเลขาชั่วคราวตามที่ผู้จัดการฝ่ายบุคคลแจ้งค่ะ”
เสียงเล็ก ๆ ใส ๆ ที่เอ่ยขึ้นนั้นแผ่วเบาราวกระซิบ ทำให้ธันวาต้องเงยหน้าขึ้นจากความคิดของตนช้า ๆ ดวงตาคมดุภายใต้กรอบคิ้วเข้มเลิกขึ้นเล็กน้อย และในเสี้ยววินาทีนั้นเอง สายตาของเขาก็ปะทะเข้ากับร่างบางที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตู… และเขาก็เผลอ “นิ่งไปสามวินาที” ราวกับเวลาได้หยุดหมุนลงกะทันหัน
เด็กผู้หญิงคนนี้…
ความรู้สึกแรกที่แล่นเข้ามาในความคิดคือ “ตัวเล็กชะมัด”
เธอสูงเพียงประมาณอกของเขาเท่านั้น ผิวขาวอมชมพูดูผุดผ่องราวกับถูกรังสรรค์ขึ้นจากกลีบกุหลาบ ดวงตากลมโตเป็นประกายวาวใสไร้เดียงสา ใบหน้าหวานซึ้งแบบธรรมชาติที่ไม่มีเครื่องสำอางแต่งเติมเลยแม้แต่น้อย ทว่าชุดกระโปรงเชิ้ตสีฟ้าสดใสที่
เธอสวมอยู่กลับเป็นผ้าเนื้อนุ่มที่รัดรูปช่วงเอวคอดกิ่วของเธออย่างชัดเจน เผยให้เห็นสรีระที่ซ่อนอยู่ภายใต้เนื้อผ้าบางเบาอย่างโจ่งแจ้ง แม้จะรู้ว่าเธอคงไม่ได้ตั้งใจให้มันดูรัดขนาดนั้น แต่…อกเต็มมือ
เอวคอดกิ่วสะโพกผายเล็กน้อยพอเหมาะกับส่วนสูง
ความคิดหยาบโลนที่ผุดขึ้นมาในหัวทำให้ธันวาสบถในใจทันที “บ้าเอ๊ย! ใส่ชุดแบบนี้มาทำงานเลขาเนี่ยนะ?!”
“เธอเคยทำงานมาก่อนหรือยัง?” น้ำเสียงของเขาที่เอ่ยออกไปนั้นเย็นเฉียบกว่าปกติ บ่งบอกถึงความไม่พอใจที่ยากจะปกปิด
“เอ่อ…เคยฝึกงานค่ะ แต่ยังไม่เคยเป็นเลขาโดยตรง”
พลอยใสตอบด้วยความประหม่าฉายชัดบนใบหน้าหวาน เธอเอามือสองข้างลูบชายกระโปรงตัวเองอย่างลืมตัว ราวกับจะพยายามทำให้ชุดที่สวมอยู่ดูเรียบร้อยขึ้น
ธันวาเหลือบตามองมือเรียวเล็กที่กำลังลูบชายกระโปรงนั้น ก่อนจะเลื่อนสายตาขึ้นมองใบหน้าใสซื่อของเธออีกครั้งอย่างไม่วางตา แล้วจึงหรี่ตาเล็กน้อยคล้ายกำลังพิจารณาอะไรบางอย่าง “เด็กแบบเธอ…ไม่ควรมาทำงานใกล้ฉันหรอกนะ”
พลอยใสยืนนิ่งงัน ทำได้เพียงกะพริบตาปริบ ๆ ไม่เข้าใจความหมายในประโยคนั้น
“แต่ก็เอาเถอะ…จะให้โอกาสหนึ่งอาทิตย์”
ธันวาเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงพูดประโยคนี้ออกไปเอง ราวกับมีอะไรบางอย่างที่ดึงดูดสายตาและทำให้เขาไม่สามารถปฏิเสธเด็กสาวตรงหน้าได้ แม้ว่าสมองจะสั่งให้ผลักไสออกไปก็ตาม
วันต่อมา
พลอยใสยืนอยู่หน้าเครื่องถ่ายเอกสารขนาดใหญ่ แสงสีขาวจากหลอดไฟสะท้อนบนแผ่นกระดาษที่กองอยู่เต็มถาด เธอโน้มตัวก้มลงไปเก็บกระดาษที่หล่นกระจัดกระจายอยู่บนพื้น ความงุ่มง่ามและไม่คุ้นเคยกับการทำงานทำให้กระดาษแผ่นสุดท้ายปลิวหลุดลอยไปอย่างมีชีวิตชีวา และในจังหวะเดียวกันนั้นเอง ธันวาก็เดินเข้ามาใกล้โดยที่เธอไม่ทันรู้ตัว กระดาษแผ่นนั้นร่อนลงไปติดอยู่ที่ปลายรองเท้าหนังขัดมันวาวของท่านประธานพอดีเป๊ะ
ชายหนุ่มหยุดยืนนิ่ง ดวงตาคมกริบก้มลงมองแผ่นกระดาษที่ปลายรองเท้า ก่อนจะกวาดสายตาขึ้นช้า ๆ…อย่างจงใจ…เขาเห็น เรียวขาเรียบเนียน ที่โผล่พ้นชายกระโปรงออกมาอย่างเชิญชวน…เขาเห็น ชายกระโปรงที่สั้นเกินกว่าจะปลอดภัย เมื่อเธอก้มตัวลงในลักษณะนั้น…และเขาเห็น ร่องอกอวบอิ่มภายใต้คอเสื้อเชิ้ต ที่เปิดกว้างเกินพอดี เมื่อร่างกายเธอโน้มตัวลงไป
และในวินาทีนั้นเอง ธันวาก็รู้ตัว…ว่าเริ่มหายใจถี่ขึ้น ความร้อนบางอย่างแล่นพล่านไปทั่วกายอย่างควบคุมไม่ได้
“ลุกขึ้น” เสียงเข้มเอ่ยเบา แต่กลับมีพลังกดดันที่หนักแน่นจนหญิงสาวรีบเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจ ใบหน้าหวานซีดเผือด
พลอยใสรีบยืดตัวขึ้นทันที มือเรียวเล็กยกขึ้นไพล่ปิดชายกระโปรงอย่างเขินอาย ใบหน้าของเธอร้อนผ่าวขึ้นสีแดงระเรื่อด้วยความอับอาย จนไม่กล้าแม้แต่จะสบตาคมดุของเขา
“อย่าก้มแบบนั้นอีก” เสียงของธันวาดุขึ้นนิดหน่อย แต่กลับแฝงด้วยความไม่พอใจอย่างชัดเจน
“คะ?” พลอยใสเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยด้วยความสงสัย ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงดุเธอเรื่องนี้
“เธอไม่รู้เหรอว่า…เธอน่ะ ซ่อนรูป ขนาดไหน”
ดวงตาคมดุคู่นั้นสบเข้าในดวงตาของเธออย่างตรง ๆ ไม่หลบ ไม่ลด และไม่ปล่อยให้เธอได้หลีกหนีราวกับเธอเป็นเหยื่อที่กำลังจะถูกกลืนกิน พลอยใสยืนนิ่งราวถูกสะกดด้วยอำนาจบางอย่าง เธอไม่เข้าใจว่าทำไมสายตาที่เขามองเธอถึงได้ลึกซึ้งและร้อนแรงถึงขนาดนั้น…เหมือนกำลังจะกลืนกินมากกว่าการดุว่าด้วยซ้ำ หัวใจของเธอเต้นแรงระรัว ทั้งกลัว…ทั้งสั่นไหวกับความรู้สึกประหลาดที่ก่อตัวขึ้น
ธันวาก้าวเข้ามาใกล้ช้า ๆ…ใกล้จนเธอได้กลิ่นโคโลญจาง ๆ จากตัวเขา กลิ่นหอมสะอาดที่แฝงด้วยความเข้มแข็งของบุรุษเพศ ใกล้จนเธอแทบจะถอยหลังไม่ได้แล้ว เพราะแผ่นหลังของเธอกำลังติดอยู่กับกำแพงเย็นเฉียบ
“ถ้าไม่อยากให้ฉันคิดอะไร…ก็อย่าแต่งตัวแบบนี้มาอีก” เขากระซิบเบา ๆ ข้างใบหูเธอ ลมหายใจอุ่นร้อนของเขารินรดอยู่บนผิวเนื้อบอบบาง ริมฝีปากหยักได้รูปเฉียดผ่านผิวแก้มเธอไปเพียงนิดเดียว…
…แต่มันกลับร้อนลึกเข้าไปถึงก้นบึ้งของหัวใจเธอ ราวกับถูกไฟลวก
หลังจากที่พลอยใสรีบก้าวถอยห่างและเดินหนีออกมาได้ราวกับผีเข้า ธันวาก็ยังคงยืนกำมือแน่นอยู่กลางห้องถ่ายเอกสาร กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของหญิงสาวที่ติดอยู่ปลายจมูกทำให้เขาคล้ายถูกตรึงอยู่กับที่ ใบหน้าเย็นชาที่คุ้นเคยนั้นกลับปรากฏรอยหัวเราะ เบา ๆ ที่มุมปาก รอยยิ้มที่ไม่ได้มีความสุขเลยแม้แต่น้อย
“บ้าชะมัด…ทำไมฉันต้องรู้สึกอะไรกับเด็กแบบนั้นด้วยวะ…” เสียงทุ้มต่ำพึมพำกับตัวเอง ราวกับกำลังต่อสู้กับบางสิ่งบางอย่างที่ก่อตัวขึ้นภายในใจอย่างควบคุมไม่ได้
