บท
ตั้งค่า

1 หย่าครานี้สำเร็จแล้ว

ในเรือนที่เคยอบอวลด้วยบรรยากาศสงบเงียบ บัดนี้เต็มไปด้วยความวุ่นวาย บ่าวหลายคนรีบขนย้ายหีบเสื้อผ้าภายใต้คำสั่งของเจ้าของเรือนอย่างหมิงจู

“เอ่อ...เราจะไปจริงๆ หรือเจ้าคะ?”

เยว่ฮวาเอ่ยถาม น้ำเสียงเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ เพราะที่ผ่านมาเจ้านายของตนได้แต่ยอมนายท่านเสมอ มาตอนนี้นอกจากจะให้ลงนามหย่าแล้วยังมีท่าทีว่าจะออกไปจากจวนแห่งนี้จริงอีกด้วย

หมิงจูปรายตามองบ่าวคนสนิทของตนพลางยิ้มอย่างเข้าใจ เจ้าของร่างเดิมนั้นยอมฮ่าวเทียนอย่างหน้ามืดตาบอด พอนางผู้เป็นวิญญาณสายลับจากยุคสองพันได้มาเข้าร่างนี้จัดการตัดขาดอย่างจริงจัง ไม่มีใครเชื่อก็ไม่แปลกอันใด

“เยว่ฮวา ข้าหย่ากับสามีแล้ว เหตุใดจึงไม่ควรไปเล่า”

เยว่ฮวาขมวดคิ้วแน่นเผยสีหน้าสงสัยเต็มเปี่ยม “เอ่อ แต่ฮูหยินรักนายท่านมากมาโดยตลอด...บ่าวก็ไม่คิดว่าเราจะจากไปจริงๆ นี่เจ้าคะ”

รอยยิ้มของหมิงจูหายวับไปทันที แววตาของนางกลายเป็นเย็นชา

“รักอะไรนั่นข้าจำไม่ได้ต่อไปแล้ว บัดนี้ข้าจะเปลี่ยนตัวเป็นคนใหม่สิ่งใดที่ข้าโง่งมทำไปในอดีตข้าจะไม่ทำอีกแน่นอน อาเยว่เจ้าเชื่อใจข้าคนใหม่นี้หรือไม่?”

เยว่ฮวาเบิกตากว้างนิ่งมองเจ้านายตรงหน้าอย่างไม่รู้จะทำอันใดต่อไปดี นางกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากแต่เมื่อได้ทบทวนสิ่งที่เจ้านายตนเองทำตลอดหลายวันที่ผ่านมานี้ก็รู้สึกได้ว่าเจ้านายของตนเปลี่ยนไปไม่เหมือนคนเดิมแล้วจริง ๆ อีกทั้งยังดีกว่าคนเดิมด้วยซ้ำไป

“บ่าวเชื่อใจฮูหยิน ไม่สิ! เชื่อใจคุณหนูเจ้าค่ะ!”

หมิงจูพยักหน้าอย่างพอใจ

“เตรียมทุกอย่างให้เรียบร้อย ข้าจะต้องไปเก็บของของเราให้หมดอีกก่อนออกจากจวน เจ้าไปเอากุญแจห้องเก็บสินเดิมของข้ามาที”

เยว่ฮวามองเจ้านายของนางด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความลังเลและความหวาดหวั่น ปากอยากจะบอกอะไรบางอย่างแต่สุดท้ายก็ได้แต่พยักหน้ารับคำ

นี่เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้นในเวลาอันใกล้นี้ของจริงกำลังคืบคลานเข้ามาก่อนที่นางจะสามารถปลดพันธนาการที่รัดรึงหัวใจของร่างเดิมมานานนับปีได้เรียบร้อย...

แสงอาทิตย์ที่ลอดผ่านหน้าต่างเรือนส่องให้เห็นใบหน้าของหมิงจูซึ่งยืนนิ่งงันอยู่หน้าหีบสมบัติที่เปิดอ้า ภายในหีบมีเพียงของเล็กน้อยที่แทบไม่มีมูลค่า เครื่องประดับทองคำหยกงามที่มีในความทรงจำคาดว่ามีอยู่เต็มหีบกลับเหลือเพียงกำไลทองที่ซีดหมองไปตามกาลเวลา เงินในถุงผ้าที่ก้นหีบก็เหลือเพียงเศษเล็กน้อยเท่านั้น

เยว่ฮวามองนายหญิงของตนด้วยแววตาเป็นห่วง ก่อนกลืนน้ำลายแล้วกล่าวเสียงเบา

“คุณหนู...นี่คือสินเดิมที่เหลือทั้งหมดของท่านเจ้าค่ะ”

“ทั้งหมด?”

หมิงจูเอ่ยถาม น้ำเสียงเรียบสงบนิ่งจนแทบไร้ความรู้สึก ร่างเดิมนี้ทิ้งความทรงจำขาดห้วงไว้ให้นางเท่านั้น นางจะจำเรื่องราวของร่างนี้ได้ผ่านการเผชิญหน้ากับเหตุการหรือสิ่งของจริง ๆ

เยว่ฮวาพยักหน้า แม้ใบหน้าของบ่าวคนสนิทจะดูละอายใจ แต่ก็ไม่กล้าปกปิดความจริง

“ตลอดมาเงินหมุนเวียนใช้จ่ายในจวนสกุลซุนนี้ล้วนนำออกมาจากสินเดิมของคุณหนูเจ้าค่ะ ในเดือนหลัง ๆ มานี้สินเดิมของท่านหมดจึงค่อยใช้เงินรายเดือนของนายท่านบ้างแต่ก็ยังไม่ค่อยพออยู่ดี”

หมิงจูหลับตาลงครู่หนึ่ง ความทรงจำที่ไม่ใช่ของนางแท้ๆ แต่ฝังแน่นในจิตใจเริ่มผุดขึ้นทีละฉาก

ในห้วงความคิด ภาพของหมิงจูคนเก่าปรากฏขึ้น นางเป็นหญิงสาวที่งดงาม มาจากตระกูลไป๋ซึ่งเป็นตระกูลใหญ่นอกเมืองหลวง คนตระกูลไป๋ไม่มีใครเห็นด้วยที่หมิงจูจะแต่งงานกับบุรุษบ้านนอกที่ไม่มีอันใดเลยอย่างฮ่าวเทียน แต่หมิงจูก็รั้นจนสุดท้ายยอมตัดขาดจากตระกูลไป๋ไม่ยุ่งเกี่ยวกันอีก แต่ด้วยความรักของมารดาของนางจึงเอาสมบัติที่สะสมทั้งชีวิตมามอบเป็นสินเดิมของหมิงจู เพื่อให้นางได้ครองชีวิตสุขสบายในฐานะฮูหยินเอกของจวนซุน แต่นางกลับเลือกใช้มันเพื่อช่วยฮ่าวเทียนก่อร่างสร้างตัวในเมืองหลวง

ในยามนั้น ฮ่าวเทียนที่ยังเป็นเพียงชายหนุ่มธรรมดาจากตระกูลบ้านนอก ไร้บิดามีแต่มารดาและน้องสาวที่เป็นภาระให้ดูแล เขามีเพียงรูปลักษณ์หล่อเหลาที่ชวนฝัน หมิงจูหลงใหลในความทะเยอทะยานของเขา ใช้สินเดิมสนับสนุนเขาทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง ตั้งแต่การสอบจนถึงการซื้อใจขุนนางชั้นสูง นางเฝ้าฝันถึงวันที่เขาจะก้าวขึ้นไปเป็นบุรุษที่ยิ่งใหญ่ แต่เมื่อวันนั้นมาถึง ความฝันของหมิงจูกลับกลายเป็นเถ้าธุลี

ฮ่าวเทียนเปลี่ยนไป เขาเริ่มมองนางเป็นเพียงทรัพย์สมบัติที่หมดประโยชน์ สินเดิมที่นางนำมาช่วยเขา กลับกลายเป็นสิ่งที่ถูกใช้ผลาญโดยครอบครัวเขาเอง และบัดนี้ แม้กระทั่งเครื่องประดับเพียงสักชิ้น นางก็แทบไม่ได้คืน

...หมิงจูคนเก่ารักฮ่าวเทียนอย่างไร้เหตุผล ยอมแม้กระทั่งตัดขาดจากครอบครัวตระกูลไป๋ที่เคยเตือนนางถึงบุรุษผู้นี้ แต่ท้ายที่สุด ฮ่าวเทียนก็ทำให้นางกลายเป็นเพียงหญิงไร้ค่าในสายตาเขา

หมิงจูเปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้ง รอยยิ้มเย็นเยียบผุดขึ้นที่มุมปาก แม้จิตวิญญาณของสายลับจากยุคสองพันจะมาอยู่ในร่างนี้ แต่ความรู้สึกขมขื่นจากหมิงจูคนเดิมกลับไหลซึมมาถึงจิตใจของนางอย่างชัดเจนจนรู้สึกไม่ชอบใจอย่างยิ่งเชียวล่ะ

“เยว่ฮวา จงเก็บของทุกอย่างที่ยังเหลืออยู่ให้เรียบร้อย ส่วนที่ขาดไปจากรายการสินเดิมของข้าแน่นอนว่าต้องไปทวงคืนจากคนที่เอาไป!”

“เจ้าค่ะ!”

เยว่ฮวารับคำอย่างรวดเร็ว แม้ในใจยังมีความสงสัยแต่ก็ไม่กล้าถามไถ่ว่านางจะไปเอาคืนได้อย่างไร ได้แต่หันมาตรวจสอบสินเดิมอย่างขะมักเขม้นแทนการนิ่งคิดสงสัย

หลังจากตรวจสอบบัญชีสินเดิมอย่างละเอียดเสร็จสิ้น

หมิงจูก็พบความจริงที่ยิ่งตอกย้ำสิ่งที่นางคาดไว้ มือปิดสมุดบัญชีด้วยใบหน้าสงบนิ่ง แล้วเดินนำเยว่ฮวาที่ยกหีบขนาดเท่าอกคนหนึ่งเท่านั้นตามออกมามุ่งตรงไปที่เรือนนอนเพื่อไปรวมกับของอื่นที่สั่งให้บ่าวในเรือนรวบรวมไว้

ทว่าเมื่อเดินมาถึงเรือนของตน เสียงเอะอะและการเคลื่อนไหวผิดปกติทำให้หมิงจูชะงักฝีเท้าทันใด บ่าวผู้ชายสองคนกำลังรื้อหีบของในเรือนออกมา ข้าวของกระจัดกระจายเต็มพื้น ด้านหน้าเรือน แม่สามีอย่างนางเจา และน้องสามีอย่างซุนเสวี่ยเหมย ยืนมองด้วยท่าทางพึงพอใจกับความวุ่นวายตรงหน้า แล้วพอเห็นว่าหมิงจูเดินกลับมาก็เปิดปากต่อว่าทันที

“สะใภ้ไร้ประโยชน์เช่นเจ้า ในที่สุดก็พ้นไปจากจวนนี้เสียที!” นางเจาพูดพลางหัวเราะอย่างอารมณ์ดี “บุตรชายข้าช่างโชคดีนัก ที่กำจัดเจ้าออกไปได้แล้ว”

ซุนเสวี่ยเหมยพยักหน้าเห็นด้วยกับมารดา “ท่านแม่พูดถูกเจ้าค่ะ สะใภ้หยิ่งผยองเช่นนี้อย่าหวังว่าจะอยู่ในจวนเราได้อีกต่อไปเลย!”

สองแม่ลูกต่างต้องอดทนเห็นสะใภ้แสนจะหยิ่งผยองเดินเชิดหน้าชูคอทั่วจวนและมักจะกดพวกนางด้วยอดีตคุณหนูตระกูลไป๋มามากเกินพอแล้ว แต่ก่อนไม่กล้าต่อว่าอย่างโจ่งแจ้งเพราะเกรงใจคำสั่งของฮ่าวเทียนที่บอกให้พวกนางไว้หน้าหมิงจูบ้าง ตอนนี้เมื่อได้ข่าวว่าหมิงจูถูกลงนามในใบหย่าแล้วพวกนางก็ไม่ลืมพุ่งมาระบายความแค้นทันที

หมิงจูนั้นยืนฟังถ้อยคำหยามเหยียดเหล่านั้นด้วยท่าทางเรียบเฉย แววตาของนางวาววับด้วยความเยือกเย็นก่อนจะกล่าวเสียงเรียบ

“แน่นอนข้าจะออกจากจวนตามที่พวกเจ้าต้องการ แต่ก่อนจะจากไป จงคืนสินเดิมทั้งหมดของข้ามาเสียก่อน!”

โชคดีที่สองแม่ลูกจอมผลาญมาให้นางทวงถึงที่ไม่ต้องเปลืองเวลาไปหาถึงเรือนแล้ว...

ซึ่งคำพูดนั้นของหมิงจูก็ทำให้ใบหน้าของนางเจาและเสวี่ยเหมยเปลี่ยนสีทันใด นางเจาหลบสายตาก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวบอกปัดทันที

“สินเดิมอะไรกัน? ข้าไม่รู้ว่าเจ้าพูดถึงอะไร!”

“ใช่! เจ้ากำลังใส่ร้ายพวกเรา เจ้าคิดว่าข้ากับท่านแม่จะเอาของเจ้าไปหรือ? ขี้ปดสิ้นดี!” เสวี่ยเหมยเสริม

ท่าทีพวกนี้แน่นอนว่าหมิงจูคาดไว้อยู่แล้ว นางคงไม่ได้สินเดิมคืนมาง่าย ๆ หรอก อาจจะต้องออกแรงสักหน่อยแล้ว

หมิงจูยิ้มเย็น “อืม ถ้าเช่นนั้น ข้าจะไปค้นที่เรือนของพวกเจ้าเองก็แล้วกัน”

หมิงจูพูดจบก็หันไปสั่งเยว่ฮวา “พาข้าไปเรือนของพวกนาง!”

สองแม่ลูกมีหรือจะยอมให้หมิงจูไปค้นอย่างที่บอก นางเจาส่งสัญญาณให้บ่าวที่นำมาด้วยมากั้นทางไปอย่างรวดเร็ว พวกบ่าวมองหน้ากันเลิ่กลั่กแต่ก็กรูกันมาขวางทันท่วงที

แต่ขวางแล้วอย่างไร พวกเขามีมือเพียงฝ่ายเดียวหรือไรกันเล่า! นางก็มีมือและฝีมืออีกด้วยใครจะสู้กับนางก็เตรียมตัวได้เลย

หมิงจูไม่รอช้า นางคว้าท่อนไม้ใกล้มือมาถือไว้ ก่อนก้าวไปยืนเผชิญหน้ากับบ่าวเหล่านั้นด้วยสายตาเต็มไปด้วยรังสีนักล่า

“ใครอยากเจ็บด้วยก็เข้ามาขวางข้าได้เลย!”

น้ำเสียงเด็ดขาดของนางทำให้บ่าวที่ขัดขืนหยุดชะงักไปชั่วครู่ แต่เมื่อนางเจาส่งเสียงสั่งอีกรอบก็พากันกรูกันเข้ามาอีกครั้ง ใครเข้ามาคนแรกก็ถูกหมิงจูฟาดท่อนไม้ใส่หน้าแข้งในจุดที่มีเส้นประสาทรับความรู้สึกรวมกันมากที่สุดจนร้องโอดครวญเสียงหลงพาลให้บ่าวที่ตามมาถอยกันพร้อมเพรียงทันที หลังจากนั้นก็ฟาดไม้ใส่พุ่มไม้สร้างความน่าสะพรึงกลัวให้คนที่เห็นจนใจเต้นระรัวถอยล่นไปตาม ๆ กัน

“นี่มัน! พี่สะใภ้ท่านบ้าไปแล้ว!”

เสียงตะโกนของเสวี่ยเหมยนี้ไม่ทำให้หมิงจูวางไม้ลงแต่อย่างใด นางก้าวเดินเข้าหาตัวต้นเรื่องทั้งสองทำให้อีกฝ่ายปิดปากแน่นถอยหลังตามจังหวะการก้าวเข้าหา กอดกันแน่นดูน่าขบขันนัก

ตอนนี้ไม่มีบ่าวคนใดกล้าขัดขวางพวกนางแล้ว...

“เยว่ฮวา เข้าไปค้นของในเรือนของพวกนางเสีย!”

เยว่ฮวาเดินสบายไปทางเรือนของสองแม่ลูกเจาและเสวี่ยเหมยร้องที่เจ้าของเรือนทำได้เพียงแสดงอารมณ์ไม่พอใจและค่อย ๆ ก้าวเท้าเดินตามเท่านั้น

ตอนนี้ใครจะกล้าขัดขวางหมิงจูกล้าเผชิญหน้าคนเพียงแค่ในมือมีท่อนไม้หนึ่งท่อนเท่านั้น แต่รังสีที่แผ่มารอบตัวทำราวกับในมือนางเป็นดาบคมอย่างไรอย่างนั้น

ไม่นาน เยว่ฮวาที่หายเข้าไปในเรือนของนางเจาและเสวี่ยเหมยก็กลับมาพร้อมหีบใบโตที่ในนั้นรวบรวมเครื่องประดับที่หมิงจูคุ้นเคยว่ามีในความทรงจำและอยู่ในใบรายการสินเดิม

...หีบใบนี้ใหญ่กว่าหีบที่ใส่ของจากห้องเก็บสินเดิมหลายเท่าตัวเชียวล่ะ

“คุณหนู หาได้เท่านี้เจ้าค่ะ ยังขาดไปกว่าครึ่งเลยเจ้าค่ะ”

หมิงจูปรายตามอง ทรัพย์สมบัติเหล่านั้นเพียงชั่วครู่ก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ในมือเคาะไม้ลงพื้นเป็นจังหวะน่าขนลุกไปด้วย

“นี่คือสินเดิมของข้าที่พวกเจ้าค่อย ๆ ขโมยไป วันนี้ข้าหย่าขาดจากฮ่าวเทียนบุตรชายของพวกเจ้าแล้วก็ขอนำของที่เป็นของข้าออกไปด้วยเช่นเดียวกัน”

นางเจาและเสวี่ยเหมยหน้าซีดเผือดทันที หากพวกนางไม่มีเครื่องประดับพวกนั้นแล้วยามออกงานข้างนอกจะเอาสิ่งใดไปอวดสหายกันเล่า แน่นอนว่าพวกนางหาได้ยอมไม่

“นี่มันของที่พวกข้าใช้เงินซื้อมาต่างหาก! เจ้ากล้าดีอย่างไรมาใส่ร้ายพวกเรา! มีหลักฐานหรือว่าของพวกนี้เป็นของเจ้า!!!”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel