บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 1 - ปฏิบัติภารกิจเสี่ยงตาย

ท่ามกลางเสียงห่ากระสุน กำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด ระหว่างฝ่ายพ่อค้ายาบ้ากำลังกราดยิงใส่เหล่าตำรวจหลายนาย กำลังล้อมจับพวกเขาอยู่ด้านนอก แต่ภายในคฤหาสน์หรู กลายเป็นป้อมปราการที่ยึดมั่น พวกเขาไม่มีทีท่าว่าจะยอมแพ้ หรือยอมมอบตัว

ในช่วงระหว่างนี่เองเมื่อด้านหน้ากำลังประจันหน้า กับห่ากระสุนมากมาย กราดยิงนับไม่ถ้วน มีนายตำรวจนายหนึ่ง กับตำรวจสาวใส่เสื้อเกราะกันกระสุน กำลังวิ่งอ้อมไปด้านหนัง พบกับพงหญ้ารกขึ้นกีดขวาง พวกเขาทั้งสองคนมองซ้ายขวา พรางยกมือให้เพื่อนอีกคนเหยียบ เพื่อปีนกำแพงบ้านเข้าไป

สิรี เป็นตำรวจสาวผมยาวดำสนิท ถักเปียรวมผมทะมัดทะแมงมิให้เกะกะระหว่างอยู่ในหน้าที่ ร่างกายเธอถูกฝึกมาให้เผชิญทุกสถานการณ์เช่นเดียวกับฝ่ายชาย เธอสามารถนั่งอยู่บนสันกำแพงคฤหาสน์ เห็นว่าโล่งทางเปิด เพราะด้านหลังไม่มีใครอยู่ จึงนั่งอยู่บนนั้นอีกสักระยะ เพื่อโน้มตัวลงมาคว้าตัวคู่หูให้ปีนกำแพงเข้ามาด้วยกัน

"ระวังตัวด้วยนะ สิรี หัวหน้าต้องการจับเป็น!" อเนก เป็นคู่หูของสิรี เขาอยู่ในเครื่องแบบตำรวจ ผมตัดสั้นมันเงา รูปร่างสันทัดสีผิวสองสี ร่างกายแข็งแรง เก่งกาจเฉพาะด้านเรื่องปืนแทบทุกชนิด ของคู่กายราวกับเครื่องรางส่วนตัวของเขา คือปืนกลกระสุน30+1 พร้อมกระสุนสำรองเป็นของติดตัว แถมยังมีปืนพกกระบอกหนาขนาด 20+1 อยู่ข้างเอว สายตาสิริมองอาวุธในมือของอเนก พลางเม้มปากถอดลมหายใจ

"ไอ้ที่ถือมา… แน่ใจนะ ว่าจับเป็น!" เธอไม่ได้พกอาวุธใหญ่มา แค่ปืนสั้นพกระบบออโต้ 20+1 สองกระบอกและมีดพกก็เพียงพอแล้ว แววตาอเนกเริ่มหันมองตอบหลังจากโดนถาม

"ชักไม่แน่ใจว่า ไอ้ที่เหน็บอยู่ในรองเท้ามากกว่า จะเชือดพวกมันทั้งหมดจริงๆ รึ!" อเนกบอกขณะย่องตามหลังสิรีไปด้วยกัน พบว่า พวกเขากำลังตั้งอกตั้งใจ กราดยิงปืนออโต้แทบทุกชนิด ต่อสู้กับตำรวจนอกคฤหาสน์อย่างเอาเป็นเอาตาย โดยที่ไม่มีใครคุ้มกันด้านหลัง เพราะคิดว่า ไม่มีใครเข้ามาได้

สายตาของอเนกกับสิรี หันมามองพลางพยักหน้า ได้เวลาจับเป็นพ่อค้ายาบ้าน เพื่อยุติการยิงต่อสู้กันเสียที เพื่อลดการบาดเจ็บและสูญเสียเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดูจากที่ต่อสู้ไปเกือบครึ่งชม. รถตำรวจพรุนไปหมดทุกคันแล้ว

"หยุดนะ! เจ้าหน้าที่ตำรวจล้อมไว้หมดแล้ว ยอมมอบตัวซะ!!!" สิรียืนออกไปปรากฏตัวด้วยร่างกายสะโอดสะองทะมัดทะแมง ปืนในมือทั้งสอง จ่อไปที่พวกมันทั้งหมด ในขณะที่อเนกเดินออกมาจ่อพวกมันจากด้านหลัง ไม่ห่างจากสิรี ปืนกดในมือพร้อมทำงานได้ตลอดเวลา

เหล่าพ่อค้ายาบ้าซึ่งคิดว่ามีแค่สิบคน ดันมีคนเดินมาเพิ่มอีกสิบคนจากด้านหลังพวกเขาทั้งสอง ทำให้อเนกต้องหันไปมองว่า มีใครมาสมทบ นึกว่าพวกเดียวกัน ที่ไหนได้…… มันไม่ได้มีแค่สิบหน้าตรงหน้า แต่มีข้างหลังอีกเป็นสิบ…

"โดนรุมขนาดนี้ รับมือไหวมั๊ย?" อเนกเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่า เข้ามาโดนรุมกินบุฟเฟ่ต์แบบนี้รึเปล่า ก่อนเข้ามาไม่ทันได้คิดตั้งตัวว่าจะเจอแบบนี้

"โครงการคนละครึ่งเลยมั๊ยล่ะ?" สิรีบอกอย่างระแวดระวัง เพราะเธอเห็นว่าพวกมันมากกว่าเป็นเท่าตัว

"ชวนมันดวลต่อสู้ ดีกว่าใช้ปืน ดีกว่าม้๊ย?" อเนกเสนอว่า พวกมันน่าจะเล่นแฟร์ๆ กับพวกเขาบ้าง…

"มันเล่นไม่แฟร์ด้วยน่ะสิ หาที่กำบัง!!!" สิรีเห็นว่า พวกพ่อค้ายาบ้าคงชอบเล่นยิงปืนมากกว่าต่อสู้ด้วยมือ ที่หลบกระสุนน่าจะเหมาะ ภายในคฤหาสน์มีมุมที่ซ่อน และยังมีจุดหลบกระสุนมากมาย เธอจึงวิ่งฝ่าเตะต่อยหลบการยิงอย่างบ้าคลั่ง พร้อมลากอเนกมาด้วยกันกับเธอ ผลักกันยิงป้องกันพร้อมต่อสู้เพียงสองคน ถ่วงเวลาจนกว่าตำรวจด้านนอกจะบุกเข้ามาเยอะๆ ช่วยพวกเธอบ้าง

"ภารกิจเข้ามาฆ่าตัวตายชัดๆ คิดได้ไง… เข้ามาข้างหลังหวังจับง่ายๆ!!!" สิรีบ่นระหว่างที่กระสุนในมือเริ่มหมดลงไปทีละรังเพลิง

"ประจันหน้าแบบโง่ๆ มันคงยอมมอบตัวอยู่หรอก ใครจะไปคิดว่า มันยังมีพวกสำรองอยู่เป็นฝูง!!!" อเนกบ่นตอบระหว่างโยนปืนกลออโต้30+1ทิ้งข้างตัว พร้อมหยิบปืนสั้นพกกระบอกสุดท้าย ตัดสินชะตาตอนนี้

เสียงห่ากระสุนดังจากภายใน แทนที่จะยิงตอบโต้ออกมาด้านนอก พวกนั้นหยุดยิง แต่กลับยิงระรัวจากภายใน ทำให้ตำรวจด้านนอกคฤหาสน์ค่อยๆ พยายามบุกเข้าไปอย่างระมัดระวัง จะโดนโจมตีจากภายในอีก

ห่ากระสุนรุมยิงจากเหล่าพ่อค้ายาบ้า ยังพยายามต่อสู้กับตำรวจสองคนที่แอบบุกเข้าไปภายใน พวกเขาพยายามฆ่าตำรวจโดยเจตนา เพื่อหาทางหนีออกจาคฤหาสน์ ฐานที่มั่นของพวกเขา

"ฆ่ามัน อย่าให้มันรอดไปได้ แกไปเตรียมรถได้แล้ว เราจะรีบหนีออกไปตามแผน!!!" พวกมันกำลังหาทางฆ่าสิรีกับอเนก พร้อมหาทางหนีเอาตัวรอด

"พร้อมนะ!!!" อเนกคิดว่า จะไม่ยอมให้มันหนีไปได้ เขากับสิรีอาจจะต้องตายในรังโจรจริงๆ ก็งานนี้ เพราะด้านนอก มีแต่พวกขี้ขลาดไม่กล้าบุกซะที หลบหลังรถตำรวจอยู่ได้

"เฮ้ย!!! บุกบ้าๆ มันก็รุมยิงเป็นรูกันพอดี นายมีลูกมีเมียแล้วนะ!!!" สิรีกำลังย้ำเตือนว่า อเนกไม่ได้ตัวคนเดียวแล้ว มีแต่เธอที่ยังไม่ได้แต่งงาน เพราะสนุกกับงานตื่นเต้นแบบนี้อยู่ มันก็ตื่นเต้นหัวใจเต้นแรงอยู่หรอก แต่เรื่องคู่ครอง เธอไม่เคยคิดสักที เพราะดันเจอผู้ชายน่าเบื่อมากมายหลายคน ไม่ได้ทำให้ใจเต้นแรงเท่างานภาคสนามแบบนี้อีกแล้ว

"ไม่ยอมให้มันฆ่าตายโดยไม่สู้ว่ะ พร้อมลุยรึยัง?" อเนกยังไม่มีทีท่ายอมแพ้ แม้ว่าสิรีจะเตือนเรื่องครอบครัวแล้วก็ตาม เขายังทำภารกิจราวกับฆ่าตัวตายต่อไป โดยมีสิรีเป็นแบ็คอัพ

"เป็นไงเป็นกันก็ได้วะ!!!" สิรีเห็นว่า อยู่ดีๆ ใจเหี้ยมพร้อมสู้ก็มา เมื่อเห็นหน้าเพื่อนมั่นใจว่า พวกเขาทั้งสองคนจะไม่ตาย…

สักพักที่อเนกกับสิรีพร้อมออกไปลุยพร้อมกัน พวกพ่อค้ายาบ้า หยุดยิงเพื่อดูหน้าตำรวจที่ออกมาจากที่ซ่อนอย่างชัดๆ เป็นจังหวะเดียวกับ ตำรวจจากด้านหน้า บุกเข้ามาพังประตูเพื่อชาร์จเข้ามาจับกุมเหล่าโจรทั้งหมด ถูกควบคุมในทันใด… แต่ยังมีเสียงปืนดังสนั่น เจ้าหน้าที่ตำรวจถูกยิงบาดเจ็บไปทีละนายสองนาย ทำให้พวกโจรทั้งหมดต้องหลบหนี

ส่วนหัวหน้าพ่อค้ายาบ้ารีบหาทางดิ้นหลุดจากการจับกุม จึงวิ่งออกมาฝ่ากระสุน โดนพวกเดียวกันยิงบาดเจ็บ และพวกเขาก็ถูกกระสุนแบบมั่วๆ ทั้งเจ็บทั้งร่วง รวมไปถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย สิรีลากอเนกมาหลบ เพราะเห็นว่าเขายิงสู้ไม่ถอย แต่ถ้าไม่หลบมีหวังเจอกระสุนเจาะกบาลพอดี

เมื่ออเนกถูกลากมาหลบ ชายหนุ่มเหนื่อยหอบกับการต่อสู้ และนั่งนิ่งอยู่กับพื้น โดยมีสิรียิงต่อสู้ปกป้องเพื่อน และเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมกับสกัดมิให้โจรพ่อค้ายาบ้าหลบหนี เธอไม่ยอมให้มันเผ่นไปง่ายๆ จนกระทั่งตำรวจล้อมไว้หมดแล้ว ตัวรถของพ่อค้ายาบ้า พยายามขับฝ่าออกมา เจอกับเหล่ารถตำรวจจอดดึงเบรกมือ ดักเอาไว้มิให้ฝ่าออกไป

พวกเขาจับพ่อค้ายาบ้าได้เป็นผลสำเร็จ สิรีเริ่มหยุดยิง นั่งอยู่ข้างๆ อเนก เพราะพวกเขารู้สึกโชคดีที่ยังไม่ตายในหน้าที่วันนี้…

"โดนยิงตรงไหนรึเปล่า?" อเนกถามด้วยน้ำเสียงนิ่มเบาลง ทำให้สิรีต้องหันไปมองข้างๆ ว่าเขาถามแบบนี้เสียงมันชักจะแปลกๆ

"ไม่ นายโดนยิงหรอ? ขอดูหน่อย!!!" สิรีเห็นว่าท่าจะไม่ดี รีบลุกไปดูอเนกรอบๆ ตัว เขาโดนยิงสีข้างต่ำกว่าชายโครงเสื้อเกราะกันกระสุน ไม่โดนจุดสำคัญ แต่เลือดออกไม่หยุด จนสิรีต้องขอกำลังเจ้าหน้าที่พาเขาไปร.พ.

"มีเจ้าหน้าที่ถูกยิงๆ รีบเข้ามาช่วยพาเขาออกไปที!!!" สิรีตะโกนบอกให้ทุกๆ คนมาช่วยอเนกก่อนที่เขาจะช็อคเพราะเสียเลือด

"ไม่ตายง่ายๆ หรอกโว้ย!!! อยากกลับบ้านไปกอดลูกเมียอยู่" อเนกพยายามคุยกับสิรี เพื่อไม่ให้ตัวเองสลบหรือหลับไป หน้าเขาเริ่มซีด และสิรีกับเจ้าหน้าที่ปฐมพยาบาล เข้ามาช่วยเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายนายขึ้นเปล เพื่อช่วยชีวิตทีละนายทั้งหมด..

"เออ!!! เจ็บขนาดนี้ก็ควรจะเลิกบุกบุ่มบ่ามบ้างนะ" สิรีบอก เพราะเห็นว่าเขามีสภาพไม่เต็มร้อย ระหว่างเจ้าหน้าที่ปฐมพยาบาลกำลังพาเขานอนอยู่ในเปลเข็นออกจากพื้นที่เกิดเหตุ เต็มไปด้วยปลอกกระสุนเรี่ยราดกระจัดกระจายเต็มพื้นไปหมด

"ก็น่าจะพักสักระยะหนึ่ง แล้วเจอใครที่ทำให้ใจเต้นแรง นอกจากภารกิจรึยังล่ะ?" อเนกถามกลับ เพราะไม่เห็นว่าสิรีจะสนใจเรื่องคบหาดูใจใครสักคน เขารู้จักเธอดีว่า ยังไม่มีผู้ชายคนไหนทำให้ใจเธอเต้นได้แรงกว่ากระสุนกับภารกิจหน้าที่

"เจ็บขนาดนี้ ยังจะมีหน้ามาถามอีก!!! แล้วเจอกันที่ร.พ.นะ!" สิรีโบกมือ หลังจากประตูรถพยาบาลด้านหลังปิดสนิททั้งสองด้าน เห็นอเนกยกนิ้วโป้งขึ้นมาตอบเธอ แทนที่จะโยกหัวขึ้นมาตอบ เขาสวมหน้ากากออกซิเจน นอนอยู่ในรถพยาบาลฉุกเฉินแล้ว

หญิงสาวท้าวสะเอว แล้วมองดูรอบๆ พื้นที่ มีแต่ความวินาศสันตะโร ของการบุกจับอุกอาจ ที่ทำให้มีคนเจ็บและคนตาย แต่อย่างน้อยก็ได้ตัวพ่อค้ายาบ้า ตัวเป็นๆ

******

เสียงตบเท้ารองเท้าผ้าใบดังเป็นจังหวะระหว่างก้าวเดิน หลังจากกระโดดลงจากรถโดยสาร สิรีไม่ได้ซื้อรถเอาไว้ขับใช้เอง เพราะเนื่องจากเธออยากนั่งสบายๆ กลับมาบ้าน ไม่ได้อยากซื้อรถมาอวดกับใคร หรือขับกลับมาบ้านเองหรอก ถ้าถนนถูกปรับปรุงไม่มีลูกรังเมื่อไหร่ เธออาจจะเริ่มอยากซื้อตอนแม่แก่ผมหงอกเลิกทำนาตอนนั้น

เสียงหมาเห่ามาแต่ไกล วิ่งด้วยความเร็วสูงเพื่อออกมาต้อนรับสิรีกลับบ้าน มันเป็นหมาสีน้ำตาล และสีดำสองตัว พวกมันทั้งสองตัวเคยเป็นหมาจร ตอนนี้ก้เริ่มมีอายุ เพราะอยู่เป็นเพื่อนแม่ของสิรีมาเกือบจะสิบปี

"ไอ้ดำ!!! ไอ้ตาล!!! วิ่งลิ้นห้อยมาเชียว เก่งมากเด็กๆ!!!" สิรียิ้มแย้มร่าเริง เมื่อพบลูกน้องทั้งสองตัววิ่งมาหาด้วยความดีใจ เจ้านายของมันเดินทางกลับมาบ้านแล้ว หลังจากห่างหายไปหลายเดือน แม้จะไม่ได้ยินเสียงหรือพบกัน เจ้าหมาสองตัวยังจำเสียงรองเท้าการเดินของสิรีได้แม่นยำทีเดียว

สองมือบางกร้านปืนในหน้าที่ ลูบหัวหมาใหญ่ทั้งสองตัวด้วยความคิดถึง ราวกับเป็นลูกน้อยที่ไม่ได้พบกันเสียนาน เป็นสิ่งแรกที่ได้เจอแล้วมีความสุขใจชื่นมาหน่อยแล้ว แต่เพียงแค่เห็นหน้าบ้าน เริ่มจะใจห่อลงมา เพราะรู้ว่าเจอหน้าแม่แล้วจะต้องทำไงต่อไป….

"กลับมาบ้านเสียทีนะ สิรี!!! เมื่อไหร่จะลาออกจากงานตำรวจบ้าๆ แล้วกลับมาช่วยแม่ทำไร่ทำนาบ้าง ดูสิ ห้าวจนจะเป็นผู้ชายอยู่แล้ว เมื่อไหร่จะออกเรือน แต่งงานมีผัวเป็นตัวเป็นตนเสียที!!!" โสภา แม่ของสิรี มีอาชีพทำไร่ทำนา มาตั้งแต่ปู่ย่าตาทวด เคยถูกคลุงถุงชน เพื่อแต่งงานกับพ่อของสิรี

ครอบครัวทางพ่อของสิรี เขาเป็นเจ้าของผืนนาที่ใหญ่ที่สุดในตำบลนี้ เพื่อมีผืนนาใหญ่ขึ้นกับเพื่อนบ้าน พ่อแม่ของโสภาจึงให้แต่งงานกับสุชาติ พ่อของสิรี ด้วยความเชื่อตามชุมชนว่า ทรัพย์สินจะใหญ่ขึ้น ครอบครัวจะอบอุ่น มีลูกเต็มบ้านมีหลานเต็มเมือง แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่ใช่เลย สิรีมองว่ามันคืองานใหญ่แห่งท้องทุ่งที่สวยงาม มีไว้ปลูกข้าวและเก็บเกี่ยวปีละสองถึงสามครั้ง เธอคงนอนเฉาตายที่นี่แน่ๆ เธอคงไม่ได้ใช้ชีวิต หรือสนุกตื่นเต้นก่อนออกเรือนแน่ๆ

"ก็กลับมาบ้านแล้วนี่ไง ขอกอดแม่หน่อย คิดถึ๊งงงงง" สิรีวางกระเป๋าพลางเดินเข้าไปสวมกอดแม่ ถึงจะรู้ว่าบ่นยังไง เธอก็ยังอยากกอดแม่ที่มีอายุคนนี้อยู่ดี

"ไอ้ลูกบ้า!!! ไปกอดพ่อแกโน้น ออกไปหว่านข้าวคนเดียวกลางแดด ไม่รู้จักจำเลยว่ามีอายุเพิ่มแล้ว มันไม่เหมือนเดิมตอนเป็นหนุ่มๆ รีบไปช่วยพ่อแกหน่อยปะ!!! ทำให้พ่อแม่ชื่นใจบ้าง!!!" โสภาบ่นไม่มีที่เว้นว่างหายใจให้สิรีได้ตอนค้านสักนิด… หญิงสาวยิ้มหัวเราะที่แม่ยังเหมือนเดิม และพ่อก็ไม่เคยเปลี่ยน ในใจลึกๆ ของสิรีก็อดเป็นห่วงพ่อแม่ที่บ้านไม่ได้เลย ถึงต้องรีบเคลียร์งาน แล้วลากลับมาเยี่ยมที่บ้านบ้าง

"มาพ่อ!!! ลูกสาวคนเก่งของพ่อกลับมาช่วยงานที่บ้านแล้ว" สิรีรีบเข้ามาตะครุบถุงเมล็ด ช่วยสุชาติหว่านอย่างขยันขันแข็ง เพราะอยากให้งานเสร็จเร็วๆ พ่อจะได้พักผ่อนเสียที เย็นนี้อยากกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตา มันจะเป็นมื้ออาหารเย็นที่อร่อยที่สุด เท่าที่สิรีไม่ได้กินมานานแล้ว การกินข้าวคนเดียวมันก็สะดวกอยู่ แต่ความสุขที่แท้จริงคือกินข้าวกับครอบครัว…

"จะกลับมาทั้งที ไม่โทรบอกพ่อล่ะ จะได้ขับรถไปรับ" สุชาติยิ้มออก พลางลูบหัวลูกสาวด้วยความคิดถึง จากหน้าตาของเขาเหน็ดเหนื่อย ฝ่าแดดกลางทุ่งเมื่อสักครู่่ แปรเปลี่ยนเป็นสีหน้ายิ้มแย้มสดชื่นขึ้นมาทันที เมื่อพบลูกสาวคนเดียว เดินทางกลับมาจากเมืองกรุง คงลางานข้าราชการได้เสียที

ค่ำคืนนี้หลังตะวันลับฟ้า บรรยากาศที่ร้อนอบอ้าวเย็นตัวลง กลิ่นอายของพงหญ้าและแมกไม้ไกลๆ ลอยอวลมาตามอากาศปะทะกับร่างของหญิงสาวที่พึ่งอาบน้ำเสร็จ มีผ้าขนหนูพาดเรือนไหล่บาง พร้อมแป้งข้าวปะเป็นหย่อมๆ บนใบหน้า เธอคิดถึงบ้านนาที่แสนสุขมาหลายเดือน

"กินข้าวได้แล้ว สิรี… วันนี้แม่แกมีข้าวผักลวก น้ำพริกกะปิ ปลาทูทอด แล้วก็มีต้มยำปลาช่อน ของโปรดแกด้วย ไปเรียกพ่อมากินข้าวได้แล้ว!!!" โสภาร่ายยาวเช่นเดิมด้วยความเคยชิน พร้อมอาหารจานปกติตามชาวบ้านในชุมชน อยู่ง่ายกินง่าย ใช้ชีวิตเรียบง่าย ทำงานช่วงเช้ากับเย็น แล้วก็รอผลผลิตออกมา เพื่อตัดส่งขายขึ้นรถจำนวนหลายตัน

"คิดถึงกับข้าวฝีมือแม่จริงๆ" สิรีดีใจมากที่คิดถูก การพักผ่อนจากการทำงานหนักฝ่าดงกระสุน คือกลับมาเยี่ยมพ่อแม่ที่บ้านนี่แหละ อาหารก็อร่อยกว่าที่บ้านเดี่ยว เธอกำลังผ่อนอยู่ เพื่อว่าสักวันจะชวนพ่อแม่ไปอยู่สบายๆ โดยไม่ต้องมาทำไร่ทำนาให้เหนื่อยอีก เธอมีแผนว่าจะปล่อยที่นาให้เพื่อนบ้านเช่า เป็นรายได้โดยไม่ได้มาทำนาให้เหนื่อยอีก

"โอ้ ข้าวต้อนรับลูกกลับบ้าน วิวนี้อีกแล้ว!!!" สุชาติแซวโสภาตอนเดินเข้ามาในวงข้าว พร้อมหมาสองตัววิ่งมากระดิกหาง แลบลิ้นด้วยความหิว

"ข้าวเอ็งสองตัวอยู่ทางโน้น ไปกินข้าวเลย ไอ้ดำไอ้ตาล!!!" โสภาสั่งหมาก่อนจะตอบสามี ทำให้สิรีแอบขำเล็กๆ เพราะพ่อกับแม่ก็ยังเหมือนเดิม แต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือ ทุกๆ ครั้งที่กลับมาบ้าน พ่อแม่มีแต่จะแก่ขึ้นทุกวัน

"เห็นหมาสำคัญกว่าผัวทุกที" สุชาติตอบแอบเหน็บ แต่เป็นเรื่องปกติที่โสภาจะคุยกับหมาแทนลูก เพราะสิรีไม่อยู่บ้านหลายเดือน มีบ้างที่คิดถึงลูก แต่คุยกับหมาแทน

"ไม่เอาน่าพ่อ… กินข้าวเถอะ หอมๆ แบบนี้หนูจะกินข้าวให้หมดหม้อเลย" สิรียิ้มแย้มคุยกับพ่อแม่อย่างมีความสุข ทำให้พ่อแม่อยากจะทักเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ของลูกสาว

"กินเยอะขนาดนั้น ถ้าอ้วนจนทำงานต่อไม่ได้ ลาออกมาแต่งงาน ออกเรือนมีลูกเสียทีเถอะนะ สิรี… เอ็งไม่ได้หน้าตาน่าเกลียดขนาดผู้ชายเห็นแล้วไม่สนใจ มีลูกชายกำนัน กับลูกชายผู้ใหญ่บ้าน พึ่งจะเรียนจบมหาวิทยาลัย ทำไมเอ็งไม่ลองคบหาดูใจ หรือหมั้นหมายกับใครให้เป็นเรื่องเป็นราวไปเลยล่ะ!!!" โสภาทักร่ายยาวเช่นเดิม ทำให้สิรีแทบสำลักน้ำพริกกะปิ เพราะผักลวกก็เริ่มจะติดคอ สิรีต้องหันไปหยิบน้ำแข็งในขันแช่เย็น ใส่น้ำดื่ม เติมหลอดสักอันแล้วดูดให้ชุ่มคอก่อนจะตอบแม่ ข้าวติดคอจนพูดไม่ออกเลยทีเดียว

"โอย… เกือบตาย!!! แม่จ๋า หนูอยากกินข้าวอร่อยๆ อย่าพึ่งพูดเรื่องออกเรือน หรือแต่งงานเลยนะ กินข้าวเถอะนะ กินข้าวๆ" สิรีขอให้โสภาเลิกคุยเรื่องนี้ เพราะเธอไม่ได้สนใจผู้ชายในหมู่บ้าน ที่ทั้งตำบล หมายปองเธอเพราะเห็นรูปถ่ายจากโสภา เที่ยวเอาไปอวดเพื่อนบ้านว่า ลูกสาวเธอยังไม่ได้ออกเรือน ราวกับเอาไปออกเบอร์ให้หนุ่มๆ มาสู่ขอ แต่สิรีใช้โอกาสสมัครงานเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และฝึกภาคปฏิบัติผ่าน จนได้ลงภาคสนาม เธอรู้สึกว่า ผู้ชายในหมู่บ้านไม่ได้ต้องตาต้องใจเธอเลย หญิงสาวอยากใช้ชีวิตท่องโลกเสียมากกว่า

"ดูลูกพ่อสิ ลูกเราไม่ยอมคุยกับฉันเรื่องนี้อีกแล้ว" โสภาแอบน้อยใจเมื่อลูกสาวเบี่ยงเบนเรื่องสำคัญ ไม่คุยกับเธอ จนทำให้มือนางต้องมาสนใจข้าวในจานสังกะสีแทน

"เดี๋ยวลูกมันเบื่องาน ก็กลับมาแต่งงานที่บ้านเองแหละ ผมเห็นคุณพูดเรื่องนี้กับลูกมาสิบกว่าปีได้แล้วมั๊ง ตั้งแต่มันเรียนจบประถม มันก็แอบหนีไปเรียนต่อจนจบปริญญาตรี แถมสอบติดตำรวจอีก ผมว่าลูกสาวเราเก่งกว่าผู้ชายในหมู่บ้านอีกนะ" สุชาติกล่าวชมลูกสาวคนเดียว ราวกับแอบชมตัวเองไปด้วย เพราะสิรีเหมือนสุชาติมาก

"ก็ใครล่ะ แอบส่งเงินให้มันไปเรียนจนจบ!!! แทนที่จะกลับบ้านมาอยู่กับแม่ แต่งงานมีหลานให้อุ้ม ดันไปทำงานเสี่ยงตาย ถ้าฉันมีลูกชายจะไม่อกแตกตายขนาดนี้เลยนะพ่อ!!!" โสภาเหลือบสายตามองผัวกำลังกินข้าว เธอก็บ่นไปจนเขาเกือบจะสำลัก สิรีรู้ว่าเธอไม่ค่อยทำให้แม่ชื่นใจเท่าใดนัก แต่เห็นแม่กับพ่อคุยกันแค่นี้ เธอก็สุขใจแล้ว เพียงแต่เรื่องคู่ครอง ยังไม่มีใครทำให้เธอใจเต้นแรงอยากมีแฟนเท่านั้นเอง

"แม่,พ่อ!!! ไอ้เรื่องออกเรือนอ่ะนะ ไม่ต้องห่วงมากนักหรอก ถึงเวลาหนูขึ้นคาน อย่างมากก็กลับมาดูแลพ่อแม่นะ แต่ถ้าหนูจะต้องตายอย่างโดดเดี่ยว หนูว่าจะนอนอยู่บ้านนี่แหละ ถ้าจะมีก็คือมีนะ ถ้ามันจะขึ้นคาน ก็อย่าคิดว่าขายหน้าเลยนะคะ คุณโสภา…" สิรีแซวแมวกลับน้ำเสียงอารมณ์ แต่ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้โสภาโกรธ เธอจึงทิ้งช้อนลงจานสังกะสี รู้สึกผิดหวังที่ลูกสาวตนไม่คิดจะทดแทนบุญคุณด้วยความตั้งใจดีของเธอเสียที

"เอ็งนี่!!! ทำแม่ขายหน้าเกือบจะทั้งหมู่บ้าน หน้าตาเอ็งก็ไม่ได้ขี้เหร่ ผมยาวสละสลวย ผิวพรรณก็นวลกว่าตอนอยู่บ้าน น่าจะมีผัวเป็นตัวเป็นตนได้แล้ว ใครต่อใครจะนึกว่า ลูกไม่ได้เป็นคนดีน่ะสิ ถึงไม่แต่งงานสักที…" โสภาบ่นจบ หันไปหยิบช้อนมาตักน้ำพริกช้อนใหญ่ กินกับข้าวให้มันหายช้ำใจ เพราะลูกสาวไม่ยอมแต่งงาน

"แม่ๆ หนูเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจนะจ๊ะ… หนูไม่ได้เป็นโจร… เป็นตำรวจแล้วทำงานเจอคนหมู่มาก หนูอาจจะโอกาสเจอผู้ชายทีดีๆ มากกว่าในหมู่บ้านนะจ๊ะ… แม่ไม่ต้องคิดมากเลยนะ…" สิรีพยายามปลอบใจ เพราะอยากให้อาหารค่ำมื้อนี้ อร่อยที่สุดกว่าทุกๆ ปี

"จริงอย่างที่มันว่าแหละแม่ บางที กลับมาบ้านครั้งหน้า มันอาจจะพาผัวกลับมาด้วย ลูกเรามันทั้งสวย ทั้งเก่ง มันก็ต้องมีผู้ชายที่เอามันอยู่แหละ กินข้าวให้สบายใจเถอะนะ แม่!!!" สุชาติรับลูกไม้ต่อจากลูกสาว ทำให้แววตาของโสภาหันมองพ่อลูก ปลอบใจแบบแท็กทีมโดยไม่ได้นัดหมาย

"เออ… เห็นพูดมาแบบนี้หลายปีแล้ว ไม่เอาลูกเขยมาฝากแม่สักทีเลยนะ… เอ็งจะปล่อยให้แม่แก่ตายก่อนได้อุ้มหลานรึไงนะ…" โสภาบ่นไม่เลิก ราวกับหายใจเรื่องนี้เป็นชีวิตจิตใจเลยก็ว่าได้

"แม่ๆ หนูจะอิ่มที่แม่คุยแทนกินข้าวนะ มันไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิตหรอกนะจ๊ะ… เชื่อหนูเถอะ… บางทีหนูก็อยากพาแม่เข้าเมืองนะ เผื่อแม่จะได้รู้ว่า ทำไมหนูไม่รีบแต่งงาน…" สิรีแนะนำ ทำให้สุชาติเห็นด้วยกับความคิดลูกสาว โสภาเริ่มจะอิ่มแทนกินข้าว เพราะบ่นไปดื่มน้ำไปมากกว่าจะตักน้ำพริกราดข้าว แกล้มผักต้มแทนซะมากกว่า

******

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel