หลอกข้ามิได้หรอก
หลิวซื่อเฟิงกำลังกระโดดลงไปเบื้องล่างเป็นอันต้องเบิกตาโตตกตะลึงก่อนเมื่อเห็นบุรุษในเครื่องแบบสีขาวสุภาพ ใบหน้าหน้าหล่อเหลานั้นยิ้มกว้างรอต้อนรับนางที่ยืนอยู่ข้างบน
“ข้ารู้จักหลานรักของฮองเต้เช่นคุณหนูมาตั้งกี่ปี หากมิปรับตัวป่านนี้ข้าคงโดนไล่ออกจากหน้าที่แล้วล่ะ....คุณหนูหลิวนี่ดื้อมิเคยเปลี่ยนนะขอรับ”
“ขะ ข้า ข้ามิได้ตั้งใจหลบหน้าท่านหมอนะเจ้าคะ เพียงแต่...นั่น นางกำนัลคนนั้นเป็นอะไรน่ะ”
“หลอกข้ามิได้หรอกคุณหนูใหญ่หลิว”
“ชิ!”
“ลงมาเถอะ คุณหนูร่างกายมิแข็งแรงขึ้นไปอยู่บนนั้นนานๆ เดี๋ยวจะป่วยไข้เอาได้”
“....”
“คุณหนู....หลิวซื่อเฟิงจะลงมาดีดีหรือให้ข้าขึ้นไปอุ้มเจ้าลงมา”
“....”
ให้ตายนางก็มิยอมไปกับเขาหรอก ดวงตาของหญิงสาวกวาดหาทางรอดอย่างรวดเร็ว ในขณะที่เห็นว่าบุรุษเบื้องล่างทำท่าจะกระโดดขึ้นมาจับตัวนางด้วยตนเองจังหวะนั้น หลิวซื่อเฟิงก็มิคิดอันใดให้มากความอีกต่อไป นางเลือกหันหลังกลับและกระโดดหนีไปยังฝั่งตรงข้าม
ตุ้บ!
“โอ๊ย!”
“เฮ้ย!”
“ท่านแม่ทัพหยาง!”
โชคร้ายสุดๆ คือบริเวณพื้นที่หลิวซื่อเฟิงกระโดดลงมาดันมีคนคู่หนึ่งเดินผ่านมาพอดี
และใช่....ร่างบางกระโดดลงมาทับเบาะรองมีชีวิตนั้นพอดี
ร่างนางทับลงไปบนอกแกร่งเต็มๆ ศีรษะน้อยโขกลงบนกล้มเนื้อแน่นจนเจ็บระบม
พอนางตั้งสติได้จึงเงยหน้าดูว่าตนเองทับสิ่งใดอยู่ไยจึงแข็งอันใดเช่นนี้
คนบ้าที่ไหน เนื้อตัวมิมีไขมันบ้างเลยหรืออย่างไรกัน
เมื่อกี้เห็นแวบๆ ว่าตกทับคนไยจึงได้เจ็บมิต่างอันใดกับตกลงไปบนพื้นกัน
มือน้อยยกขึ้นมาลูบหัวที่น่าจะปูดโนขณะเงยมองหน้าบุรุษที่นางนอนทับอยู่
“....” บุรุษผู้โชคร้าย
“....” หลิวซื่อเฟิง
บุรุษใต้ร่างบางสวมใส่ชุดดำทมิฬทั้งชุดให้ความรู้สึกน่าเกรงขามมิน่าเข้าใกล้ผนวกกับใบหน้างดงามคมคายแต่ระหว่างคิ้วกำลังขมวดเข้าหากัน ดวงตาสีดำสนิทประกายเย็นชาจนหนาวเหน็บไปถึงกระดูกนั้นยิ่งทำให้คนมองไม่อยากเข้าใกล้
“จะลุกขึ้นไปได้หรือยัง”
รังสีแห่งอำนาจอันหายากแผ่ออกมาจากร่างของคนพูด
หลิวซื่อเฟิงเผลอตัวสั่นด้วยความกลัวก่อนรีบดันตัวเองลุกขึ้นจากร่างใหญ่ นางยืนปัดเนื้อปัดตัวขณะถอยหลังออกมาให้ห่างจากบุรุษหน้าดุดันเบื้องหน้า
“ใครอยากเข้าใกล้กันเล่า”
หญิงสาวบ่นพึมพำให้ได้ยินแค่ตัวเอง
“เจ้ากล่าวว่าอย่างไรนะ” สายตาคนหูดีวาววับราวกับมีประกายไฟ
“อะ เอ่อ ท่านแม่ทัพขอรับ อย่ามีเรื่องเลยขอรับ”
บุรุษอีกคนที่ยืนห่างออกไป บนหน้าผากมีเหงื่อกาฬแตกพลั่กจนไหลรินเป็นทาง เดินเข้ามาขวางข้างหน้าหัวหน้าตนเองราวกับกลัวว่าเขาจะกระโดดมากัดคอนางอย่างนั้น
“คุณหนูใหญ่หลิว เจ้ามิได้ตกลงไปใช่หรือไม่....เป็นอย่างไรบ้าง”
เสียงของท่านหมอหลวงจากอีกฝั่งหนึ่งของเรือนที่นางหนีมาดังขึ้นเรียกความสนใจของหลิวซื่อเฟิงทำให้นึกขึ้นได้ว่าตนเองไม่มีเวลามาต่อล้อต่อเถียงกับใครทั้งนั้น
“ขออภัยเจ้าค่ะ ข้าต้องไปแล้ว”
ไม่รอให้อีกฝ่ายเอ่ยตอบรับคำขอโทษดีร่างบางก็ผุดลุกขึ้นวิ่งจากไปอย่างรวดเร็ว
“....”
“....”
ความเงียบเข้าครอบคลุมทั่วบริเวณอีกหนจนหนึ่งในบุรุษที่ยืนมองร่างบางวิ่งหายไปจากสายตาเอ่ยทำลายความเงียบน่าอึดอัดนี้
“เอ่อ ท่านแม่ทัพหยางจะไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้เลยหรือไม่ขอรับ”
“นางคือผู้ใด นางกำนัลของวังรึ”
“เหมือนจะเป็นคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลท่านแม่ทัพอาวุโสหลิวอีม่านขอรับ ข้าน้อยได้ยินมาว่านางถูกอุปการะโดยฮองเฮาให้เข้ามาเรียนรู้วิชาต่างๆในวังตั้งแต่มารดาคุณหนูใหญ่เสียชีวิตลงด้วยฝีมือกองโจรป่าขอรับ นางเข้ามาเป็นกำนัลชั้นสูงในพระตำหนักคุนหนิงกงก็จริงทว่าเห็นเขาลือกันว่านางเปรียบเสมือนเป็นพระราชนัดดาคนโปรดของทั้งฮองเฮาและฮ่องเต้คนหนึ่งที่ทั้งสองพระองค์ใส่ใจและตามใจหนักมากขอรับ ข้าน้อยจึงเอ่ยเตือนมิอยากให้ท่านแม่ทัพทำอันใดนาง”
“เจ้าคิดว่าข้าเป็นคนชื่นชอบทำร้ายสตรีอย่างนั้นรึ...เฟยหลง”
“มิใช่เช่นนั้นสิขอรับเพียงแต่...”
ลูกน้องเช่นเขารู้ดีว่าหัวหน้าของตนเองผู้นี้มิใช่คนที่ไม่ให้เกียรติสตรีทว่าด้วยความที่ท่านแม่ทัพนายของตนคลุกคลีอยู่กับสนามรบมาตั้งแต่เล็กดังนั้นจึงมีนิสัยป่าเถื่อนรุนแรง ความอ่อนโยนนั้นคืออันใดมิรู้ว่าหัวหน้าตนเองรู้จักหรือไม่น่ะสิ
มีอยู่หนหนึ่งขณะที่ท่านแม่ทัพเดินตรวจตราอยู่ในตลาดของเมืองแถบชายแดน วันนั้นดันมีสตรีชาวบ้านบังเอิญมาสะดุดล้มใส่พอเหมาะพอเจาะหัวหน้าตนเอง คงเพราะไม่เคยเข้าใกล้หรือเกี่ยวข้องกับสตรีใดมาก่อนกระมังจึงออกแรงผลักทีหนึ่งเหมือนออกแรงผลักบุรุษตัวโตทำให้สตรีชาวบ้านผู้นั้นกระเด็นปลิวไปยังอีกฝั่งของถนน
เป็นอันว่าบาดเจ็บยิ่งกว่าหกล้มหน้าคะมำลงบนพื้นถนนอีกกระมัง
“....เพียงแต่เกรงว่าท่านแม่ทัพหยางจะคาดคะเนแรงผิดกับสตรีต่างหากขอรับ”
“หึ เจ้ามิเห็นหรือว่ากริยานางมิเหมือนสตรีเลยสักนิด หากนางมิได้กำลังสวมชุดกระโปรงอยู่ ข้าคงคิดว่าเป็นเด็กชายม้าดีดกะโหลกที่ไหนมาวิ่งเล่นมิดูทางในวังหลวงแล้วด้วยซ้ำ”
“โถ่ ท่านแม่ทัพ ได้โปรดระวังคำพูดด้วยขอรับ อย่างไรนางก็นับเป็นหลานรักของฮ่องเต้เชียวนะขอรับ ถึงแม้มารยาทจะต่างจากสตรีในวังหลวงไปเสียบ้าง ทว่านางก็นับเป็นสาวงามผู้หนึ่งนะขอรับ ท่านแม่ทัพมิคิดเช่นนั้นหรือ”
“งดงามแล้วอย่างไร หากดื้อซนเช่นนี้....ข้าล่ะสงสารว่าที่สามีในอนาคตของนางยิ่งนัก...ไป พวกเราไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้กันเถอะ จะได้กลับไปพักผ่อนที่จวนเสียที”
“ขอรับ”