บท
ตั้งค่า

6

สิ่งที่ไม่คาดคิด

วันนี้ไป๋ซูเฟยเรียกสนมทุกลำดับขั้นเข้าประชุม เห็นว่าเนื้อความวันนี้เกี่ยวข้องกับสนมสองพระองค์ที่สิ้นพระชนม์เนื่องจากผีสนมฆ่าตัวตายที่สิงในตำหนักข้างๆของตำหนักของเจียวจิน

นับจากวันที่นางเข้าเฝ้าฝ่าบาทก็ผ่านมาเพียงวันเดียวเท่านั้น ยังไม่ถึงกำหนดให้เจียวจินต้องย้ายไปพักที่อื่นตามที่ไป๋ซูเฟยรับสั่ง

สนมขั้นล่างและชั้นสูงมาถึงก่อนเวลาอย่างที่ควรเป็น ตามด้วยพระสนมชั้นเอกและพระชายาหนึ่งเดียวอย่างไป๋ซูเฟยที่เสด็จติดตามพร้อมไทเฮา และฮ่องเต้

...คาดไม่ถึงว่าฝ่าบาทจะเสด็จมาร่วมวันนี้ด้วย

“อาจินเจ้าเก็บของเตรียมย้ายตำหนักหมดหรือยัง?”

เป็นลี่อิ่งเอ่ยถามเสียงเบา น้ำเสียงของนางดูตื่นเต้นต่างจากคนต้องย้ายสิ้นเชิง

เจียวจินค่อนข้างมั่นใจว่าเบาะแสที่นางให้แก่หัวองครักษ์ซ่งไปถูกทาง หลังจากเฮยเอ๋อร์ฟื้นกงกงได้มาพามันไปช่วยชี้ตัวแต่ผลเป็นอย่างไรนั้นเจียวจินไม่มีสิทธิ์รับรู้ นางร้อนใจแต่ก็ไม่สามารถขัดรับสั่งของฮ่องเต้ขอเฮยเอ๋อร์คืนมาได้ จนตอนนี้มันเป็นอย่างไรไม่แน่ชัดเลย

“ข้าไม่รีบหรอก ของส่วนตัวมีไม่มาก ไม่แน่อาจไม่ต้องย้ายไปไหนก็เป็นได้”

ลี่อิ่งหันมองด้วยสีหน้าสงสัย แต่ก่อนนางจะได้เอ่ยถามมาตัวละครหลักในวันนี้อย่างไป๋ซูเฟยก็เริ่มดำเนินการเสียก่อนแล้ว

“หลังจากวันที่ไทเฮาทรงประทานความไว้วางพระทัยให้ข้าเป็นผู้สืบความเป็นมาเรื่องนี้ วันนี้ได้ข้อสรุปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงเชิญพี่น้องทุกท่านมาฟังในวันนี้...”

เจียวจินนั่งรอฟังนิ่ง ตามจริงเรื่องการตายของสนมทั้งสามคนเต็มไปด้วยเงื่อนงำมากมาย และเกี่ยวโยงถึงความมั่นคงของราชวงศ์ด้วยซ้ำ

“นำตัวอี้เจาหรงออกมา”

ขันทีสองนายพยุงสตรีนางหนึ่งที่มีน้ำตานองหน้าเข้ามาจากประตูทางเข้า พร้อมเบื้องหลังเป็นทหารองครักษ์นำนางกำนัลของสนมนางนั้นตามมาด้วย ตัวละครใหม่สามคนถูกคุมตัวไว้กลางโถง

“ฝ่าบาทหม่อมฉันไม่ได้ทำจริงๆนะเพคะ หม่อมฉันไม่รู้เรื่องอันใดทั้งสิ้น ฮือๆ”

ไป๋ซูเฟยลุกจากที่นั่งเดินมายืนต่อหน้านาง

“ก่อนฉางจ้ายฆ่าตัวตาย มีพยานหลายคนรู้เห็นว่าอี้เจาหรงมีปากเสียงกับนางอย่างรุนแรงมิใช่หรือ อีกทั้งก่อนหน้าเจ้าก็ใช้ความที่ตนมีขั้นสูงกว่ากลั่นแกล้งฉางจ้ายนางนั้นจนตัดสินใจปลิดชีพตนเองในที่สุด หลังจากวันตายก็เป็นอี้เจาหรงอีกที่ให้บ่าวรับใช้ของตนนำยาพิษไปใส่ในอาหารเพื่อฆ่าปิดปากนางกำนัลของฉางจ้ายผู้นี้อีก เรื่องพวกนี้นางกำนัลของเจ้าสารภาพผิดหมดแล้ว...”

อ่อ ที่แท้ก็ใช้พยานบุคคลนี่เอง หากยึดเพียงพยานบุคคลคนนั้นตามหลักแล้วเชื่อได้เพียงครึ่งเดียวเท่านั้นต้องมีหลักฐานชนิดอื่นด้วย มิเช่นนั้นหากคนมาเป็นพยานถูกจ้างมาโกหกก็ได้น่ะสิ

“ฮือ เราทะเลาะกันจริงแต่นางจะฆ่าตัวตายเพราะหม่อมฉันก็ไม่เห็นเกี่ยวเลยเพคะ อย่างไรก็ไม่ใช่แค่หม่อมฉันเสียหน่อยที่รังแกนาง พระสนมคนอื่นตั้งมากมายพระองค์ไยกล่าวหาว่าเป็นหม่อมฉันได้!”

“เพราะนอกจากนั้นก็เป็นเจ้าอีกที่สร้างเรื่องหลอกลวงว่าฉางจ้ายกลายเป็นผีมาหลอกสนมจนตายน่ะสิ แต่แท้จริงแล้วเจ้าเองคือคนจัดฉากเหล่าพระสนมที่ตาย ด้วยพิษชนิดนี้ที่พบที่ห้องเจ้าใช่หรือไม่?!”

ถุงปักสีทองถูกโยนลงบนพื้นต่อหน้าสนมที่กำลังถูกชี้ตัวว่าคือต้นเรื่องทั้งหมด สีหน้าฉงนและตื่นตกใจของนางสมจริงจนเจียวจินคิดว่านางคิดเช่นนั้นจริงเลยล่ะ

...ถุงปักนี้เป็นแบบเดียวกับที่เจ้าเฮยเอ๋อร์เจอ!

แต่เหมือนว่าของข้างในจะไม่ใช่สิ่งเดียวกัน เพราะยามอี้เจาหรงจับขึ้นมานั้นดูเบาอย่างกับข้างในเป็นสมุนไพรที่เป็นกิ่งหรือใบแห้งๆมากกว่า

“นี่ถุงปักของข้าจริงแต่สิ่งของในนั้นข้าไม่เคยเห็นมาก่อน ฝ่าบาทหม่อมฉันไม่ได้ทำนะเพคะ ทรงช่วยหม่อมฉันด้วยเพคะ หม่อมฉันมะ...อื้อ...”

เมื่ออี้เจาหรงเสียสติจนทำท่าจะวิ่งไปหาฮ่องเต้จึงถูกทหารองครักษ์จับไว้และปิดปากในที่สุด นางถูกไป๋ซูเฟยสั่งให้นำออกไปและเจ้าตัวค่อยหันมาคำนับทางฝั่งที่ไทเฮาแค่ฮ่องเต้ประทับอยู่

“หม่อมฉันมีความสามารถเพียงเท่านี้ หากทั้งสองพระองค์มีข้อชี้แนะอันใดโปรดชี้แนะหม่อมฉันด้วยเพคะ”

ไทเฮายิ้มเหยียดตรงอย่างพึงพอใจ นางเว้นจังหวะให้ฮ่องเต้ไอรสของนางกล่าวแต่กลับได้รับแต่ความเงียบงัน จึงเป็นฝ่ายทำลายบรรยากาศอึกอัดนานเองเสียเลย

“ดีดี ในที่สุดคนผิดก็ได้รับผิดแล้ว ข้าเองก็สบายใจ ไป๋ซูเฟยเจ้าทำได้ดีแล้ว”

เมื่อผู้นำฝ่ายสตรีอย่างไทเฮาเอ่ยชม ฝ่ายสตรีทั้งหลายก็ต่างผลัดกันเอ่ยชื่นชมไม่ขาดสาย

ทว่าสำหรับเจียวจินนั้นในใจมีสิ่งที่อยากพูดมากมายเป็นหมื่นล้านคำ นับจากชาติที่แล้วจวบจนชาตินี้นางยังไม่เคยเห็นการตัดสินคดีที่ใดแย่กว่าครั้งนี้เลย!

หลักฐานที่จะมาชี้ตัวว่าอี้เจาหรงคือคนผิดหละหลวมยิ่ง แต่ที่เจียวจินไม่เอ่ยค้านเป็นเพราะนางรู้ดีว่านางยังมองออก มีหรือทั้งหัวหน้าองครักษ์ซ่งและฮ่องเต้เองที่รู้เรื่องพอๆกับนางจะดูไม่ออก

ความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่งก็คือพวกเขาไม่เชื่อที่เจียวจินพูดอย่างนั้นหรือ?

หากนางยึดถือแต่ความถูกต้องเอ่ยแย้งไปแล้วฮ่องเต้ที่ได้หลักฐานจากนางไปทุกอย่างไม่คล้อยตามด้วย อาจกลายเป็นเจียว

จินเองที่ต้องถูกทำโทษได้

ทว่าการมองเห็นความไม่ยุติธรรมแต่มิอาจช่วยแถลงไขได้นั้นมันกวนใจนางมากเกินไปเสียแล้ว ฉะนั้นในระหว่างที่ผู้สูงศักดิ์ทั้งหลายเดินออกจากโถงไปนั้นเจียวจินก็หาโอกาสปลีกตัวไปดึงหัวหน้าองครักษ์ซ่งไว้ ลากเขาออกไปคุยยังที่ห่างผู้คนเล็กน้อย

“เรื่องนี้ทะ...”

ยังไม่ทันที่เจียวจินจะเอ่ยถามก็ถูกหัวซ่งหวงลู่เอ่ยดักเสียงเข้มและใบหน้านิ่งก่อนแล้ว

“เรื่องนี้ขอให้เจียวกุ้ยเหรินเฉยไว้เถิด บางเรื่องก็ไม่จำเป็นต้องเข้ามายุ่งทุกเรื่องจะเป็นการดีกว่านะพะยะค่ะ”

อา คำเอ่ยเตือนของซ่งหวงลู่ทำให้เจียวจินได้สติขึ้นมาบ้างแล้ว

...หนึ่งปีที่ผ่านมานางคงปล่อยกายปล่อยใจใช้ชีวิตสบายเกินไป จนลืมไปว่าสถานที่นางอยู่นี้มีความซับซ้อนและอันตรายเสียยิ่งกว่าอาศัยในป่าลึก เพราะสิ่งที่ต้องเผชิญคือแผนการของมนุษย์ไม่ใช่เพียงสัตว์ป่าที่อาศัยเพียงสัญชาตญาณเพื่อให้ตนมีชีวิตรอด

จิตใจมนุษย์ยากแท้หยั่งถึงยิ่งนัก

โดยเฉพาะมนุษย์ที่เป็นถึง ผู้ปกครองแคว้น ผู้ปกครองผู้คนนับล้าน เฉกเช่น ฮ่องเต้

บทสรุปในวันนี้อาจมีจุดประสงค์มากกว่าที่เห็นก็เป็นได้...

เช้าวันต่อมา...

วันนี้เจียวจินตื่นสายกว่าปกติมากเพราะนางเก็บเอาเรื่องเมื่อวานไปคิดวนไปมาตลอดคืน นอนไม่หลับเสียที จนร่างกายอ่อนเพลียและคล้อยหลับไปตอนเกือบเช้าของวันใหม่แล้ว ตามจริงร่างกายของนางก็ยังไม่ตื่นหรอก แต่เพราะเสียงโหวกเหวกโวยวายหน้าตำหนักผสมกับเสียงเคาะประตูที่น่าจะมาจากนางกำนัลของตนนั่นล่ะทำให้จำใจฝืนลืมตาตื่นขึ้นมา

“เกิดเรื่องอันใดขึ้นข้างนอกหรือ?”

ไม่ได้เข้ามาแต่อาฟาง แม้แต่อิงอิงก็วิ่งพรวดพราดเข้ามาด้วย สีหน้าแตกตื่นของสองนางกำนัลทำให้เจียวจินตื่นเต็มตาแล้ว

“ขะ ข้างนอกเป็นพระสนมทั้งหลายมาแสดงความยินดีเพคะ ละก็อะ...”

“ไม่ต้องพูดละ เจ้ามาช่วยข้าแต่งตัว ล้างหน้าล้างตาเถอะ”

กว่าจะฟังนางกำนัลที่ตื่นเต้นจนพูดไม่รู้เรื่องจบมิสู้ไปดูด้วยตาตนเองมิดีกว่าหรือ

เจียวจินพาตนเองออกมาที่หน้าตำหนักอันมีลี่อิ่งและสนมและนางกำนัลติดตามอีกหลายคนที่คุ้นหน้าบ้างไม่คุ้นหน้าบ้างนั่งรออยู่ใต้ต้นดอกท้อ พอเห็นว่าเจียวจินมาก็รีบกรูมาหาทันที

สายตาของนางหันไปเห็นข้างขวาของตำหนักมีใครไม่รู้นำเสาทรงกระบอกสูงห้อยโคมสีแดงมาปักไว้

“อาจิน ข้ายินดีกับเจ้าด้วยนะ ที่คืนนี้เจ้าจะได้รับใช้ฝ่าบาทแล้ว!”

ลี่อิงเอ่ยด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มแสดงความยินดีจนแขนที่นางเขย่าอยู่แทบหลุดติดมือ แต่คนฟังนั้นกลับสมองว่างเปล่าเสียแล้ว...

“เจ้าบอกว่า ข้าจะต้องรับใช้ฝ่าบาทคืนนี้อย่างนั้นหรือ?”

“ใช่น่ะสิ เจ้าดูกงกงให้คนนำโคมแดงมาติดแล้ว...”

“ใช่ๆ พวกเราต่างคิดว่าหลังจบเรื่องฝ่าบาทต้องเสด็จไปหาไป๋ซูเฟย ไฉนเลยกลับเลือกมาหาเจ้าได้ คาดไม่ถึงจริงเชียว!”

สหายอีกคนที่เอ่ยดีใจปนอิจฉาน่าจะคือคนที่นางเคยไปร่วมละเล่นด้วย แต่ตอนนี้เจียวจินจำชื่อไม่ได้แล้วนางสมองมึนเบลอกับสิ่งที่ไม่คาดคิดไปหมด

นี่นางจะต้องรับใช้มนุษย์ที่คาดเดาได้ยากที่สุดหรือนี่!!!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel