บท
ตั้งค่า

3

เข้าเฝ้าไทเฮา

เจียวจินรู้ตัวอีกทีนางก็มีนางกำนัลเสียแล้ว แล้วไม่ได้มีคนเดียวด้วยนะ มีสองคนอายุประมาณเดียวกัน นาม ฟางและอิงอิง นางสังเกตว่าสายตาที่มองมายังเจียวจิวใสซื่อน่าเอ็นดูเชียวล่ะ

อิงอิงเป็นนางกำนัลจากแผนกซักผ้าที่ได้รับเลือกให้มารับใช้เจ้านายครั้งแรก ส่วนฟางเป็นนางกำนัลแผนกซ่อมเสื้อผ้ามาก่อน เคยรับใช้ตำหนักสนมคนอื่นมาบ้างแล้ว แต่ถูกย้ายมารับใช้เจียวจินแทน ดูเหมือนว่าถูกลดขั้นแต่สีหน้าและอารมณ์ของนางกำนัลฟางไม่แสดงความไม่พอใจเลย แล้วก็ไม่เหมือนเสแสร้งด้วย เพราะยามเจียวจินถามอันใดนางก็ตอบชัดถ้อยชัดคำเต็มใจอีกต่างหาก

ฟางมีน้องสาวอายุสิบสองที่เข้าวังมาพร้อมกันอยู่แผนกซ่อมผ้าด้วยล่ะ ส่วนอิงอิงไร้ญาติและเหมือนคนไม่อยากมีสหายด้วย หากเจียวจินไม่เอ่ยถามอิงอิงก็นั่งนิ่งราวรูปปั้นไม่ปาน แม้นจะพูดน้อยแต่เจียวจินชอบอิงอิงเพราะนางมีรูปร่างหนากว่าสตรีทั่วไปแต่ไม่อ้วนเทอะทะ ติดจะเป็นกล้ามเนื้อและดูกระฉับกระเฉงยามเดินเหิน

แม้นการที่ต้องมีนางกำนัลนี้จะไม่คาดคิดไปบ้าง แต่ก็ถือว่าเป็นเคราะห์ดีนั่นล่ะ

ไม่ว่าจะการที่มีนางกำนัลถูกส่งมา หรือข้าวของเครื่องใช้ที่ถูกส่งมาคงไม่พ้นเป็นสาเหตุจากนางบังเอิญสร้างตัวตนต่อหน้าฮ่องเต้เสียงแข็งบ้าอำนาจผู้นั้นแน่

อย่างน้อยตอนนี้ในเรื่องร้ายก็มีเรื่องดีเข้ามาบ้าง เกรงก็แต่หลังจากนี้จะมีแต่เรื่องเข้ามาไม่หยุดน่ะสิ

เฮ้อ ชาตินี้นางอยากอยู่แบบสบายกายสบายใจไยช่วงใช้ชีวิตชิลถึงได้สั้นเพียงนี้กันนะ...

“เจียวกุ้ยเหรินเพคะ เมื่อคืนพระองค์ทรงได้ยินเสียงบางอย่างจากตำหนักร้างนั่นไหมเพคะ”

เจียวจินมองนางกำนัลของตนที่นั่งหน้าซีดทั้งสองคนก็รู้สึกอดสงสารไม่ได้ ตลอดหลายวันที่พวกนางมารับใช้มีเรื่องหลอนเกี่ยวกับตำหนักสนมที่ฆ่าตัวตายไม่เว้นแต่ละวันเลย

ไม่ว่าจะได้ยินเสียง เห็นเงา และอื่นใด ทว่าเจียวจินที่อยู่ตำหนักนี้แทบตลอดเวลากลับไม่ยักเห็นหรือรู้สึก

“ไม่ ข้าว่าพวกเจ้าหลีกหนีเรื่องเล่าพวกนี้เสียบ้างนะ จะได้ไม่เก็บไปนอนฝันทุกคืน”

เจียวจินว่าเรื่องนี้อาจมีส่วน เพราะช่วงนี้ไม่ว่าเดินไปที่ไหนต้องได้ยินคนพูดถึงความเฮี้ยนของตำหนักข้างเคียงนี้ตลอด หากนางกำนัลที่ยังไม่คุ้นที่อีกทั้งยังอยู่ใกล้สถานที่อันอยู่ในเรื่องราวเหล่านั้น ฟังแล้วเก็บไปฝันหรือคิดไปเองได้ก็ไม่แปลกอันใด

“เอาเถอะ มื้อเช้านี้ข้าอยากไปเดินเล่นให้อาหารย่อยเสียหน่อย พวกเจ้าก็ถือโอกาสไปทำให้หัวปรอดโปร่งบ้างเสียเถอะ หรืออยากจะไปนอนพักผ่อนก็ไม่ว่าอันใด”

“ไม่เพคะ”

“ไม่เพคะ”

แม้นตอนนี้ดวงอาทิตย์จะเริ่มสาดแสงแล้วแต่รอบข้างตำหนักโดดเดี่ยวนี่ก็ยังเงียบอยู่ ใครจะไปอยากอยู่คนเดียวกันเล่า

ซึ่งเรื่องนี้เจียวจินก็ไม่ใช่ไม่รู้ นางมองนางกำนัลตัวเล็กและตัวใหญ่ก่อนส่ายหน้าอย่างเอ็นดู

หากในตำหนักนั้นมีผีจริงดังข่าวลือ วันนั้นที่นางบุกไปย่อมเจอแล้ว หรือแม้แต่กระทั่งฮ่องเต้เองก็ไม่เห็นมีข่าวว่าเจออันใด

วันนี้ก็เป็นอีกวันที่อากาศเย็นสบาย จนนางอยากเดินไกลหน่อยมุ่งหน้าไปยังสวนไม้พุ่มไม่ไกลจากตำหนักริมวังหลังของเจียวจินมากนัก ยามนี้เหล่าสนมน่าจะยังไม่ตื่นเสียส่วนใหญ่ ไม่น่าไปเจอใครที่นั่นหรอก

“ว้าย! อ้าย!”

“สนมเจียวระวังเพคะ”

อาฟางและอิงอิงที่เดินตามหลังนางมารีบเดินขึ้นหน้าพร้อมกำบังอันตรายทันที แต่เสียงร้องนี่ไม่ใช่มีใครตั้งใจทำร้ายหรอก แต่เป็นเสียงร้องของคนที่หวาดกลัวบางอย่างเสียมากกว่า

“ไปดูกันเถอะ”

พวกนางเดินไปถึงต้นกำเนิดเสียงก็พบนางกำนัลตัวบางนางหนึ่งนั่งตัวสั่นอยู่บนพื้น พอเห็นว่ามีคนมาก็ชี้นิ้วไปยังข้างในตำหนัก

...อา บรรยากาศในตำหนักน่าสะพรึงกลัวและหดหู่ยิ่ง ตรงโต๊ะและเก้าอี้สำหรับให้แขกนั่งนั้น มีสตรีคนหนึ่งทั้งชุดและเครื่องประดับบ่งบอกว่าเป็นพระสนมนางหนึ่ง นั่ง ตาโบกโพรง อ้าปากค้าง ใบหน้าเขียวม่วง หันหน้ามาทางประตูที่พวกนางยืนอยู่นี่เอง

...พระสนมนางนี้ไร้ลมหายใจไปเรียบร้อยแล้ว นางตายทั้งที่มีสีหน้าตื่นตกใจอย่างนี้ได้อย่างไรกัน

เจียวจินสงสัยมากจนปลุกสัญชาตญาณและนิสัยอยากรู้อยากเห็นในกายออกมาอย่างไม่รู้ตัว กำลังจะก้าวเดินออกไปแต่มีคนรั้งไว้เสียก่อน

“สนม อย่า...”

เป็นอาฟางที่ทรุดลงไปกองบนพื้นใบหน้าหวาดกลัวแต่ก็ไม่วายมีสติฉุดแขนเสื้อของนางไว้ทัน ส่วนอิงอิงนั้นยืนขาแข็งใบหน้าซีดด้านหลังของเจียวจินใบหน้าแสดงความตระหนกไม่แพ้กัน

“ข้าไม่เข้าไปใกล้นางมากหรอก อิงอิง เจ้าไปตามองครักษ์มาเถอะ”

เจียวจินแค่อยากเดินดูที่เกิดเหตุรอบๆเท่านั้น ก่อนที่คนจัดการเรื่องนี้จะมา

นางเดินเข้าไปในตำหนักแล้วรู้สึกอึดอัดหายใจลำบากเกิน ทนไม่ไหวต้องรีบเปิดหน้าต่างบานใกล้ประตูออกจึงค่อยหายใจคล่องหน่อย

พระสนมยศอันใดนางไม่ทราบนั่งตัวแข็งมองมาทางประตูใบหน้าแสดงความตกใจสุดขีดและตายไปตอนนั้นเลย ภายในห้องดูไม่มีอันใดประหลาดมากกว่าเป็นห้องของสตรีรักสวยรักงามนางหนึ่ง ซึ่งเจียวจินเพียงเดินดูเท่านั้นไม่ได้แตะต้องของในห้องให้เสียรูปความ

ไม่นานอิงอิงก็วิ่งมาพร้อมบุรุษในชุดองครักษ์สามนาย คนเดินนำมาแต่งกายด้วยชุดเต็มยศมากกว่า

“ใครไม่เกี่ยวข้อง ขอความร่วมมือออกไปคอยข้างนอกด้วย”

ในระหว่างที่พวกนางยังไปไหนไม่ได้ก็ถือโอกาสถามสิ่งที่อยากรู้มาเป็นที่เรียบร้อยจากนางกำนัลที่เจอศพพระสนมคนแรกนั่นล่ะ

พระสนมคนที่ตายไปนั้นเป็นพระสนมชั้นสูง ตำแหน่งเจี๋ยยวี๋ เข้ามาเป็นสนมจากการถูกรับเชิญให้มาคัดเลือกอย่างให้เกียรติเพราะตระกูลพื้นหลังเป็นถึงขุนนางชั้นสูง เมื่อวานซืนเพิ่งมีโอกาสรับใช้ฮ่องเต้คราแรกไปเอง ไม่คิดว่าอยู่ดีดีก็มาตายอย่างน่าสลดวันนี้ได้

“แล้ววันอื่นเจ้าไม่ส่งเจ้านายเข้านอนก่อนไปพักหรือ?”

หากเป็นเจ้านายคนอื่นเจียวจินคิดว่าคงทำเช่นนี้ แต่ดูจากชุดและเครื่องประดับเต็มกายยังไม่ได้เปลี่ยนชุดสำหรับนอนด้วยซ้ำ แต่นางกำนัลคนนี้กลับไม่อยู่ช่วยแล้ว

“ฮึกๆ ทำเพคะ เพียงแต่เมื่อวานซือเจี๋ยยวี่รับสั่งให้หม่อมฉันไปพักได้เลยเพคะ หม่อมฉันคิดว่าต้องเป็นเพราะผีสนมตำหนักนั้นแน่ๆเพคะ เป็นอย่างที่เขากลัวกัน ผีตนนั้นมาหลอกหลอนจนซือเจี๋ยวยวี๋กลัวจนตายเช่นนี้... ฮือ แล้วหม่อมฉันจะตายไหมเพคะ ฮือๆ”

นางกำนัลร้องไห้แหกปากหนักจนองครักษ์ด้านในตามออกมาดู เขาสบตาเจียวจินอย่างกดข่มชั่วครู่สายตานั้นจึงค่อยหายไป

“กระหม่อมรบกวนเรียนเชิญเจียวกุ้ยเหรินและคนติดตาม รวมถึงนางผู้นี้ไปให้ข้อมูลที่พระองค์ทราบมาด้วยพะยะค่ะ”

เจียวจินไม่มีปัญหาเรื่องให้ปากคำอยู่แล้ว แต่นางกำนัลที่เจอเรื่องนี้คนแรกน่ะสิ ตอนนี้เอาแต่ร้องไห้และพึมพำเกี่ยวว่ากลัวสนมเจ้าของตำหนักผีเฮี้ยนมาหลอกหลอนจนพูดไม่รู้เรื่องเท่าไร

เจียวจินจึงต้องคอยช่วยให้การเผื่อ ผสมกับคำพูดคำจาสะเปะสะปะของนางกำนัลคนนั้น

“ท่านหัวหน้าองครักษ์ซ่งคิดเช่นไรกับเรื่องนี้หรือ? ท่านคิดว่าเหตุมาจากสนมตำแหน่งฉางจ้ายที่สิ้นไปแล้วหรือไม่”

เจียวจินนั้นไม่คิดเช่นนั้นนางคาดว่าต้องมีอะไรซับซ้อนกว่านั้นแน่ แต่นางกลัวว่าเขาจะคิดไปแล้วน่ะสิ

บุรุษใบหน้าเคร่งเครียดตรงหน้าที่เป็นคนนำถามคำถามนางและคนอื่นคือ ซ่งหวงลู่ เป็นหัวหน้าองครักษ์หน่อยอวี่หลิน อันมีหน้าที่ดูแลอารักขาเจ้านายชั้นสูง เขาเข้าเวรและได้รับเรื่องพอดีจึงรับผิดชอบมาจัดการเรื่องนี้ไปโดยบัดดล

“เรื่องนี้กระหม่อมต้องพิจารณาอย่างรอบครอบแน่นอนพะยะค่ะ พระองค์ไม่ต้องเป็นกังวลทรงเสด็จกลับไปพักผ่อนที่พระตำหนักเถอะพะยะค่ะ ช่วงนี้หากเป็นไปได้ก็ทรงประทับอยู่ในตำหนักเพื่อความปลอดภัยด้วยนะพะยะค่ะ”

เจียวจินถอนหายใจยาว เขาไม่คิดจะบอกนางและกำลังจะสื่อว่าไม่ต้องการให้สนมอย่างนางมายุ่งเรื่องนี้เป็นแน่ ในเมื่อเป็นเช่นนั้นนางก็ต้องถอยกลับไปตั้งหลักก่อน เพราะเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องของนางจริงๆนั่นแหละ...

นับจากมีพระสนมคนแรกสิ้นเพราะสนมตำแหน่งฉางจ้ายที่ฆ่าตัวตายและเฮี้ยน ไม่กี่วันต่อมาสนมคนที่สองก็สิ้นพระชนม์ตามไป ด้วยเหตุการณ์ไม่ต่างกันคือ ตายทั้งที่ลืมตาและสีหน้าตกใจมากเหมือนเห็นสิ่งที่น่ากลัวก่อนตาย อีกทั้งยังมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน นั่นคือสนมทั้งสองเพิ่งรับใช้ฮ่องเต้ในวันก่อนหน้า!

“เช้านี้ไทเฮาเรียกสนมทุกระดับขั้นเข้าเฝ้าเพคะ”

อาฟางเข้ามารายงานส่วนอิงอิงก็ยกถังบรรจุน้ำล้างหน้าออกไป เจียวจินพยักหน้ารับรู้และปล่อยให้อาฟางช่วยตนแต่งตัวต่อไป

หากเจียวจินเดาไม่ผิด การที่ไทเฮาทรงรับสั่งเรียกนั้นคงไม่พ้นเกี่ยวกับเรื่องการตายของพระสนมและข่าวลือเรื่องฉางจ้ายสุดเฮี้ยนแน่

มาถึงตำหนักของไทเฮาแล้ว บรรยากาศในห้องโถงของตำหนักให้ความรู้สึกกดดันเพียงก้าวเท้าเข้าไป เป็นคราแรกที่เจียวจินได้เจอสนมทั้งหมดของฮ่องเต้รัชสมัยนี้ สตรีมากความงามนั่งเต็มสองข้างยาวจากข้างบัลลังก์หรูที่ประทับสำหรับเจ้าของตำหนักอย่างไทเฮา

แน่นอนว่าสนมชั้นล่างที่ปกติไม่ได้รับโอกาสแม้แต่มาคำนับไทเฮาทุกเช้าอย่างที่สนมตั้งแต่ตำแหน่งพระสนมขั้นสูงได้รับย่อมได้ที่นั่งปลายแถวสุด ลุกขึ้นยืนเดินไปไม่กี่ก้าวก็ถึงประตูทางออกแล้วนั่นแหละ

“นี่ เจ้าคือเจียวกุ้ยเหรินใช่หรือไม่”

เจียวจินหันมองต้นเสียง เป็นสนมนางหนึ่งใบหน้าฉายแววสดใสยิ้มแย้มโดดเด่นท่ามกลางพระสนมที่ส่วนใหญ่จะเน้นไปที่แต่งกายให้สวยสง่าดึงดูดมากกว่า

“ใช่เพคะ เอ่อส่วนท่านคือ?”

“ข้าแซ่หลี นามลี่อิ่ง เป็นพระสนมชั้นสูงขั้นห้า ไฉเหรินน่ะ คุยเป็นกันเองเถอะเรียกข้าลี่อิ่งก็ได้”

นางไม่แปลกใจที่ลี่อิ่งเดาได้ว่านางเป็นใคร แต่แปลกใจตรงรู้แซ่เจียวของนางนี่ล่ะ แต่ดูท่าทีแล้วไม่น่าตั้งใจมาหาเรื่องแต่คงต้องการหาสหายกระมัง

“ลี่อิ่งเรียกข้าอย่างเป็นกันเองเถอะ ท่านรู้จักข้าหรือ?”

รอยยิ้มขี้เล่นของลี่อิงเผยขึ้นมาทันที

“ข้าได้ยินผ่านๆน่ะ ว่ามีสนมชั้นล่างเพิ่มเข้ามา อีกทั้งยังอาศัยอยู่ข้างตำหนักผีเฮี้ยนหลังนั้น ใครไม่รู้จักเจ้าบ้างเล่า”

เจียวจินยิ้มจืดเจื่อนทันใด ตำหนักผีเฮี้ยนหลังนั้นสร้างเรื่องให้นางมากจนอยากร้องไห้จริงๆ เปลี่ยนนางจากสนมไร้ตัวตนมาเป็นสนมที่คนทั่วไปรู้จักได้เพียงนี้

“ไทเฮาเสด็จแล้ว!!!”

ก่อนจะเกิดบทสนทนาไปมากกว่านี้ เสียงแหลมฟังชัดถ้วนทั่วก็ดังขึ้น เสียงพูดคุยประปรายในห้องเงียบลงโดยพลัน ทุกคนพร้อมใจกันคุกเข่าและหมอบลงคำนับผู้มาใหม่

“เอาล่ะ ทุกคนกลับมานั่งตามปกติเถิด เราเรียกมาเพื่อต้องการแจ้งเรื่องดีแก่พวกเจ้าทุกคนที่เปรียบเสมือนเป็นครอบครัวเดียวกันหน่อยเท่านั้น”

เจียวจินแทบไม่อยากเชื่อสายตาว่าสตรีในชุดสีทองอร่ามหรูหราบนบัลลังก์จะคือไทเฮาผู้มีโอรสเป็นถึงฮ่องเต้แคว้น พระนางใบหน้าอ่อนวัยจนคนที่มาจากยุคที่มีนวัตกรรมชะลอความแก่มองแล้วยังรู้สึกอาย หากเทียบกับไป๋ซูเฟยที่กำลังเอ่ยตอบโต้กับพระนางแล้วเหมือนเพียงพี่น้องกันเท่านั้น แต่รังสีอย่างคนมีอำนาจมากล้นก็มีมากจนเพียงเอ่ยปากพูด ผู้คนก็หวั่นเกรงได้

“พวกเจ้าทุกคนต่างก็รับรู้ข่าวร้ายกันมาบ้างแล้ว น่าเสียใจเป็นอย่างยิ่งกับพระสนมทั้งสามคนที่หายจากครอบครัวของเราไป ทว่าในวังนี้มีข่าวลือหนึ่งที่เราจำเป็นต้องมาจัดการ...”

“ข่าวลือที่ว่าในตำหนักของสนมชั้นล่างผู้นั้นมีผีสิง รวมถึงการที่มีคนในวังหลังเอาเรื่องไม่มีมูลที่ว่า ผีสนมนางนั้นจะไปหลอกหลอนสนมที่ฝ่าบาทเสด็จไปหานั้นมิใช่หรือจริงอันใด หากใครหรือคนในการดูแลเผยแพร่ข่าวไร้สาระพวกนี้ต้องถูกลงโทษหนัก”

เนื่องจากว่ายังไม่แต่งตั้งฮองเฮา หน้าที่ดูแลวังหลังตอนนี้จึงตกไปอยู่ที่ไทเฮาแทน พระนางคงเป็นกังวลเรื่องนี้จะทำให้สนมไม่ตั้งใจรับใช้ฝ่าบาทนั่นแล เจียวจินฟังแล้วนางมีความคิดอยู่อย่างหนึ่งโผล่วาบขึ้นมา

หากการตายของสองสนมพระองค์หลังๆไม่ใช่ฝีมือผี แต่มีคนตั้งใจสร้างขึ้นมา เจตนาคนสร้างเรื่องพุ่งตรงไปที่เหล่าสนมอันมีหน้าที่หลักในการรับใช้ฝ่าบาทหรือก็คือผลิตทายาท คนสร้างข่าวลือต้องการกำจัดคู่แข่งหรือ?

หากมองทางอ้อมการสร้างเรื่องขู่ขวัญเช่นนี้ส่งผลให้เหล่าสนมที่รอคอยการถูกฝ่าบาทเยี่ยมเยียนกลับความคิดเป็นไม่อยากเป็นผู้ถูกเลือกแทน หากเป็นเช่นนี้ใครเล่าจะคือผู้ได้ประโยชน์ในเรื่องนี้

“หม่อมฉันเห็นด้วยกับไทเฮาเพคะ วังหลวงนี้มีทั้งฝ่าบาทและไทเฮาอันมากด้วยบุญบารมีคุ้มครอง วิญญาณร้ายมิกล้ากล้ำกลายแน่เพคะ”

ไป๋ซูเฟยนางเดิมเอ่ยเสียงหวาน สตรีนางนี้วางท่าทีสูงส่งเหมาะกับเป็นพระชายาเอกหนึ่งเดียวในตอนนี้เสียจริง เจียวจินมองเห็นเพียงด้านข้างยังรู้สึกว่าไป๋ซูเฟยและนางยศห่างชั้นพอควร

ซึ่งในที่นี้นอกจากไป๋ซูเฟยแล้วก็ไร้คู่แข่งทัดเทียมอีก หากเจียวจินเข้าใจไม่ผิดพระชายาเอกตระกูลไป๋ผู้นี้ถูกวางตัวเป็นว่าที่ฮองเฮาอย่างที่เหล่าสนมรู้กันเอง

“วันรุ่งขึ้นเจ้าอาวาทวัดฉู่เฉียนจะมาทำการปัดเป่าให้ ส่วนหน้าที่หาคนปล่อยข่าวลือเราขอมอบหมายให้ไป๋ซูเฟยรับผิดชอบก็แล้วกัน ขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือกันด้วย”

สนมตำแหน่งล่างสุดอย่างเจียวจินไม่มีสิทธิ์เอ่ยปากร่วมสนทนาได้อยู่แล้ว และนางก็ไม่อยากร่วมวงสนทนาด้วยเช่นกัน เจียวจินจึงนั่งฟังอย่างเดียวจนกระทั่งการสนทนาจบลง เหล่าสนมแยกย้ายกลับที่พัก

หลายวันถัดมาสหายใหม่อย่างลี่อิงมาหานางพร้อมข่าวที่น่าตกใจเป็นอย่างมาก...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel