บท
ตั้งค่า

5.1 กลับไปเยี่ยมตระกูลซุนสายหลัก

เฟยเมี่ยวมาถึงโรงสุราท้ายตรอกแล้ว โรงสุราแห่งนี้ไม่ใช่สถานที่คนทั่วไปรู้จักกัน คนที่มาใช้บริการที่นี่ส่วนใหญ่จะเป็นชาวยุทธภพที่เดินทางเข้าเมืองหลวง และอยากได้ที่พักราคาเป็นกันเองพร้อมกันนั้นแบบไม่ต้องการคนรับใช้มาก เพราะที่นี่ไม่มีเสี่ยวเอ้อให้เรียกรับใช้ มีเพียงห้องและเครื่องนอนให้เท่านั้น ทำความสะอาดวันละครั้ง มีร้านอาหารที่เน้นสุราขนาดเล็ก ให้บริการ ทว่าโรงสุราแห่งนี้มีอีกบริการหนึ่งที่คนในเครือข่ายจะรู้กัน นั่นคือ บริการหางานรับจ้างนั่นเอง เจ้าของที่นี่มีสายสัมพันธ์กว้างขวางรับงานจากใครก็ตามที่ต้องการคนทำงานแบบเงียบ ๆ และหาคนมาทำงานให้ ซึ่งเฟยเมี่ยวก็รู้บริการนี้จากสายข่าวหนึ่งในขอทาน นางจึงมารับงานไปทำบ่อยครา หาเงินเพิ่มจากที่ตระกูลซุนส่งมาให้ใช้ประจำนั่นล่ะ

“ขอข้าวสารหน่อย”

รหัสในการขอรายนามภารกิจในตอนนี้นั่นเอง

เฟยเมี่ยวส่งเงินค่าขอดูข่าวให้และรับกระดาษแผ่นใหญ่มา นางเลือกโต๊ะที่ว่างอยู่มุมร้านเพื่อไล่ดูงาน เกณฑ์การเลือกงานของเฟยเมี่ยวคือ ลงแรงแล้วต้องได้เงินคุ้มค่าเหนื่อย จะเป็นงานอันใดนางทำได้หมด

แต่ไม่ต้องกังวลนะ งานของที่นี่เลือกรับแต่งานสุจริต หรือไม่อย่างมากก็เป็นเนื้องานสีขาวออกเทาหน่อย ๆ เท่านั้น

อย่างงานที่เฟยเมี่ยวเลือกคราวนี้นางอ่านแล้วดูน่าสนใจยิ่งนัก ฮูหยินตระกูลขุนนางระดับกลางท่านหนึ่งต้องการให้

ตามหาสามีขุนนาง เขาออกไปจากจวนไม่ติดต่อกลับมาเป็นเวลาสามวันแล้ว มิใช่เรื่องแปลกที่ขุนนางคนหนึ่งจะออกจากบ้าน แต่คราวนี้เขาออกไปทำงานแล้วก็หายไปเลย ฮูหยินจึงสงสัยกลัวถูกฆ่าหรือเป็นอันตรายนั่นล่ะ จึงจ้างคนสืบข่าวสามีให้หน่อยเท่านั้น ไม่ได้อยากให้ตามกลับมาเลยหรอก

เฟยเมี่ยวตัดสินใจเลือกงานนี้ล่ะ เพราะค่าจ้างสูงดี หากนางทำสำเร็จได้กลับมาสามารถเลี้ยงเด็ก ๆ กลุ่มขอทานของตนได้เป็นปีเลย เนื้องานก็ไม่ได้ดูเสี่ยงอันตรายหรือยืดเยื้ออันใด พรุ่งนี้เฟยเมี่ยวต้องไปพบฮูหยินคนนั้นเพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมอีกมาก วันนี้นางจึงไม่อยู่ที่โรงสุรานาน ได้งานแล้วก็รีบออกมาและมุ่งหน้ากลับวังหลวงทันที

ในที่สุดก็ถึงวันที่เฟยเมี่ยวต้องออกจากวังไปเยี่ยมญาติตระกูลซุนแล้ว ก่อนที่บุพการีอย่างแม่ทัพใหญ่ซุนและฮูหยินของเขาจะออกไปรบและทิ้งนางไว้คนเดียวในเมืองหลวงนั้น นอกจากมารดาของนางจะฝากให้ฮองเฮาเลี้ยงดูแล้ว ยังกำหนดวันให้กลับไปอยู่กับตระกูลซุนสายหลักอีกด้วย

โครงสร้างตระกูลซุนเท่าที่เฟยเมี่ยวรู้คือ ก่อนหน้าที่บิดาของเฟยเมี่ยวจะแยกออกมาสร้างจวนใหม่นั้น เขาอยู่กับสายหลักก่อน ก็คือพี่ชายสายเลือดเดียวกัน มียศเป็นถึงตำแหน่งท่านโหวอันได้รับสืบทอดจากท่านปู่ที่สิ้นชีวิตไปแล้วพร้อมกับตำแหน่งประมุขตระกูล มองผิวเผินอาจดูเหมือนอดีตท่านโหวเอาทุกอย่างให้บุตรชายคนโตหรือเปล่า แต่จากที่นางมีความทรงจำของร่างนี้บ้าง นางจำได้ว่าเป็นซุนเหวินเชา บิดาของนางเต็มใจยกให้เอง เพราะพี่ชายของเขานามซุนเหวินเจี๋ยนั้นสละหน้าที่ในกองทัพแล้วมาทำงานในเมืองหลวง เหมาะกับตำแหน่งเหล่านั้นมากกว่านั่นเอง

มารดาของนางไม่ได้ไปฝากตระกูลหลักเลี้ยงแต่มาฝากฮองเฮาที่เป็นสหายเลี้ยงแทนด้วยเหตุผลอันใดเฟยเมี่ยวก็พอรู้บ้างแล้ว จากการได้กลับไปเยี่ยมบ้านเมื่อปีที่แล้วมา

ตระกูลซุนสายหลักนั้นนอกจาก มีครอบครัวของท่านโหวซุนเหวินเจี๋ยแล้ว ยังมีท่านย่าที่ยังมีชีวิตอยู่อีก สตรีชราผู้นี้ล่ะที่อาจเป็นเหตุผลให้บุพการีของเฟยเมี่ยวไม่อยากนำมาฝากเลี้ยงเท่าไหร่นัก

“คารวะท่านย่า ท่านลุงเจี๋ย และท่านป้าสะใภ้ใหญ่ซูเจ้าค่ะ”

เฟยเมี่ยวโค้งคำนับหัวแนบพื้นสักพักก็ยังไม่ได้ยินเสียงใครเอ่ยให้ลุกขึ้นเลยจำต้องค้างอยู่ท่านั้น จวบจวนเสียงของท่านลุงเจี๋ยเอ่ยอนุญาตนั่นล่ะ นางถึงได้ลุกขึ้น เหล่าเลือดลมที่ไหลไปค้างที่หน้าผากไหลกลับมาตำแหน่งเดิมแทบไม่ทันเชียว

ท่านย่าผู้นี้ยังเลือดเย็นกับหลานคนนี้ไม่เสื่อมคลายจริง ๆ ท่านย่ายังไม่มองมาเลยสักวาบเดียว หากไม่มีสองสามีภรรยาคู่นี้คอยทำให้บรรยากาศดีขึ้น เฟยเมี่ยวคงขาดอากาศตายเพราะความอึดนี้เป็นแน่

“มาแล้วก็อย่าลืมไปไหว้บรรพบุรุษที่ศาลบรรพชนเล่า จะได้ไม่ลืมตระกูล ข้ามหัวตระกูลสายหลัก...”

มารดาของซุนเหวินเชาบิดาของนางเปิดปากทีก็ไม่วายแขวะคนที่ไม่รู้เรื่องไม่รู้ราวกับความบาดหมางนี้สักนิดอย่างนาง ปีที่แล้วนางกลับมาเยี่ยมจวนหลักแห่งนี้เป็นเวลาเจ็ดวันแทบขาดใจ อึดอัดเสียยิ่งอยู่ในวัง เพราะบ่าวรับใช้ที่ท่านย่าผู้นี้ส่งมาดูแลเฟยเมี่ยวเป็นการส่วนตัวนั้นล้วนเหมือนถูกสั่งให้มาพร่ำบ่นเรื่องที่ตระกูลสายรองอย่างนางข้ามหน้าข้ามตาไป ทำให้เฟยเมี่ยวที่ไม่รู้เรื่องความบาดหมางใดใดเริ่มจับทางได้เลยล่ะ

ตามจริงแล้วหากบุพการีของนางจะไม่เอานางไปออกทัพที่ชายแดนด้วยนั้นควรจะฝากญาติด้วยกันเลี้ยงมากกว่าฝากฮองเฮาที่ไม่ได้มีความสัมพันธ์ใดนอกจากเป็นสหายใช่ไหมเล่า

นั่นล่ะ แต่มารดาของนางก็เลือกฝากให้ฮองเฮาเลี้ยงแทน นางไม่รู้หรอกนะว่าทำอย่างไรถึงทำให้ท่าย่ายอมได้แต่ผลที่ตามมาก็คือ มีข่าวลือไม่ดีเกี่ยวกับสายหลักว่าไม่มีความสามารถพอ หรือบางข่าวลือก็เอ่ยทำนองว่าสายรองกับสายหลักไม่ถูกกัน อันใดทำนองนี้ทำให้ ท่านย่าไม่พอใจนั่นเอง

แต่เฟยเมี่ยวเพียงทำตามที่ผู้ใหญ่จัดการนางไม่รู้เรื่องนี้เสียหน่อยไยเอาความไม่พอใจเหล่านั้นมาลงที่นางได้เล่า เฮ้อ

“เจ้าค่ะท่านย่า อย่างนั้นหลานขอตัวไปห้องบรรพบุรุษก่อนนะเจ้าคะ”

“ไม่ได้มานานเกือบปีก็อยู่คำนับบรรพบุรุษมากหน่อยเล่า เดี๋ยวให้บ่าวไปดูแลอยู่ข้างนอก”

ดูท่าแล้วตลอดเจ็ดวันนี้เฟยเมี่ยวคงต้องนอนที่ศาลบรรพชนตลอดเลยล่ะมั้ง เพราะท่านย่าเล่นไม่กำหนดวันสิ้นสุดอีกทั้งยังบอกให้คนมาเฝ้าอีกด้วย แต่เฟยเมี่ยวไม่ยอมทรมานนานเพียงนั้นหรอกนะ นางพอเตรียมทางหนีทีไล่ไว้บ้างแล้ว

“หลานยินดีคำนับจนเหล่าบรรพชนซาบซึ้งเจ้าคะ เพียงแต่ฮองเฮาได้ฝากฝังให้หลานไปเอาของที่จวนตระกูลซุนสายรอง และอาจต้องรีบกลับไปวังหลวงเจ้าค่ะ ไม่รู้ว่าฮองเฮาทรงรีบใช้ของสิ่งนั้นหรือไม่”

เป็นเพียงข้ออ้างของเฟยเมี่ยวเท่านั้น เจ็ดวันนี้นางคิดจะไปนอนที่จวนตระกูลซุนสายรองและออกไปทำงานที่รับมาเมื่อวานพอดี ครบกำหนดวันเยี่ยมบ้านค่อยกลับวังไป

“เหอะ เอาตามเจ้าเถอะ แต่อย่างน้อยก็คุกเข่าคำนับเสียหนึ่งคืนก็แล้วกัน อย่างไรเสียตระกูลซุนสายหลักก็ไม่อยู่ในสายตาของคนสายรองอยู่แล้ว”

เฟยเมี่ยวฉีกยิ้มจืดเจื่อนไม่โต้ตอบไป นางรอจนท่านย่าบ่นจนเหนื่อยก็ค่อยออกมา เดินตามบ่าวคนหนึ่งไปที่ศาล

บรรพชนตอนนี้เข้าช่วงบ่ายของวันแล้ว บรรยากาศในห้องนี้จึงไม่ได้วังเวงและน่ากลัวมากนัก อย่างน้อยบ่าวคนนั้นก็นำที่รองกันเจ็บเข่ามาให้เฟยเมี่ยวก็แล้วกัน

มาเป็นคราที่สองแล้ว สำหรับศาลบรรพชนของตระกูลซุนนี้ เป็นห้องสี่เหลี่ยมที่ใหญ่กว่าห้องของเรือนหลักอีก เต็มไปด้วยป้ายวิญญาณของบรรพบุรุษมีทั้งเขียนคือ นาม ตำแหน่งก่อนตายและชีวประวัติเล็กน้อย อ่านไปมาก็เพลินเหมือนกัน ปีก่อนนั้นนางเพิ่งอยู่ในยุคนี้ไม่นานยังอ่านตัวหนังสือของยุคนี้ไม่ออกทุกตัว แม้จะมีทักษะความรู้ของเฟยเมี่ยวคนก่อนบ้างแต่ก็ยังไม่คุ้นชินอยู่ดี คืนนี้อย่างไรก็ต้องนอนที่นี่นางอ่านชีวประวัติให้หมดเสียเลย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel