4.2 การเดิมพันอันแสนเท่าเทียม
“น้องหญิงไยมาหาเรื่องเฟยเมี่ยวอีกแล้ว เจ้ามิใช่บอกว่าอยากให้ข้าสอนขี่ม้าหรอกหรือ ไปกันเถิด”
องค์รัชทายาทหวงลู่รีบเข้ามาห้ามก่อนเกิดศึกขนาดย่อมขึ้น เขามองสบตาเฟยเมี่ยวอย่างแฝงความนัยว่าให้นางใจเย็นไว้ก่อนเดี๋ยวเขาจัดการต่อเอง
แต่เฟยเมี่ยวไหนเลยจะไม่รู้นิสัยชอบเอาชนะของลู่เอิน
“ท่านพี่อย่าเข้าข้างนางต่อหน้าน้องนะเพคะ ท่านพี่ยืนอยู่เฉย ๆ เลย มิเช่นนั้นท่านก็ไม่ต้องมาคุยกับข้าอีก!”
คนรักน้องสาวอย่างหวงลู่ย่อมไม่เสี่ยงเข้ามายุ่งอีกนั่นล่ะ เฟยเมี่ยวบอกแล้วไงว่าเลือดย่อมข้นกว่าน้ำ เขาไม่ยอมผิดใจกับน้องสาวสุดที่รักเพื่อสหายอย่างนางหรอก
“องค์หญิงมีนางกำนัลรับใช้ไม่พอหรือเพคะ ถึงอยากให้หม่อมฉันไปรับใช้พระองค์อีก...”
“เจ้าอย่าได้เล่นลิ้น ตกลงเดิมพันกับข้าบัดเดี๋ยวนี้!!”
นางไม่ตกลงวันนี้อย่างไรองค์หญิงสาวลู่เอินก็ต้องหาเหตุผลอื่นมาจัดการนางอีกอยู่ดี
“หม่อมฉันไม่ใช่ไม่ตกลงเพคะ เพียงแต่หม่อมฉันคิดเพียงว่า แล้วหากพระองค์เป็นฝ่ายแพ้ล่ะ หม่อมฉันจะได้อันใดตอบแทนเพคะ”
จะให้องค์หญิงมารับใช้เฟยเมี่ยวก็ไม่ได้อยู่แล้ว...
“เรื่องนั้นไว้ค่อยคิดภายหลังก็ยังมิสาย อย่างไรข้าก็ไม่แพ้เจ้าอยู่แล้ว”
เฟยเมี่ยวคิดไว้แล้วมิผิดเลย องค์หญิงผู้นี้มิรู้ถูกไทเฮาเลี้ยงมาอย่างไร นิสัยช่างต่างจากฮองเฮาและองค์รัชทายาทหวงลู่มากเพียงนี้
“เอาอย่างนี้ไหมเพคะ หากหม่อมฉันบังเอิญชนะ ก็ให้ขออันใดก็ได้กับองค์หญิงอย่างไม่มีข้อแม้ ส่วนหากองค์หญิงชนะก็เอาตามที่พระองค์ตรัสมาก่อนหน้าเลย แม้นโอกาสชนะของหม่อมฉันจะน้อยนิดแต่รับรองว่าหากชนะได้จะไม่ขออันใดมากเกินความสามารถองค์หญิงสามแน่เพคะ”
ข้อเสนอของเฟยเมี่ยวล้วนอ้างอิงมาจากสิ่งที่คนเสนอต้องการทั้งสิ้น นางมิได้สรุปเกินเลยสักหน่อย ด้วยความมั่นใจในตนเองของลู่เอินย่อมไม่คิดว่าตนเองจะแพ้ได้ แม้จะตงิดในเงื่อนไขขออันใดก็ได้แต่ในเมื่อโอกาสเกิดยาก ย่อมปล่อยผ่านแน่นอน
“ตกลง ข้าจะเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรส่งตามหลังไปให้เจ้า ขอให้ทุกคนในนี้เป็นพยานการเดิมพันครานี้ด้วย”
ในห้องนี้อยู่เกือบครบ ขาดเพียงแต่หงไท่ฝูเท่านั้น เรื่องราวน่าสนุกเช่นนี้ใคร ๆ ก็ชอบแน่นอนอยู่แล้ว พอลู่เอินจัดการสิ่งที่ตนคิดเสร็จก็ลากพี่ชายออกไปทันที ส่วนเฟยเมี่ยวนั้นก็รอมู่กวาเก็บของเพื่อจะได้กลับตำหนักของตนเช่นกัน
“อาเมี่ยวเจ้าคิดดีแล้วหรือที่ไปเดิมพันเยี่ยงนั้นกับองค์หญิงสาม”
ไป๋หนิงอันเดินมาพร้อมกันท่านหญิงเจียวจิง สีหน้านางมีความกังวลเอ่อล้นเสียยิ่งกว่าเจ้าตัวอย่างเฟยเมี่ยวเองอีก
นางเข้าใจ เพราะจากที่ทุกคนคิดโอกาสชนะของเฟยเมี่ยวมีน้อยจริง ๆ
“นั่นสิ หากเจ้าอยากยกเลิกก็บอกได้ เดี๋ยวข้าไปคุยกับองค์หญิงสามให้เอง”
ท่านหญิงเจียวจิงเอ่ยตามมา ทว่าแม้นเป็นคนที่องค์หญิงสามเคารพอย่างคนตรงหน้าก็ไม่สามารถยกเลิกเดิมพันได้หรอก ให้ท่านหญิงไปคุยก็เสียเปล่า
“ขอบใจทุกท่านมาก แต่ข้าไม่คิดยกเลิกอยู่แล้ว อย่าได้กังวลไปข้าก็มิได้อยากเป็นข้ารับใช้ให้ใครเช่นกัน”
ความหวังดีของพวกนางเฟยเมี่ยวขอเพียงรับรู้ไว้พอ เพราะอนาคตนั้นนางขอเป็นคนลิขิตเอง...
คืนนั้นเองเฟยเมี่ยวสวมชุดดำล้วนเยี่ยงบุรุษน้อยลอบออกนอกวังหลวงอีกแล้ว ร่างเพรียวบางลัดเลาะข้างบนหลังคาบ้าง ข้างล่างบ้าง โดยอาศัยอุปกรณ์ที่นางออกแบขึ้นมาพิเศษเยี่ยงเดิม ออกจากวังได้ก็มุ่งตรงไปยังโรงสุราที่ตั้งอยู่ในตรอกลึกสุดทันที ด้วยความที่ระหว่างทางเดินไปนั้นนางเลือกเดินบนถนนเยี่ยงคนทั่วไป ทั้งตัวมิได้ใส่เครื่องประดับใดเลยนอกจากสวมกวานมัดรวบผมเยี่ยงบุรุษโตเต็มวัยพร้อมออกเรือนแล้ว
“พี่เฟิง วันนี้มาดื่มสุราหรือ ช่วงนี้คนมาน้อย มีแต่หญ้าไม่มีทองเลย”
ระหว่างทางก่อนไปโรงสุราเป้าหมายในวันนี้ ต้องผ่านหอนางโลมแห่งหนึ่งก่อน แม่นางที่ยืนต้อนรับข้างหน้าหอพอเห็นเฟยเมี่ยวในคราบบุรุษนามแฝงว่ามี่เฟิงก็เอ่ยทักอย่างที่ทำเป็นประจำ
ซึ่งคนได้รับคำทักทายก็พยักหน้ารับรู้และเดินต่อไป
แม่นางคนเมื่อครู่เป็นแม่นางคนหนึ่งที่กลายเป็นสายของเฟยเมี่ยวในหอนางโลมแห่งนั้นเอง เฟยเมี่ยวผูกมิตรไว้เพื่อให้ตนได้รู้เรื่องราวความเป็นไปของราชสำนักบ้าง เพราะมันมีประโยชน์ต่อนางเอกที่ต้องอาศัยในวังหลวง หอนางโลมนั้นเป็นแหล่งรวมตัวของขุนนางชั้นดี มีสายไว้สืบข่าวในนั้นก็ไม่เสียหาย
จากคำพูดเมื่อครู่นั้น เป็นรหัสลับของนางกับแม่นางคนนั้น
หญ้าคือตัวแทนของลูกค้าในหอนางโลมระดับต่ำกว่าขุนนาง ส่วนทองก็คือพวกขุนนางนั่นล่ะ ฉะนั้นคำพูดของแม่นางเมื่อครู่กำลังบอกนางว่าช่วงนี้ยังไม่ได้ข่าวที่น่าสนใจอันใด
เดินไปอีกหน่อยก็ถูกเด็กเนื้อตัวมอมแมมคนหนึ่งชนที่เอว มือเล็กแสนไวของเด็กน้อยผู้นั้นก็คว้าจับถุงเงินสีดำและวิ่งหนีไปทันที แต่ระหว่างที่ชนเฟยเมี่ยวนั้นเสียงแหบเบาก็เอ่ยคำหนึ่งออกมา และวิ่งหนีหายไปทันที
“เสือดำไปแล้ว”
ชุมชนขอทานในเมืองหลวงก็เป็นอีกแหล่งข่าวหนึ่งที่ดีและง่ายต่อการชักจูงให้เป็นสายให้นาง เฟยเมี่ยวมีขอทานเกือบสิบคนเป็นสายให้ แยกกระจายหลายจุดทั่วเมืองหลวง ขอทานเด็กเมื่อครู่เขามักไปนั่งขอทานประจำแถวประตูทางเข้าเมืองหลวง มาแจ้งข่าวว่า เสือดำ อันเป็นรหัสลับแทนชินอ๋องนั้น เสด็จออกนอกเมืองไปแล้ว ส่วนเงินที่เด็กน้อยดึงไป เฟยเมี่ยวก็ตั้งใจเตรียมไว้ให้เองนั่นล่ะ
ชินอ๋องเป็นบุคคลหนึ่งที่เฟยเมี่ยวให้ความสนใจ หากนางรู้ตำแหน่งเขาย่อมพยายามหลีกเลี่ยงได้ง่ายขึ้นอย่างไรเล่า ตอนนี้ชินอ๋องออกไปนอกเมืองหลวงแล้วภายในวังก็น่าอยู่มากขึ้นนั่นล่ะ ดีที่นัดเรื่องชินอ๋องจะสอนขี่ม้าให้นางนั้นถูกเขาเลื่อนออกไปก่อน เฟยเมี่ยวคิดว่าก็คงเกี่ยวกับเหตุผลที่ทำให้เขาออกนอกเมืองหลวงครานี้นั่นแล
