4.1 การเดิมพันอันแสนเท่าเทียม
4
การเดิมพันอันแสนเท่าเทียม
วันธรรมดาของเฟยเมี่ยวที่ไม่มีอันใดน่าตื่นเต้นตื่นตาใจก็เป็นเยี่ยงวันนี้ หลังจากไปเข้าเฝ้าคุยเล่นกันฮองเฮาแล้ว นางก็ต้องมาร่วมเรียนวิชาต่าง ๆ กับเหล่าองค์ชาย องค์หญิง และลูกหลานขุนนางคนอื่น ๆ ที่ได้รับสิทธิ์มาเรียนร่วมด้วย ที่ตำหนักศึกษานี้มีหลายห้องเลย วันนี้ถึงคราววิชาเขียนอักษรที่
เฟยเมี่ยวไม่อยากเรียนที่สุดนั่นเอง
นางนั่งเรียนหลังห้องสุดริมสุด โดยทั้งข้างหน้าและข้าง ๆ โต๊ะเขียนหนังสือว่างอย่างที่เห็นได้ประจำ องค์รัชทายาทหวงลู่นั้นนั่งแถวหน้าสุดนู่นน่ะ ส่วนเหล่าเชื้อพระวงศ์ก็นั่งกระจายกันออกไปตามความต้องการของตนมีลูกหลานขุนนางที่ขอเข้าพวกเรียบร้อยไปนั่งตามกลุ่มของเจ้านายตน ส่วนเฟยเมี่ยวจะมาช้าก่อนเริ่มเรียนเสมอ เพื่อหาที่นั่งไกลจากผู้คนหน่อยและสำหรับวิชานี้นางมักจะแอบหลับนั่นเอง
เชื้อพระวงศ์ที่มาร่วมเรียนในชั้นนี้ครอบคลุมอายุตั้งแต่อายุสิบปีถึงจนกว่าจะสอบจบได้เลยล่ะ ในห้องเรียนนี้นอกจากหวงลู่ที่เฟยเมี่ยวพอสนิทด้วยแล้ว ก็มีคุณหนูไป๋ ไป๋หนิงอันที่หลังจากถูกองค์หญิงสามแกล้งไปแล้ว เฟยเมี่ยวจึงบอกให้นางไปหาเชื่อพระวงศ์ติดตามเถิด ซึ่งหนิงอันก็เลือกอยู่รวมกับท่านหญิงเจียวจิง แม้ไม่ใช่องค์หญิง แต่ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีเลย ท่านหญิงคนนี้เป็นบุตรีขององค์หญิงสามจ้าวรุ่นถิงในราชวงศ์ก่อนกับท่านเสนาบดีหลิง สตรีผู้นี้วางตัวดี มีนิสัยรอบครอบยิ่ง ไม่ดีไม่ร้าย เป็นที่นับถือจากเหล่าองค์หญิงองค์ชายที่อายุน้อยกว่าพอตัว
เมื่อถึงเวลาหงไท่ฝูก็เข้ามา เขาเป็นบุรุษวัยกลางคนอายุประมาณสี่สิบขึ้นไป มีเครายาวชอบสวมชุดสีขาวทั้งตัว และมีนิสัยเอ็นดูเด็กที่ฉลาดเป็นพิเศษ ซึ่งเฟยเมี่ยวนั้นกลายเป็นเด็กคนโปรดของหงไท่ฝูในการเรียกถามตอบเลยล่ะ มิใช่เพราะนางฉลาดรอบรู้นะ แต่เป็นเพราะเรียกถามนางทีไรเฟยเมี่ยวเป็นตอบไม่ได้เสียทุกครา หรือไม่ก็คำตอบแปลกประหลาดจนห่างไกลคำตอบถูกไปไกลนั่นล่ะ สร้างเสียงหัวเราะได้ดี ถูกใจทั้งตัวเขาเองและเหล่าสหายร่วมชั้น
หงไท่ฝูผู้นี้เป็นรูปแบบอาจารย์ที่นางเกลียดที่สุดตั้งแต่เรียนในชาติก่อนเลย
...ยึดติดในตำราเกินไปและเป็นตัวสร้างค่านิยมว่าเด็กฉลาด คือเด็กที่จดจำเนื้อหาในหนังสือเรียนได้ ส่วนคนที่จำไม่ได้หรือมีความคิดต่างออกไปก็จะถูกดูถูกเหยียดหยาม
มายุคนี้นางยังต้องเจออีกไม่จบไม่สิ้น...
“อีกไม่ถึงหนึ่งเดือนต่อไปนี้จะมีการสอบวัดผลแล้ว หวังว่านับแต่วันนี้ ทุกท่านจะตั้งใจอ่านตำรา ทบทวนเนื้อหาที่เรียน และฝึกฝนทักษะที่ต้องสอบอย่างขะมักเขม้นเล่า... โดยเฉพาะคุณหนูซุน ที่เหล่าไท่ฝูเป็นกังวลมากที่สุด”
นั่นอย่างไร นั่งเงียบอยู่เฉย ๆ ก็เอาอุจจาระมาปาใส่หัวนางได้ เฮ้อ
“รบกวนหงไท่ฝูเกินไปแล้วเจ้าค่ะ ข้านี้ยังไม่กังวลเลย ไท่ฝูก็มิต้องกังวลหรอกเจ้าค่ะ สอบคราวนี้ก็มิต่างจากคราวก่อน ๆ หรอก”
นางหมายถึงก็ง่ายไม่ต่างจากคราวอื่นน่ะนะ สอบครั้งที่ผ่านมาเฟยเมี่ยวก็ทำคะแนนอยู่ในระดังกลาง ๆ มาตลอด ไยเขาไม่ไปกังวลเหล่าองค์หญิงองค์ชายบางคนที่คะแนนใกล้จะตกเล่า
“ท่านอาจารย์มิต้องใส่ใจนางหรอก ขนาดท่านแม่ทัพใหญ่ซุนบิดาของนางยังไม่กังวลอันใดเลย ฮะ หึ”
เป็นน้ำเสียงติดเล่นขององค์ชายสี่นามลู่เจ๋อ โอรสของฮ่องเต้กับพระสนมเอกเสียนเฟย ตามเคย คนผู้นี้ไม่มีอันใดดีนอกจากปาก เรื่องเรียนก็แทบตกทุกคราที่สอบวัดผล อีกทั้งยังโดดเรียนไปอยู่ตามแหล่งบันเทิงจนเป็นที่โจษจันไปทั่วเมืองหลวง ว่าเป็นองค์ชายเสเพล คนผู้นี้ไม่ชอบหน้าเฟยเมี่ยวเพราะว่านางเคยทำเขาขายขี้หน้าในคราวแรกที่เจอกัน องค์ชายสี่เข้ามาเกี้ยวพานางและถูกปฏิเสธต่อหน้านางกำนัลรับใช้ นับแต่นั้นเขาก็หาเรื่องเฟยเมี่ยวในห้องเรียนไม่เว้นวัน
“องค์ชายสี่ช่างรอบรู้ยิ่งนัก รู้ได้แม้กระทั่งว่าบิดาของหม่อมฉันไม่กังวลเลย สอบวัดผลครานี้คงผ่านทุกวิชาไม่เสียหน้าเช่นเคยเป็นแน่นะเพคะ”
แม้นางจะเป็นเพียงลูกขุนนางแต่ก็มีฮองเฮาคอยดันหลังให้ นอกจากเรื่องที่ต้องทำความเคารพเหล่าเชื้อพระวงศ์แล้ว เฟยเมี่ยวก็ไม่ยอมให้ใครมากลั่นแกล้งง่าย ๆ อยู่แล้ว
“เจ้า!! เจ้ากล้าดีอย่างไรมาวิจารณ์คะแนนสอบของข้า”
เป็นองค์ชายที่เสียชาติเกิดเสียจริง ดูเอาเถอะเขาเป็นคนสร้างขึ้นมาแท้ ๆ ถูกโต้กลับเพียงน้อยนิดก็หน้าดำหน้าแดงเพียงนี้เสียแล้ว
“ขออภัยเพคะ หม่อมฉันเพียงพูดตามจริง หรือว่าในห้องเรียนแห่งนี้ห้ามพูดความจริงหรือเพคะ”
“เอาเถอะ ๆ พอแล้ว องค์ชายสี่โปรดพระทัยเย็นก่อน
พะยะค่ะ คุณหนูซุนนางพูดไม่คิดพระองค์อย่าได้ใส่พระทัยเลย”
หงไท่ฝูเอ่ยจบก็ถลึงตามาทางเฟยเมี่ยวเล็กน้อยและจบด้วยการหันไปกล่าวปลอบประโลมเชื้อพระองค์จนองค์ชายสี่เย็นลงได้ ห้องเรียนจึงกลับมาสงบอีกครา ส่วนเฟยเมี่ยวนั้นก็นั่งนิ่งทำท่าทีเหมือนฟังแต่จิตใจนางนั้นเตลิดไปไกลแล้ว รู้ตัวอีกทีก็จบวิชาที่เรียนวันนี้นั่นล่ะ
นางรอให้เหล่าเชื้อพระวงศ์เสด็จออกไปกันหมดก่อนจะได้ไม่ต้องปะทะกัน
อา แต่คนมันอยากปะทะทำอย่างไรก็หลบไม่พ้นอ่ะนะ
“สอบวัดผลคราวนี้เจ้ามาเดิมพันกับข้าหรือไม่ หากเจ้าทำคะแนนรวมได้น้อยกว่าข้า จะต้องมาเป็นบ่าวรับใช้ส่วนตัวให้ข้านับแต่นั้น !”
องค์หญิงสามนั้นถือว่ามีคะแนนสอบติดสามลำดับแรกทุกครา การที่มาเดิมพันเยี่ยงนี้กับคนที่ได้คะแนนกลาง ๆ อย่างเฟยเมี่ยว ย่อมคือการจงใจให้นางไปเป็นบ่าวรับใช้มิใช่หรือ
