บท
ตั้งค่า

3.3 ช่วยว่าความสืบคดี

“เรียนท่านอ๋อง หม่อมฉันมีเรื่องเล่าหนึ่งที่คิดขึ้นมาได้ รบกวนพระองค์ทรงสละเวลาฟังหม่อมฉันหน่อยได้ไหมเพคะ”

เฟยเมี่ยวคำนับขอความกรุณาและตั้งใจเอ่ยขอร้องบุคคลที่นางอยากเลี่ยงจะคุยด้วยเป็นคราแรก เพราะสิ่งที่นางคิดได้เมื่อสักครู่นั้น หากไม่ได้อำนาจของเขาปิดปากทุกคนในที่นี้ให้เงียบไว้ก่อนนางพูดจบ ย่อมถูกขัดตั้งแต่ประโยคแรกแล้ว

สายตาดำลึกล้ำดั่งสายน้ำไหลปรวนแปรมองสบมาอย่างอ้อนวอน มันทำให้เต๋อรุ่ยมีความสนใจอยากรู้แล้วสิว่าเรื่องเล่าอันใดทำให้นางเอ่ยปากขอร้องเขาได้ จากที่ก่อนหน้าเจอกันก็ทำเพียงคำนับและรีบจากไปเสียทุกที

“ข้ารอฟังเจ้า พูดมาเถิด...”

“ขอบพระทัยท่านอ๋องเพคะ”

เฟยเมี่ยวคำนับเสร็จก็กลับมายืนตัวตรงพร้อมเอ่ยต่อไปทันที

“นายซางมิได้นอนอยู่กับนายตู้ตลอดคืนหรอก หลังจากที่ทั้งสองเมามายแล้ว นายตู้ได้ออกไปข้างนอกยังที่เกิดเหตุและถูกฆ่าตายในที่สุดตามเวลาที่หมอชันสูตรบอก แต่ที่นายซางบอกว่าเห็นนายตู้หลับอยู่ที่เดิม น่าจะมองพลาดไปด้วยอาการเมาในตอนนั้นมากกว่า ข้าขอถามท่านผู้ช่วยเจ้าค่ะ ว่าที่ห้องนอนที่ทั้งสองนอนด้วยกันมีหมอนหรือสิ่งอื่นใดที่สามารถนำมาวางต่อกันแล้วเอาผ้าคลุมหน่อยก็คล้ายคนนอนอยู่ได้ไหมเจ้าคะ”

ผู้ช่วยเลี่ยงนิ่งไปช่วยครู่ก็พยักหน้าตอบมา

“มีอยู่จริง ตอนไปถึงเหมือนว่าหมอนเหล่านั้นจะถูกคนตั้งใจวางแล้วเอาผ้าห่มคลุมไว้ด้วย เช่นนั้นจึงถูกเจ้าหน้าที่บันทึกไว้นั่นแหละ”

ประหลาดนะ นางคิดไว้ว่าแค่เป็นเรื่องบังเอิญ แต่ฟังไปฟังมากลับเหมือนมีคนตั้งใจให้นายซางมองพลาดอย่างไรอย่างนั้น

“แล้วผ้าคลุมหรือไม่ก็สีของหมอนคล้ายกับชุดของนายตู้ที่สวมใส่ตอนถูกฆ่าด้วยใช่ไหมเจ้าคะ”

“อ่า คล้ายจริง”

เฟยเมี่ยวพยักหน้าเป็นการขอบคุณในความร่วมมือก่อนหันมาเอ่ยกับนายซางตรง ๆ

“ที่จริงแล้วนายตู้ที่เห็นเป็นเพียงหมอนถูกผ้าคลุมเท่านั้น ไม่แปลกที่เจ้าจะเห็นว่าเป็นคน เพราะตอนนั้นทั้งเมาและก็มืดมาก ทีนี้ข้ามีคำถามถามเจ้าเสียหน่อย”

สีหน้าที่เคยมองอย่างดูแคลนของนายซางดีขึ้นจนเห็นได้ชัด คราวนี้เขามีท่าทีพร้อมตอบคำถามของเฟยเมี่ยวอย่างเต็มใจเลยล่ะ

“ตอนดื่มสุรานายตู้เอ่ยอันใดกับเจ้าบ้าง พูดมาให้หมด”

คนเมาสองคนเรื่องที่คุยย่อมไม่พ้นเรื่องปรับทุกข์ในช่วงนั้นหรอก แม้นางจะไม่รู้ว่านายตู้เมาหรือไม่ แต่การทำให้สหายเมาถึงกับค้างที่บ้านได้ เขาก็ต้องดื่มไปพอสมควรนั่นล่ะ

“ตามจริงที่พี่ตู้ชวนมาคราวนี้ข้าก็แปลกใจอยู่ เพราะเราทั้งสองไม่ค่อยสนิทกันมาก หากเขาไม่บอกว่าจะเลี้ยงสุราข้าทั้งหมดก็คงไม่ไปหรอก...

อา เขาเหมือนกำลังบ่น ๆ เรื่องการหาเงินแต่งเมียนั่นล่ะ บอกว่าชอบพอนางมากแต่บิดานางยื่นคำขาดว่าให้มีสินสอดมากประมาณนึงถึงจะยกให้ เขายังเอ่ยว่าอยากยืมเงินข้าอยู่เลย เพียงแต่ข้าเดิมทีก็จนยิ่งกว่าเขาอยู่แล้ว ไม่มีให้หรอก

...เอ่อ เหมือนมีอยู่คราหนึ่งเขาบอกว่าตามจริงเขายืมเงินคนผู้หนึ่งมามากแล้วเพื่อนำไปซื้อของ ตอนนี้ยังไม่มีเงินคืนเลย ยังต้องหาเงินไปสู้ขอเพิ่มอีก อันใดทำนองนั้นขอรับ เอ่อ ข้าจำได้เพียงเท่านั้น”

พอนายซางเห็นว่าเฟยเมี่ยวอยู่ข้างตน กำลังช่วยตนเองจึงพยายามนึกทุกอย่างที่พอนึกได้ออกมาจนหมด

...แหม ก็ใครจะไม่อยากรอดเล่า

เมื่อฟังจนจบเจ้าของคำถามก็นิ่งไปชั่วครู่ก่อนหลุดหัวเราะออกมา นางฟังแล้วดันนึกเรื่องราวหลังจากนี้ออกซึ่งเป็นสิ่งที่น่าตกตะลึงมากจนหลุดหัวเราะเลยล่ะ

ทว่าเพื่อให้คนร้ายตัวจริงไหวตัวไม่ทัน เฟยเมี่ยวต้องขอความช่วยเหลือชินอ๋องหน่อยแล้ว

เฟยเมี่ยวจำเป็นต้องบอกเขาเพียงผู้เดียว แต่จะทำอย่างไรให้บอกเขาได้เล่าหากไม่ใช่การกระซิบบอก ด้วยความตื่นเต้นในสิ่งที่คิดทำให้เฟยเมี่ยวก้าวเดินไปหาชินอ๋องอย่างลืมความหวั่นเกรงของตนเองก่อนหน้าไปหมดสิ้น

ตอนแรกคนของชินอ๋องก็จะทำทีมาขัดขวางไม่ให้นางเข้าใกล้เจ้านายของพวกเขานั่นล่ะ แต่เป็นชินอ๋องเองที่ห้ามไว้ เขาปล่อยให้นางเข้ามาใกล้ตนเองแบบห่างเพียงโต๊ะกั้นเท่านั้น

เฟยเมี่ยวไม่กระซิบบอกเขาหรอก นางหยิบพู่กันจิ้มหมึกและเขียนข้อความหนึ่งให้ชินอ๋องดูตรงหน้าแทน ด้วยความที่นางอยู่ตรงข้ามกับชินอ๋องและเพื่ออำนวยความสะดวกให้ เฟยเมี่ยวก็เขียนอักษรกลับหัวให้ฝั่งชินอ๋องอ่านออกแทน

...คนร้ายอยู่ในคนที่มาเข้าดูการตัดสิน...

ไม่รอเวลาผ่านไปมากเกินชั่วหายใจ ชินอ๋องก็ให้สัญญาณคนของตนเองปิดล้อมทางเข้าออกศาลทันที หลังจากนั้นก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวดังก้องพื้นที่ปิดนี้

“จับมันผู้นั้นเสีย !!! เขาคือคนฆ่านายตู้ตัวจริง”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel