บท
ตั้งค่า

3.2 ช่วยว่าความสืบคดี

“เราไปตรวจสอบแล้ว ร้านค้านั้นมีลูกค้าเข้ามากมายจำไม่ได้ว่านายตู้เคยซื้อสิ่งใดไปบ้าง ส่วนที่นายตู้ไปที่ตลาดฝั่งตะวันออกเพราะเขานั้นชอบพอกับลูกสาวร้านขายเกี๊ยวคนหนึ่งอยู่ เหมือนว่าจะเทียวไปเกี้ยวพาขอรับ แต่พ่อของนางไม่ยกให้เพราะนายตู้ดูจนมาก กลัวพาลูกสาวเขาไปลำบาก แต่นายตู้ก็ไม่ย่อท้อเทียวไปหลายคราไม่ขาดจนมาตายลงนี่ล่ะขอรับ”

“ไปนำตัวทุกคนที่ถูกเอ่ยถึงมาให้หมด”

รับสั่งของชินอ๋องผ่านไปไม่นาน นอกจากเก้าอี้ของจำเลยที่ถูกมัดมือและมีทหารยืนคุมแล้ว ตรงกลางลานก็ปรากฏเป็นพ่อลูกร้านเกี๊ยวเพิ่มมา

เฟยเมี่ยวมองพ่อค้าร้านเกี๊ยวแล้วเขาดูนิ่งเฉยติดจะมีอารมณ์กรุ่นโกรธเล็ก ๆ ไม่ได้ดูร้อนรนอย่างคนทำความผิดเท่าไหร่ ผิดก็แต่ลูกสาวที่ถูกนายตู้ไปชื่นชอบนั่นล่ะ ที่มีสีหน้าลุกลี้ลุกลนแปลก ๆ อีกทั้งการแต่งตัวของสตรีนางนี้ก็ดูฟุ้งเฟ้อเกินจะเป็นเพียงลูกสาวร้านขายเกี๊ยวเสียด้วย ทั้งปิ่นทอง กำไล และชุดตัวใหม่ ทุกอย่างถูกประโคมเข้ามาอย่างคนไม่เคยมี พอได้มีก็กำลังเห่อของใหม่อย่างไรอย่างนั้น

สมัยที่เฟยเมี่ยวเป็นสายลับในชาติก่อนนั้น ตอนที่ยังไม่มีภารกิจให้ออกไปปฏิบัติการเป็นสายลับที่ประเทศอื่น นางเคยไปช่วยทำงานในศาลช่วยสืบคดีกับนักสืบเก่ง ๆ มาบ้าง นางเคยได้รับบทเรียนมาว่า การจะหาคนร้ายในคดีที่ยากไขนั้น สิ่งหนึ่งที่ต้องมีคือทักษะการสังเกตและจินตนาการ คนสืบคดีต้องเอะใจในสิ่งที่แปลกและใส่จินตนาการเข้าไปเพื่อตั้งสมมติฐานขึ้นมา ลองพิสูจน์ดูว่าจริงหรือไม่ หากใช่ก็จบ หากสมมติฐานนี้ไม่ใช่ก็แค่เปลี่ยนใหม่ไปจินตนาการอีกอย่างก็เท่านั้น

จากที่นางสังเกตและฟังเรื่องราวการสืบคดีของเหล่ามือปราบมานั้น นางคิดสมมติฐานออกอยู่อย่างหนึ่ง ตอนนี้เหลือแค่ว่านางต้องหาทางพิสูจน์ว่าเป็นจริงไหมแล้ว

“องค์รัชทายาทเคยไปร้านชุดและเครื่องประดับที่นายตู้ไปหรือไม่เพคะ”

เฟยเมี่ยวเอ่ยคุยกับหวงลู่ด้วยเสียงไม่ดังมากและไม่เบาขนาดเสียงกระซิบ

“ไม่หรอก ร้านนั้นเป็นร้านขนาดกลางน่ะ แต่สินค้าข้างในก็ดีในระดับที่เหล่าขุนนางขั้นสามลงไปไปจับจ่ายใช้สอยได้เดือนละชิ้นสองชิ้น”

“คงคล้ายกับที่แม่นางน้อยร้านเกี๊ยวสวมอยู่ใช่ไหมเพคะ ?”

คำถามของเฟยเมี่ยวไม่ใช่เพราะต้องการคำตอบหรอก นางเพียงเอ่ยถามให้คนได้ยินเอะใจบางอย่างเท่านั้น

เหล่าเจ้าหน้าที่ใกล้เคียงบังเอิญได้ยินก็คิดตามบ้าง แต่เป็นชินอ๋องที่ออกตัวก่อนผู้ใด

“ไปนำตัวหลงจู๊ร้านขายเครื่องประดับและชุดมาเดี๋ยวนี้ !”

เฟยเมี่ยวอยากปรบมือดังดังให้ชินอ๋องผู้นี้แล้ว เขาหลักแหลมมากอีกทั้งทำสิ่งใดก็รวดเร็วเด็ดขาดยิ่ง ไม่นานบุรุษสามคนก็ถูกพาตัวเข้ามา

“นั่นใช่สินค้าร้านพวกเจ้าหรือไม่ ?!”

จำลูกค้าไม่ได้ แต่ย่อมจำสินค้าของร้านตนได้แน่อยู่แล้ว ชินอ๋องช่างร้ายกาจจริงเชียว เฟยเมี่ยวได้พิสูจน์สิ่งที่ตนคิดเปาะแรกแล้วว่าเป็นจริง เพราะเหล่าหลงจู๊ล้วนพยักหน้าพร้อมเอ่ยอย่างมั่นใจว่าเครื่องประดับและชุดบนร่างของลูกสาวร้านเกี๊ยวมาจากร้านพวกเขาจริง

คราวนี้ด้วยเพราะองค์รัชทายาทกำลังตื่นเต้นที่เหมือนว่าคดีกำลังดำเนินไปใกล้ความจริงเขาจึงเป็นฝ่ายออกปากถามเองบ้างแล้ว

“แม่นางซื้อมาจากร้านเอง ? หรือว่ามีผู้ใดซื้อมาให้เจ้ากันแน่”

จะปฏิเสธก็กลัวถูกทำโทษ แต่หากพูดไปตามตรง ลูกสาวร้านเกี๊ยวก็กลัวถูกหาว่าเป็นคนฆ่านายตู้ ท่าทางจึงเต็มไปด้วยความร้อนรน ร่างกายสั่นเทา พูดแล้วแทบจับใจความไม่ได้แต่พอสรุปได้ว่า เป็นนายตู้ที่แอบพ่อ นัดนางแล้วมอบของสิ่งนี้ให้เมื่อหลายสัปดาห์ก่อนนี้ ทว่านางยังบอกอีกว่าไม่ได้เจอนายตู้มาหลายวันแล้ว

คำให้การนี้ค่อนข้างโยงมาที่บิดาร้านเกี๊ยวที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยทันที แต่เฟยเมี่ยวคิดว่าไม่น่าจะใช่เขาเท่าไรนักหรอก เพราะเหตุจูงใจดูอ่อนเกินไป แค่เพียงเพราะมาเกี้ยวพาลูกสาวถึงกับต้องฆ่ากันเลยหรือ นั่นหมายความว่าบิดาร้านเกี๊ยวกำจัดคนมายุ่งกับลูกสาวได้แต่ต้องเสียอนาคตเลยนะ นอกเสียจากว่ามีเหตุจูงใจเพิ่มขึ้นมากกว่านี้

เฟยเมี่ยวตัดสินใจหันกลับมาสนใจที่นายซางอีกครา เพราะยังไม่สามารถอธิบายได้เลยว่าหากเขาไม่ใช่คนฆ่าแล้วเหตุใดคำพูดของเขา ไยมีหลายจุดที่คลาดเคลื่อนจากความจริง

...ทำไมเขาถึงบอกว่านายตู้ยังนอนอยู่กับเขา ในช่วงเวลาที่หมอชันสูตรบอกว่านายตู้ตายแล้ว

ไม่น่าใช่หมอคิดพลาด แต่มันต้องมีบางอย่างที่ไม่ถูกน่ะนะ แต่มันคือสิ่งใดกัน

“นายซาง ไยตอนลุกขึ้นมาถ่ายเบาเจ้าถึงไม่เดินกลับบ้านไปเลยเล่า ?”

เฟยเมี่ยวกลับมาสนใจที่จำเลยอีกครา ทำให้ดึงคนกลับมาจ้องนายซางอีกรอบทั้งที่เขาก็เหมือนกำลังหลุดพ้นแล้วจึงมีสีหน้าไม่พอใจยามมองคนถามอย่างสตรีวัยอ่อนที่มิรู้ว่าคือใคร

“ตอบ !”

ต้องขอบพระทัยชินอ๋องที่ทำให้สายตาสงสัยปนกร่นไล่ปัดไปจากตัวนาง

เมื่อครู่นางตั้งใจวิเคราะห์มากเกินไปจึงหลุดปากถามสิ่งที่ตนสงสัยออกมาทันที นางลืมคิดไปว่าที่นี่คือยุคโบราณที่สตรีนั้นไม่ควรเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องเหล่านี้

“ข้าน้อยตื่นมาหลังจากนอนไปไม่น่าถึงชั่วยามด้วยซ้ำ ยังไม่สร่างเมาเสียหน่อย กลับบ้านอันใดไหวกัน”

ฟังคำของนายซางแล้ว เฟยเมี่ยวก็พอเข้าใจเรื่องใดบางอย่างแล้วล่ะ

“เรียนท่านอ๋อง หม่อมฉันมีเรื่องเล่าหนึ่งที่คิดขึ้นมาได้ รบกวนพระองค์ทรงสละเวลาฟังหม่อมฉันหน่อยได้ไหมเพคะ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel