5 ค่ำคืนแรกหลังจากสามีของนางฟื้น
นอกจากการที่อารุ่ยฟื้นมาแล้วจะไม่ช่วยแบ่งเบาภาระให้จิ่วเม่ยแล้ว เด็กชายวัยสามปีจอมปลอมผู้นี้ยังสร้างความปวดหัวให้นางเพิ่งอีก
เมื่อนางทำแป้งห่อไส้ผักผสมกับไก่ที่เหลือต้มให้ทั้งสามคนกิน ก้อนแป้งน้อยน่ารักทั้งสองกินอย่างเอร็ดอร่อยชื่นใจคนทำยิ่งนัก แต่บิดาของพวกเขานั้นกลับแตะเพียงนิดเดียวและวางเกี๊ยวต้มฉบับคนมีของไม่ครบลงทันที
“ข้าไม่กินผัก กินไม่ได้เด็ดขาด!”
“ท่านพ่อ ผักในเกี๊ยวนี้อร่อยกว่าที่ท่านเคยกินยิ่งนักขอรับ ท่านพ่อลองชิมก่อน”
หลินหมิงวางมือจากเกี๊ยวครึ่งชิ้นที่กินค้างไว้ของตนเอง หันมาคีบผักในเกี๊ยวของบิดายกจะให้ชิม นางมองแล้วเหมือนบิดากำลังป้อนข้าวให้ลูกของตนกินอย่างไรอย่างนั้น
ไม่เท่านั้น พออารุ่ยเบนหน้าหนีกอดอกหน้าบึ้งหลินเมี่ยวที่นั่งข้างจิ่วเม่ยก็เรียกบิดาเสียงหวานให้มองมาที่ตนทันที
“พ่อจ๋าดูเมี่ยวเอ๋อร์น้า อ้ำๆ ง่ำๆ ออ่อยอิ่งนัก อืม...”
ใช่แล้วจ้ะ เมี่ยวเอ๋อร์กินอวดให้อารุ่ยดูจนคนที่หน้าบึ้งเริ่มคีบเกี๊ยวของตนเองเข้าปาก ยังดีที่สีหน้าจากที่บิดเบ้กลายเป็นเริ่มดีขึ้นในที่สุด
“ท่านพ่อเก่งมากขอรับ ท่านแม่ก็เก่งมากทำอาหารอร่อยจนท่านพ่อที่ไม่กินผักมาก่อนกินได้มากเพียงนี้...”
จิ่วเม่ยยิ้มรับปากเกร็ง นางกำลังสงสัยมากว่าจิ่วเม่ยคนเดิมเลี้ยงลูกคนนี้ให้ดูโตเป็นผู้ใหญ่ได้เพียงนี้อย่างไร และเลี้ยงอารุ่ยสามีให้เป็นเด็กน้อยเยี่ยงนี้ได้อย่างไร นางฟังเรื่องเกี่ยวกับสามีนิรนามผู้นี้จากการตะล่อมถามคนสกุลเฉินมาแล้ว ได้ความว่า คนในหมู่บ้านเข้าใจว่าสามีของจิ่วเม่ยนั้นเป็นบ้า หน้าหล่อแต่โง่ เพราะไม่มีใครรู้บุรุษผู้นี้เป็นใคร และเขาก็ดูเหมือนคนมีอายุสามขวบ กว่าที่จิ่วเม่ยคนเดิมจะสอนให้พูดคล่องได้เยี่ยงนี้ก็ปาเข้าไปเป็นปีอยู่เหมือนกัน
ทว่าในความคิดของจิ่วเม่ยนั้นบุรุษผู้นี้อาจมิได้เป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาแน่ นางดูจากรูปร่าง ผิวพรรณที่แม้ไม่ได้ขาวผ่องแต่มองดูก็เห็นว่าแตกต่างจากบุรุษชาวบ้านทั่วไปอย่างพี่อี้มาก อีกทั้งท่าทางการกินอาหารก็ดูเรียบร้อยอย่างคนถูกฝึกมาดีฝังอยู่ในสายเลือด ไหนจะความเรื่องมากที่จิ่วเม่ยกำลังเผชิญอีกเล่า มันเหมือนลูกคุณหนูไม่มีผิด
“อิ่มแล้ว...”
คนที่ตัวโตสุดอิ่มแล้วก็หยิบผ้าขึ้นเช็ดปากทันที ซึ่งก้อนแป้งทั้งสองและนางก็กินเสร็จแล้วเช่นกัน หลินหมิงเด็กดีลุกขึ้นเก็บถ้วยชามเหมือนอย่างเคย
ทว่าจิ่วเม่ยมองแล้วดูขัดตายิ่งนัก
“อาหมิง นับแต่นี้หน้าที่เก็บถ้วยชามปล่อยให้อารุ่ย เอ่อ สามีเป็นคนเก็บเถอะ...”
นางไม่อยากให้คนตัวโตแต่สมองว่างเปล่านั่งนิ่งมองเด็กอายุสามขวบทำงานหนักอีกต่อไปแล้ว
“แต่ว่า ท่านแม่...”
“ไม่มีแต่ เจ้าไปทำอย่างอื่นเถอะ”
“ขอรับ”
จิ่วเม่ยรอจนหลินหมิงพาน้องสาวเดินเข้าห้องไปก่อนหันกลับมาสนใจสามมีที่ใช้สายตาสีดำสนิทจ้องมองมาอย่างสงสัย
“ทำเป็นหรือไม่ ล้างชาม?”
“อ้อ แน่นอน”
อารุ่ยที่ตัวโตจนทำให้เหล่าถ้วยชามในมือเล็กลงไปถนัดตา เขาเดินไปในครัว ส่วนจิ่วเม่ยก็เดินเข้าห้องไป นางแบกของที่ซื้อมาจากตลาด พวกเสื้อผ้าเตรียมนำไปให้สองก้อนแป้งน้อยลองสักหน่อย
เคร้ง!ๆๆ
เสียงดังมาจากในครัวนั่นเอง
“ท่านแม่มิได้ไปช่วยท่านพ่อล้างชามหรือขอรับ อย่างนั้นเสียงก็...”
สามแม่ลูกรีบวิ่งไปที่ต้นเสียง พบอารุ่ยในสภาพเปียกปอน ถังใส่น้ำล้มคว่ำ น้ำในนั้นเปียกนองพื้น ส่วนจานชามที่พวกนางใช้ก่อนหน้าวางตรงหน้าเขา ในมือมีชามไม้ใบเล็กที่มีสภาพหักครึ่งคามือ
“พ่อจ๋าทำชามหักอีกแล้ว คราวนี้เมี่ยวเอ๋อร์จะใช้ชามใดซดน้ำกันเล่า!”
อา นางรู้สาเหตุที่ไม่ให้คนตัวโตผู้นี้ทำอันใดขึ้นมาแล้ว เพราะเขาคือร่างผู้ใหญ่สมองเด็ก ทำอันใดพังจนได้รับมอบหมายหน้าที่ให้อยู่เฉยๆ นี่เอง
จิ่วเม่ยปวดหัวจัง นางอยากนอนเอาเท้าก่ายหน้าผากเสียเดี๋ยวนี้เลย...
หลังจากที่นางรู้ว่าสามีสมองเด็กผู้นี้นอกจากจะเรื่องมากแล้วเขายังแรงเยอะอีกด้วย ดังนั้นจิ่วเม่ยจึงใช้ประโยชน์ข้อนี้เสียเลย นางเดินนำอารุ่ยไปตักน้ำจากสระกลางของหมู่บ้านมาเติมใส่ถังประจำบ้านจนเต็ม เดินไปกลับสองรอบพร้อมถังน้ำขนาดเท่าสองตัวของสตรี แบกผ่านคานไม้ครั้งละสองถัง บุรุษผู้นี้ยังไม่เหนื่อยเลย อีกทั้งแบกได้สบายมาก ทำให้จิ่วเม่ยวาดฝันสิ่งที่อยากให้เขาทำอีกมากมายไว้ แต่วันนี้นางต้องมาทำของสิ่งหนึ่งก่อน จึงสั่งให้เขาไปเล่นกับเจ้าก้อนแป้งน้อยทั้งสองที่หน้าบ้านเสีย
นางทำอาหารมาสองสามมื้อพบว่ามันยุ่งยากและไม่อร่อยเท่าที่คิด นางจึงวางแผนไว้ว่าจะทำน้ำส้มสายชูหมักเสียหน่อย ส่วนผสมก็เตรียมเรียบร้อยเหลือลงมือ ทำเสร็จค่อยนำไปบ่มในที่ร้อนหน่อยให้มันกลายเป็นน้ำส้มสายชูหมักเร็วขึ้นทันกิน
มีข้าวเหนียวที่ซื้อมาเพื่อใช้ทำโดยเฉพาะ มีเท่าไหร่ก็จัดการทำมันทีเดียวหมดเลย เผื่อว่าจะนำไปขายในท้องตลาดได้ด้วย
“แม่นางจิ่วอยู่ไหม ออกมาเดี๋ยวนี้นะ!!”
“ลุงอย่าเข้ามานะนี่บ้านเมี่ยวเอ๋อร์!!!”
เสียงดังมาจากหน้าบ้านทำให้จิ่วเม่ยที่เพิ่งทำน้ำส้มสายชูหมักเสร็จพอดีรีบวิ่งไปดูหน้าบ้านอันเป็นที่มาของเสียงทันที
“ไปเรียกมารดาเจ้ามาเดี๋ยวนี้นะ ไอ้เด็กมีบิดาบ้า และมารดาใฝ่ต่ำ”
คนพูดเป็บบุรุษผิวคล้ำตัวใหญ่ ใบหน้าเต็มไปด้วยโทสะและดูเหมือนว่าเขาอยากจะปลดปล่อยโทสะใส่เด็กเสียตอนนี้ด้วย จิ่วเม่ยมาถึงก็เห็นว่าเขาง้างมือจะตบอาเมี่ยวที่มายืนกอดอกขวางไม่ให้เขาเข้ามาในเขตบ้านแล้ว
“หยุดนะ!”
“โอ๊ยๆๆๆ เจ้าบ้านี่กล้าทำร้ายข้างั้นรึ...”