บท
ตั้งค่า

3 แป้งทอดกรอบยัดไส้ (ต่อ)

ป้าและลุงสกุลเฉินช่วยจิ่วเม่ยพาสามีกลับมาบ้านแล้วก็กำลังจะจากไป ซึ่งจิ่วเม่ยก็ได้ตอบแทนพวกเขาไปด้วยกระต่ายหนึ่งตัวที่นางล่ามาได้ เพื่อที่จะได้มีเพื่อนบ้านที่ดีไว้ฝากให้ช่วยดูแลเด็ก

กว่าจะคุยกันเสร็จดวงอาทิตย์ก็ตกดินแล้ว สามีที่ยังไม่ฟื้นนั้นคงได้สมุนไพรของสกุลหวังไปเลยไข้ลดบ้างแล้ว นางจึงต้องรีบมาเตรียมมื้อเย็นให้เด็กๆ เพราะพวกเขาผ่านเรื่องราวหนักหนามาจึงงีบหลับไป รอตื่นมาก็อยากให้ได้กินมื้อเย็นดีดีพอดี

จิ่วเม่ยมีผักหลายชนิดเลยในมิติว่างของนาง แต่ในบ้านหลังนี้ยากจนถึงขนาดไม่มีแม้แต่แม้เครื่องปรุงสักอย่างเดียว นางเลยตัดสินใจว่าจะไปถามกับบ้านป้าเฉินหน่อยว่ามีอันใดให้ยืมก่อนได้บ้างไหม ซึ่งก็ได้รับของที่พอใช้ได้กลับมาคือ เกลือสีขุ่น น้ำตาล อย่างละนิดอย่างละหน่อยพอทำได้กับผักหนึ่งถังขนาดไม่ใหญ่เท่านั้น และด้วยความที่ก่อนหน้านั้นจิ่วเม่ยให้เนื้อกระต่ายไปซึ่งถือว่าหายากกว่าอาหารอย่างอื่นมากนัก นางจึงได้แป้งข้าวเหนียวที่ผ่านการโม่มาแล้วด้วยหนึ่งถุงใหญ่เลย บ้านสกุลเฉินนั้นมีที่นาปลูกข้าวได้ผลผลิตมาเยอะจึงแบ่งมามากพอตัว จิ่วเม่ยเดินกลับบ้านยิ้มหวานเลยเชียว

ตอนแรกนางจะแค่ต้มมันเทศให้ก้อนแป้งน้อยกิน และเอาข้าวสารที่เหลือต้มเป็นน้ำข้าวหยอดให้สามีที่เรียกเท่าไหร่ก็ไม่ฟื้นสักที ตอนนี้พอเห็นของในมือนางเปลี่ยนใจแล้ว...

ไฟของเชฟกระทะเหล็กกำลังลุกโชนจนนางตัดความเหน็ดเหนื่อยที่มีตอนอยู่ในป่าหายปลิดทิ้ง นางอยากทำมื้อเย็นแสนอร่อยให้สองก้อนแป้งน้อยกินเป็นการปลอบใจเสียแล้ว

มื้อเย็นนี้จิ่วเม่ยจะทำแป้งห่อไส้ผักและเนื้อไก่ให้เด็กทั้งสองคนกิน พร้อมเอากระดูกไก่ต้มน้ำซดให้ชุ่มคอ ตอนเอาผักที่เก็บมาล้างและจับดองเกลือเสร็จก็แสงหมดแล้ว ไหนจะทำแป้งไว้เผื่อเช้าวันพรุ่งนี้อีกเล่า ดีที่ก้อนแป้งน้อยยังไม่ตื่นมา นางจึงมีเวลาทอดแป้งและไส้ที่ยัดเสร็จแล้ว ส่วนสัตว์ที่ล่ามาและผักที่เก็บมาก็จัดการทำให้มันเก็บได้นานเรียบร้อย

เสียดายนิดหน่อยที่ในมิติของนางไม่มีตู้เย็น ไม่เช่นนั้นคงเอาของทั้งหมดแช่ตู้ไว้ได้นานโดยไม่ต้องดองให้เสียความสดเลย

พอเริ่มทอดสิ่งที่ทำ ส่งกลิ่นหอมก็ลอยอบอวนทั่วบ้าน ก้อนแป้งน้อยสองก้อนที่ยังไม่ลืมตาตื่นดีก็เดินดมตามกลิ่นมายังครัวที่จิ่วเม่ยทำอาหารอยู่เสียแล้ว

“แม่จ๋าทำอันใดทำไมหอมเช่นนี้...”

หลินเมี่ยวทำจมูกฟุดฟิดจนมาหยุดที่ข้างกายของจิ่วเม่ยที่นั่งทอดของใกล้เสร็จแล้ว ไม่นานหลินหมิงก็เดินตามมาลืมตาตื่นมากกว่าแฝดน้องแต่สิ่งที่ไม่ต่างกันเลยคือจมูกที่ขยับดอมดมกลิ่นหอม

“อย่าเข้ามาใกล้นะ เดี๋ยวของร้อนกระเด็นเอา แม่ทำมื้อเย็นให้พวกลูกเสร็จพอดี ไปตั้งโต๊ะกันเถอะ”

แป้งทอดยัดไส้ชิ้นสุดท้ายทำเสร็จแล้ว จิ่วเม่ยจึงถือจานที่มีแป้งทอดหลายชิ้นตามไปที่ เอ่อ จะเรียกว่าโต๊ะกินข้าวก็ไม่ผิดนัก เพราะยามต้องการกินมื้ออาหารใดก็จะเปลี่ยนโต๊ะไม้เก่าๆ นี้เป็นโต๊ะกินข้าวได้เลย

“หอมมากเจ้าค่ะ เมี่ยวเอ๋อร์กินแล้วนะเจ้าคะ ง่ำๆ”

“ง่ำๆ”

จิ่วเม่ยลุ้นว่าสองก้อนแป้งน้อยจะมีท่าทีอย่างไร ชอบอาหารที่นางหรือไม่จึงจ้องมองตาไม่กระพริบ นางมองจากดวงตากลมโตที่เบิกกลมยิ่งกว่าเดิมเมื่อนำสิ่งที่นางทำเข้าปาก เคี้ยวแก้มตุ้ยไปก็โยกหัวไป กินแบบไม่คิดจะเอ่ยชมมารดาให้ชื่นใจเลย มัวแต่กินไม่ขาดตอน

“อร่อยมากขอรับ สิ่งนี้คืออันใดขอรับท่านแม่”

ขอบใจอาหมิงที่ยังเกรงใจจิ่วเม่ย เขาเอ่ยถามหลังจากที่กินชิ้นแรกหมดไปแล้วนั่นเอง

“อ้อ เรียกว่า แป้งทอดกรอบยัดไส้จ้ะ กินมากเท่าที่อิ่มเลยนะ มื้ออื่นไว้แม่จะทำอย่างอื่นให้พวกเจ้ากินอีก”

“แอ้งออดออ่อยอาก อาเอี่ยวอักอ่านแอ่ที่อุดเยย ง่ำๆ”

อาเมี่ยวกินไม่หยุดปากจนน้ำมันซึมออกมาจากริมฝีปากเล็ก แต่ความพยายามที่จะชมมารดาก็มีบ้าง ช่างน่าเอ็นดูยิ่งนัก เพียงเท่านี้อดีตสายลับอายุใกล้เข้าเลขสี่ในชาติที่แล้ว ผู้ไม่มีโอกาสมีลูกเป็นของตนเองก็ปลื้มใจแล้ว

“พวกลูกกินกันไปก่อนนะ เดี๋ยวแม่มา ประเดี๋ยวเดียว”

จิ่วเม่ยแบ่งแป้งทอดกรอบยัดไส้ไปอีกจาน นางเดินไปทางบ้านของสกุลเฉินเพื่อจะนำไปให้ตอบแทนความโอบอ้อมอารีที่มีให้ ในตอนที่เดินผ่านบ้านสกุลหวังนั้นก็ยังดูปิดเงียบไร้เสียงใดใดเล็กลอดออกมา

“อ้าว อาจิ่ว เอาอันใดมารึนั่น กลิ่นหอมเชียว”

นางเฉินนั้นทำอันใดไม่รู้อยู่หน้าบ้านพอดี พอจิ่วเม่ยเดินมาก็ปะหน้ากันพอดี ข้างๆ ของป้าเฉินมีบุรุษหนุ่มผู้หนึ่งยืนอยู่ด้วย นางรู้ว่าเขาคือ บุตรชายคนเดียวของป้าลุงสกุลเฉิน เฉินเสียอี้ หรือที่จิ่วเม่ยเรียกว่า พี่อี้ นั่นเอง

“อ้อ ข้าทำแป้งทอดยัดไส้ไก่ให้เด็กๆ กินเจ้าค่ะ จึงทำเผื่อพวกท่านกินด้วย นั่นป้าเฉิน พี่อี้กำลังเตรียมสิ่งใดอยู่หรือเจ้าคะ?”

“กลิ่นหอมมาก ทีหลังเก็บไว้ให้เด็กแฝดก็ไม่ ไม่ต้องแบ่งมาหรอก”

ป้าเฉินยิ้มขอบใจและเอ่ยบอกเยี่ยงนั้นคงเพราะกลัวว่าแบ่งมาแล้วทำให้บ้านของจิ่วเม่ยไม่มีกินน่ะสิ

“บ้านข้ามีอีกเยอะเจ้าค่ะ”

“ข้าและมารดาเตรียมของสำหรับไปขายตลาดในตัวเมืองในตอนเช้าวันรุ่งขึ้นน่ะ”

อา ดีเลยสิ จิ่วเม่ยก็อยากไปซื้อของหลายอย่างเหมือนกัน อีกทั้งสมุนไพรและของป่าที่เก็บมาก็มีมากน่าจะขายได้เงินเยอะเลย

“อย่างนั้นพรุ่งนี้ข้าขอไปด้วยได้ไหมเจ้าคะ?”

เสียอี้นิ่งอึ้งเล็กน้อย เพราะปรกติจิ่วเม่ยจะพยายามหลีกเลี่ยงการเข้าไปตัวเมือง หากอยากได้สิ่งใดจะฝากเขาซื้อมากกว่า แต่คราวนี้นางกลับอยากไปเองเสียเลย ไม่รู้ว่านางหายกลัวคนผู้นั้นตั้งแต่เมื่อใดกัน...

“ได้ไหมเจ้าคะ? พี่อี้”

“อ้อ ได้สิ ปลายยามอิ๋น มาเจอกัน”

“ขอบใจพี่อี้เจ้าค่ะ ข้าลาล่ะ...”

จิ่วเม่ยกลับบ้านมาก้อนแป้งน้อยทั้งสองก็กินเสร็จแล้ว นางกินแป้งทอดยัดไส้ฝีมือตนเองแล้วก็ส่ายหน้าอย่างไม่ถูกใจ เพราะรสชาติที่นางทำชาติก่อนนั้นดีกว่านี้มาก แต่ด้วยเครื่องปรุงที่มีเท่านี้ได้รสแบบนี้ก็ถือว่าพอได้นั่นล่ะ พอคิดๆ แล้ว บ้านของสกุลจางที่ตกทอดมาจากบิดามารดาของของจิ่วเม่ยที่ตายไปแล้วนั้นก็ใหญ่อยู่เหมือนกัน เพียงแต่มันพังบ้าง ฟางที่มัดแน่นหนาเริ่มมีบางส่วนหลุดบ้างจนดูเสื่อมโทรม หากเข้าหน้าฝนมาคงกันอันใดไม่ได้แน่ นางต้องหาเวลาซ่อมแซมก่อนถึงช่วงนั้น

ส่วนสามีที่นอนครองเตียงนั้นยังไม่ฟื้นเสียที เขาหายป่วยแล้วดูเหมือนคนหลับที่ไม่อยากตื่นมาเจอโลกความจริงอย่างไรอย่างนั้น เขารับน้ำต้มกระดูกกลืนอย่างดี แต่กลับปิดปากขบฟันแน่นยามนางป้อนยา จนนางท้อไม่ป้อนยาให้เขาอีกต่อไปแล้ว

จิ่วเม่ยรอเขาตื่นมาช่วยนางดูแลเจ้าก้อนแป้งน้อยหรือหาเงินมาช่วยกัน แต่ดูเหมือนว่าอารุ่ยของจิ่วเม่ยคนก่อนจะหลีกหนีไม่ยอมตื่นมาเสียที

เฮ้อ...ไม่รู้ว่ายาสลบของโจรกลุ่มนั้นแรงมากหรือคนตรงหน้าสำออยก็ไม่รู้แล้ว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel