2 มารดาของพวกเจ้าตายแล้ว (ต่อ)
นางชักไม่มั่นใจแล้วว่าพวกเขาเป็นคน หรือทอง หรืออย่างไรถูกปล้นไปไม่ให้พักเลย...
จิ่วเม่ยคาดว่าพวกเขาหายไปคราวนี้ไม่ใช่พวกนักฆ่า หรือโจรหรอก มิเช่นนั้นกลางวันแบบนี้ต้องมีคนเห็นจนมามุงดูไม่มากก็น้อยแล้ว แต่นี่บ้านเงียบเหมือนไม่เกิดอันใดขึ้นเลย
จิ่วเม่ยตามหาในบ้านไม่เจอจึงคิดว่าควรจะไปถามชาวบ้านแถวนี้ว่ามีใครเห็นความผิดปรกติที่บ้านนางบ้าง ทว่านางเดินเข้าใกล้บ้านของคนสกุลหวังเพียงเท่านั้น ก็ได้ยินเสียงคุ้นเคยของก้อนแป้งน้อยทั้งสองแล้ว บ้านปิดมิดชิดอย่างที่ไม่ควรจะเป็น แต่มีหน้าต่างบานหนึ่งเปิดอยู่จึงได้เห็นว่าข้างในบ้านมีคนที่นางตามหาอยู่จริง!
คนสกุลหวังที่มีในความทรงจำอยู่กันเกือบครบเลย ขาดบุตรชายคนโตไปเท่านั้น ซูอิ๋งนั้นนั่งแต๊ะอั๋งอารุ่ยอยู่ ส่วนมารดาของนางหรือรั่วเหยียน และบิดาของนาง เย่าฉี นั้นมีหน้าทีจับก้อนแป้งน้อยทั้งสองไว้ไม่ให้วิ่งไปทางประตูและคอยพูดพร่ำบ่นแกมข่มขู่เป็นระยะ
“หากเจ้าไม่นั่งดีดีชีวิตต่อแต่นี้ก็ไม่ต้องกินอันใดแล้ว อาหมิงเจ้าต้องซักผ้าและทำอาหารให้พวกเราทุกวัน ส่วนอาเมี่ยวนั้นมีหน้าที่ปัดกวาดบ้านให้สะอาดเข้าใจไหม!”
น้ำเสียงลำพองใจของป้าข้างบ้านหวังทำให้เสียงร้องไห้ของอาเมี่ยวดังขึ้นมากกว่าเดิมจนคนในบ้านยู่หน้า แต่จิ่วเม่ยที่ฟังอยู่ข้างนอกกลับยิ้มพอใจและแอบยกนิ้วโป้งให้ก้อนแป้งฝ่ายหญิงในใจ
พอเจอเหตุการณ์นี้เข้าไป ความทรงจำของร่างเดิมก็ผุดขึ้นมาเลยล่ะ...
ซูอิ๋งนั้นอิจฉาสตรีรุ่นราวคราวเดียวกันแต่มีทุกอย่างดีกว่าอย่างจิ่วเม่ยคนก่อนมานานแล้ว ยิ่งจิ่วเม่ยได้ครอบครองบุรุษหน้าตาดีอย่างอารุ่ยนางยิ่งโหมไฟแห่งอิจฉามากขึ้น ดูท่าคนสกุลหวังนี้จะคิดว่าจิ่วเม่ยต้องตายในป่าแน่จึงได้ลักขโมยคนอย่างเอิกเกริกเช่นนี้ อยากได้สามีสุดหล่อของนางไม่พอยังคิดว่าจะเอาก้อนแป้งน้อยน่ารักไปเป็นบ่าวให้ตนสบายอีก จิ่วเม่ยผู้นี้ต้องจัดการตอบแทนความหวังดีเหล่านี้ให้สกุลหวังอย่างสาสมสักหน่อยแล้วล่ะ!
“อาเมี่ยวกับอาหมิงหายไปเจ้าค่ะ!!! พี่น้องสหายร่วมหมู่บ้านช่วยข้าด้วย ฮือๆ”
ก่อนที่นางจะมาร้องห่มร้องไห้ที่ลานทางเดินหน้าบ้านตนเองนั้น จิ่วเม่ยเดินไปเคาะประตูถามเกือบทุกบ้านว่ามีใครเห็นลูกๆ และสามีนางบ้างไหมเดินถามจนทั่วหมู่บ้านไม่เว้นแต่บ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน หวงตัวฟู หรือที่คนส่วนใหญ่เรียกเขาว่าหัวหน้าหวง ด้วยความที่จิ่วเม่ยนั้นเป็นที่รู้จักทั่วหมู่บ้านอยู่แล้ว พอบอกว่าเด็กๆ และสามีหายจึงมีคนอยากรู้อยากเห็นช่วยกันตามหาทั่วหมู่บ้านเป็นโขยง มีทั้งคนที่สงสารอยากช่วยจิ่วเม่ยกันจริงๆ และคนที่เพียงอยากรู้ผสมกันไป
“เอ่า แม่นางจาง เจ้าได้ไปถามบ้านสกุลหวังแล้วหรือไม่?”
ตอนนี้ทุกคนตามจิ่วเม่ยมาที่บ้านของนางแล้ว เพราะหาทั่วหมู่บ้านแล้วจริงๆ มีเพียงบ้านสกุลจางที่ปิดบ้านไม่ออกมาอยากรู้อยากเห็นอย่างใครๆ ป้าคนหนึ่งในกลุ่มคนนั้นจึงเอ่ยถามเท่านั้น แต่มันช่างตรงใจสิ่งที่จิ่วเม่ยอยากให้มีใครถามเสียจริงๆ เลย
“ข้าเคาะเรียกแล้วไม่มีใครออกมาเลยเจ้าค่ะ เลยคิดว่าคงไม่อยู่กัน อีกอย่างก่อนข้าจะขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพรแก้ไข้ให้สามีแม่นางซูอิ๋งก็เป็นคนแนะนำข้าเอง เพราะบ้านนางไม่มี อาจเข้าป่าเช่นกันก็ได้”
จิ่วเม่ยหาทางเชื่อมโยงเพื่อเอ่ยถึงสาเหตุที่ทำให้นางเข้าป่าขึ้นเขาได้แล้วก็จบด้วยท่าทางหน้าสงสารไปหนึ่งกรุบ มีหลายคนเลยที่หันไปกระซิบคุยกันว่าซูอิ๋งโหดร้ายมากที่ให้นางเข้าป่าตัวคนเดียว
“โอ แม่นางจิ่วเม่ยตัวคนเดียวแท้ๆ คราวหลังหากต้องการเข้าป่าไปกับสามีข้าจะดีกว่านะ หรือไม่ก็เอาของอย่างอื่นมาแลกก็ได้นะ”
ป้าเฉิน คนที่อยู่ห่างจากจิ่วเม่ยไม่ไกลเอ่ยอย่างโอบอ้อมอารี ในความทรงจำของจิ่วเม่ยคนเก่า ป้าเฉินนั้นดีต่อนางมากโข ช่วยชีวิตพวกนางมาหลายคราให้มีข้าวกิน ช่วยจนจิ่วเม่ยเกรงใจมากเลยไม่ค่อยไปขอความช่วยเหลือเท่าไหร่นักแล้วหลังเจ้าก้อนแป้งน้อยสองคนโตขึ้นระดับหนึ่ง
เรื่องเข้าป่านั้นจิ่วเม่ยทำได้สบายแต่เรื่องจัดการคนขี้ขโมยนั้นนางจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือพวกเขาในตอนนี้
“อาเมี่ยว อาหมิง ส่งเสียงบอกแม่หน่อยลูกว่าอยู่ที่ใดกัน!”
จิ่วเม่ยแสร้งทำเป็นมองหารอบบ้านอีกรอบ ส่วนชาวบ้านที่ตามมาก็ช่วยกันส่งเสียร้องเช่นกัน นางตะโกนจนสุดเสียงนั่นล่ะ เพื่อต้องการให้คนในบ้านสกุลหวังได้ยินและก้อนแป้งน้อยแสนรู้จะตอบกลับมา
แต่เมื่อไม่ได้ยินเสียงใดกลับมาจิ่วเม่ยก็ตัดสินใจเปลี่ยนแผนทันที นางกลัวว่าคนเลวสกุลหวังจะทำร้ายคนของนางไปเสียก่อน
“พี่ๆ จ้ะ ข้าว่าได้ยินเสียงตอบรับเบาๆ ของลูกน้อยมาจากบ้านสกุลหวัง!!”
“ไยข้าไม่เห็นได้ยินเลยกันเล่า...”
“คงเป็นเพราะสายใยแม่ลูกน่ะ โอ ดูเหมือนว่าประตูบ้านสกุลหวังจะไม่ได้ลงกลอนนะ ปึก!”
ใช่แล้ว นางดึงประตูบ้านออกอย่างแรงจนประตูเปิดออกทั้งที่ลงกลอน บ้านทำจากมัดฟางของหมู่บ้านนี้ไม่ได้แข็งแรงอยู่แล้ว กลไกลงกลอนประตูก็แค่เอาเชือกมาคล้องเท่านั้น แรงของจิ่วเม่ยมีมากมาจากแต่ชาติก่อนเรื่องแค่นี้หมูๆ
“อ้าว แม่นางจิ่วเม่ยกลับมาแล้วหรือ?”
ประตูเปิดมาก็เห็นว่าคนในบ้านมีใครบ้างเลยล่ะ
สามีของจิ่วเม่ยนอนหลับบนเตียงเหมือนเดิมแต่สีหน้าดูดีขึ้นบ้างแล้ว คงเพราะมีสาวๆเช็ดบรรเทาไข้ให้ ส่วนเด็กน้อยทั้งสองถูกสองสามีภรรยาสกุลหวังรวบกอดไว้คนละคน ซึ่งพอเด็กน้อยทั้งสองลืมตาเห็นว่าคนที่เปิดประตูมาเป็นมารดาของตนก็ร้องเรียกพร้อมกันทันที
“ท่านแม่ / แม่จ๋า!!!”
