บทที่ 6 ชีวิตที่เธอไม่ต้องการฉันจะซื้อมันไว้เอง
6
ชีวิตที่เธอไม่ต้องการฉันจะซื้อมันไว้เอง
แสนรักมองหน้าปราณนต์อย่างไม่เข้าใจ เธอเพียงคุ้นหน้าเขา จำได้ว่าเขาเคยมาทำตัวแปลกๆและถามคำถามประหลาดที่หน้าบ้าน แต่เธอแน่ใจว่าไม่เคยรู้จักเขา และตอนนี้ก็กำลังสับสนเอามากๆว่าเขาจะมารั้งเธอที่กำลังจะจบชีวิตไว้เพื่ออะไร เด็กสาวถูกพาตัวออกมาจากริมสะพาน เขาบังคับให้เธอสวมรองเท้าแล้วไปที่รถกับเขา ทว่า...แสนรักกลับไม่ยอมทำตาม
“คุณเป็นใครคะ? ต้องการอะไร? หนูไม่รู้จักคุณมาก่อน”
“ใส่รองเท้า อย่าให้ต้องพูดหลายรอบ” ดูว่าท่าปราณนต์จะไม่แยแสความสงสัยของเด็กสาว
“ที่คุณถามว่าชีวิตหนูเท่าไหร่ มันคืออะไรคะ? มาช่วยหนูไว้ทำไม? หนูไม่ต้องการความช่วยเหลือ หนูไม่อยากอยู่บนโลกนี้อีกแล้ว”
“เธอไม่ต้องการจะมีชีวิตต่อแล้วใช่ไหม?” ร่างสูงล้วงสองมือลงกระเป๋ากางเกง มองดูคนตัวเล็กที่ยืนจ้องหน้าเขาด้วยความสงสัย
“ค่ะ”
“งั้นก็กระโดดลงไปสิ”
“คะ?” เขากำลังทำให้เธอยิ่งสับสน มารั้งเธอไว้จากความตาย แต่กลับไล่ให้เธอไปตายอีกครั้ง
“กระโดดลงไปตอนนี้เลย จะรอดูเธอตายอยู่ตรงนี้” ว่าแล้วปราณนต์ก็ลากแขนแสนรักกลับไปที่ริมสะพานอีกครั้ง
“ฮึก!” เด็กสาวสะอื้น พอเห็นความสูงและสายน้ำเบื้องล่างอีกครั้ง ความกลัวก็กลับมา
“ไม่กล้าเหรอ?”
“คุณทำแบบนี้ทำไมคะ? มารั้งหนูไว้ทำไม?” ใช่...อยู่ๆเธอก็ไม่กล้าขึ้นมา
“จะถามอีกครั้ง ตอนนี้ยังต้องการจะมีชีวิตต่อไปไหม?”
“...” คนถูกถามนิ่งเงียบ จะให้กระโดดลงไปตายในตอนนี้เธอก็ไม่มีความกล้าหลงเหลืออยู่แล้ว แต่จะให้อยู่ต่อไปอย่างคนสิ้นหวังก็ไม่อยากอยู่
“ตอบ!”
“ฮึก!” พอเขาขึ้นเสียง ร่างบางก็สะดุ้งเฮือก
“ฮือๆ ขึ้นเสียงใส่หนูทำไมคะ? หนูไม่ได้ขอให้คุณมาช่วย...ตอนนี้แรกหนูคิดว่าตัวเองจะได้หลุดพ้นจากทุกอย่างแล้ว แต่คุณนั่นแหละที่ทำมันพัง! แล้วตอนนี้หนูก็ไม่กล้าจะกระโดดลงไป! ฮือๆ แต่จะให้อยู่ต่อไป...หนูไม่มีทั้งเงิน ไม่มีบ้าน ไม่มีค่าเทอมจะเรียนต่อ ไม่มีพ่อแม่ หนูไม่เหลือใคร ไม่เหลืออะไรเลย แล้วจะให้อยู่ต่อไปยังไง?!” แสนรักพรั่งพรูทุกอย่างออกมาทั้งน้ำตา เธอทำให้ร่างสูงนั้นเหวอไปไม่น้อย มีปฏิกิริยาประหลาดบางอย่างเกิดขึ้นกับหัวใจของเขา เมื่อต้องเผชิญกับน้ำตาของเธอ
“เท่าไหร่?” เขาถามอีกครั้ง
“ฮึก! เท่าไหร่อะไรคะ?!”
“ชีวิตที่เธอไม่ต้องการ ราคาเท่าไหร่? ฉันจะซื้อมันไว้เอง”
“ชีวิต...มันซื้อขายกันได้ด้วยเหรอคะ?”
“ทำไมจะไม่ได้ บอกมาสิว่าเท่าไหร่...”
“...” นั่นสิ คำถามของปราณนต์มันไม่มีในตำราเรียน และเธอไม่เคยคำนวณราคาของชีวิตตัวเองมาก่อนเลยสักครั้ง แล้วเธอจะตอบเขาได้ยังไงว่ามันเป็นเงินเท่าไหร่กันแน่
“ตอบยากเหรอ? สิบล้าน? ห้าสิบล้าน? หรือร้อยล้าน?” เขาจ่ายได้ทุกราคา เพราะเขาพร้อมที่จะจ่าย
“ร้อยล้าน? ชีวิตของหนูมีค่าขนาดนั้นเลยเหรอคะ?” เด็กสาวเอ่ยถามด้วยความใสซื่อ
“ขึ้นอยู่กับเธอจะเรียกร้อง แต่เมื่อตัดสินใจที่จะขาย ชีวิตเธอจะเป็นของฉัน ฉันคือเจ้าของชีวิตเธอ และเธอจะไม่มีสิทธิ์ตาย ถ้าฉันไม่ได้สั่ง” หัวใจดวงน้อยเต้นแรงขึ้นมาในทันใด เมื่อชายหนุ่มแปลกหน้าเอ่ยว่าชีวิตเธอจะกลายเป็นของเขา
“...” แสนรักนิ่งเงียบ เพราะเงินร้อยล้านมันจะทำให้เธอได้อยู่อย่างสุขสบาย ได้เรียนตราบเท่าที่อยากจะเรียน ได้ซื้อบ้านเป็นของตัวเอง ไม่ต้องทำงานพิเศษ หรืออาจจะไม่ต้องทำงานเลยตลอดชีวิต มันเป็นราคาที่น่าสนใจ เป็น...ข้อเสนอที่ทำให้เธอไม่อยากจะตายอีกแล้ว
“ว่าไง?”
“หนูขอถามอะไรสักอย่างได้ไหมคะ?”
“...”
“คุณเคยซื้อชีวิตใครมาก่อนหรือเปล่า?”
“ไม่”
“แล้วทำไม...”
“ตอบช้า ฉันอาจจะเปลี่ยนใจ”
“ขายค่ะ! หนูจะขายชีวิตนี้ต่อให้คุณ!” และเพราะกลัวว่าเขาจะเปลี่ยนใจตามที่บอกจริงๆ เด็กสาวจึงรีบโพล่งออกไป
“งั้นก็ไปขึ้นรถ”
“แต่หนูมีข้อแม้...”
“ไปขึ้นรถ!”
“หนูบอกว่าหนูมีข้อแม้...อ๊ะ!” ปราณนต์ไม่สนใจข้อแม้ของแสนรัก เขาลากแขนเธอไปที่รถ ซึ่งมีนักรบยืนรอเปิดประตูให้อยู่ และเมื่อทั้งสองขึ้นไปนั่งบนรถ ชีวิตใหม่ของแสนรักก็ได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง...
คฤหาสน์ฤกษ์ฤทธิชัย เวลา 20.00 น.
ปราณนต์เดินนำแสนรักและนักรบเข้ามาในบ้านหลังใหญ่ ที่โอ่อ่าไม่ต่างไปจากวัง เด็กสาวมองดูความใหญ่โตเบื้องหน้า ความกลัวถาโถมเข้ามามากมาย เธอคิดในใจว่าตัวเองอาจจะคิดผิดที่ตกลงจะขายชีวิตของตัวเองให้กับคนแปลกหน้า แต่อีกใจก็คิดว่าเธอนั้นไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว...ที่ต้องทำก็คือการเดินหน้าต่อไปตามสถานการณ์เท่านั้น
“ที่นี่ที่ไหนคะ?”
“บ้านของคุณปราณนต์” นักรบเอ่ยตอบ
“แล้วคุณปราณนต์เป็นใครเหรอคะ?”
“ก็เขาไง...คนที่ซื้อชีวิตของเธอ”
“แล้วทำไมหนูถึงต้องมาที่นี่คะ?”
“กลับมาแล้วเหรอปราณ...แม่เตรียม...” ในตอนนั้น เจ้าจันทร์ แม่เลี้ยงของปราณนต์ก็เดินเข้ามาพร้อมกับเบญจาแม่บ้านที่เลี้ยงเข้ามาตั้งแต่เด็ก และพอทั้งสองได้เห็นแสนรัก ก็อดจะสงสัยไม่ได้ “เด็กสาวคนนี้ใครกัน?”
“ไม่ต้องรู้ครับ” ชายหนุ่มเอ่ยตอบน้ำเสียงเรียบนิ่ง ก่อนจะหันไปหาเบญจาคนโปรดอีกคนของเขา “ป้าเบญจัดการให้ที ให้ไปอยู่ที่ห้องปีกขวา” เขาทิ้งท้ายไว้เพียงเท่านั้น ก่อนจะเดินออกไป ทิ้งให้แสนรักยืนตัวแข็งทื่อ
“เดี๋ยวสิปราณ! บอกแม่มานะว่าเด็กคนนี้เป็นใคร?! แล้วทำไมต้องไปอยู่ที่ปีกขวา? ทั้งๆที่แม่ยังไปไม่ได้เลย!” เจ้าจันทร์บังมีคำถามมากมาย จึงได้รีบเดินตามปราณนต์ไปติดๆ
“เชิญค่ะคุณหนู...” ป้าเบญเข้ามาพาแสนรักไปยังห้องนอนของตัวเอง โดยไม่มีคำถามแม้สักคำ ผิดกับเจ้าจันทร์
คฤหาสน์ถูกแบ่งออกเป็นสองโซนใหญ่ๆ นั่นคือปีกซ้ายและปีกขวา ซึ่งปีกขวานั้นคือพื้นที่หวงห้าม มีเพียงปราณนต์เท่านั้นที่จะอยู่ในโซนนี้ได้ คนอื่นๆจะต้องอยู่ในปีกซ้าย แม้แต่เจ้าจันทร์ก็ต้องอยู่ปีกซ้ายเช่นกัน ซึ่งการที่ปราณนต์บอกให้จัดห้องนอนของแสนรักที่ปีกขวา มันจะเป็นที่แปลกใจของหลายๆคน เพราะนั่นอาจหมายความว่าเด็กสาวคนนี้คือคนสำคัญของนายใหญ่ในบ้านนั่นเอง
“ห้องนี้เป็นห้องของคุณหนูนะคะ เดี๋ยวป้าจะจัดของใช้สำคัญมาให้” เบญจาเอ่ยบอก ขณะที่พาแสนรักเดินเข้ามาถึงในห้องนอน
“นี่ห้องนอนหนูจริงๆเหรอคะ?” เด็กสาวตลึงกับความกว้างใหญ่และความสวยงาม ภายในห้องนอนนี้ถูกตกแต่งด้วยลูกไม้สีขาวแสนสวย ทั้งผ้าม่าน เตียงนอน เฟอร์นิเจอร์ทุกอย่างก็เป็นของที่เข้ากับห้อง มันบ่งบอกว่าห้องนอนแห่งนี้ถูกตกแต่งเตรียมการไว้ล่วงหน้าเพื่อใครบางคนที่จะเข้ามา
“ใช่ค่ะ คุณปราณเตรียมห้องนี้ไว้เพื่อคุณ”
“เพื่อหนู?”
“ป้าขอตัวก่อนนะคะ” เบญจารู้เรื่องราวทุกอย่าง แต่ก็ไม่อาจจะพูดอะไรได้มาก จึงเลี่ยงคำถามด้วยการขอตัวออกไป และเมื่อประตูห้องปิดลง เด็กสาวก็เดินไปทิ้งตัวนอนบนเตียงพร้อมรอยยิ้ม เธอกลิ้งตัวไปมาด้วยความดีใจ เพราะเธอไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้มีห้องนอนสวยๆเป็นของตัวเอง ทว่า...เมื่อความคิดหนึ่งแล่นเข้ามาในหัว...เธอก็เด้งตัวลุกขึ้นนั่งบนเตียง รอยยิ้มหายไป เกิดเป็นคิ้วขมวดเพราะความสงสัย
“เดี๋ยวนะ...”
“ทำไมเราต้องมาอยู่ที่นี่ด้วย?”
“แล้วคุณคนนั้นเขาเป็นใครกันแน่? อยู่ๆจะมาขอซื้อชีวิตเราทำไม? แล้วตกลง...เราขายชีวิตนี้ให้เขาแล้วอย่างนั้นเหรอ?”
“ไม่สิ! ถ้าซื้อขายกันแล้วก็ต้องได้รับเงินสิ แต่นี่เรายังไม่ได้เงินเลย...อย่างนั้นก็แปลว่าถ้าเราเปลี่ยนใจไม่ขายก็ได้ใช่ไหม?”
“แต่ถ้าไม่ขาย...แล้วห้องนอนสวยๆแบบนี้ เราจะไปหามันได้จากที่ไหน? ค่าเทอม? บ้าน? เราไม่มีอะไรสักอย่างเลย...” แววตาเศร้าหมองกลับมาอีกครั้ง เมื่อคิดถึงชีวิตที่ไม่เหลืออะไรของตัวเอง
“แล้วคุณคนนั้น...เขาจะซื้อชีวิตเราไปทำอะไรกันนะ?”
