บทที่ 5 สิ้นหวัง
5
สิ้นหวัง
บ้านวศินากร เวลา 14.00 น.
แสนรักกลับมาที่บ้านพร้อมกับใบรายการค่าเทอม เธอเดินตรงเข้าไปหาลดาผู้เป็นแม่เลี้ยงที่เพิ่งจะตื่นนอนและกำลังนั่งดูโทรทัศน์อย่างสบายใจ โดยมีม่านฟ้านั่งทาเล็บเท้าอยู่ๆข้างๆ
“แกกลับบ้านมาทำไมตอนนี้? นี่มันยังไม่เลิกเรียนไม่ใช่หรือไง?” ลดาเลิกคิ้วถาม เมื่อเห็นหน้าแสนรัก
“นี่...กลับมาก็ดีแล้ว ไปหาอะไรมาให้กินหน่อยสิ ฉันหิว” ส่วนม่านฟ้า พอได้เห็นแสนรัก ก็ออกปากใช้งานเลยทันที
“ไม่ค่ะ หนูจะไม่หาอะไรให้พี่ฟ้ากิน” เด็กสาวเอ่ยตอบเสียงแข็ง จ้องมองม่านฟ้าที่ได้อยู่อย่างสบาย ได้ใส่เสื้อผ้าสวยๆ อยากไปเที่ยวไหนก็ได้ไป งานพิเศษก็ไม่ต้องทำ แถมยังได้เรียนมหาวิทยาลัย ทั้งหมดนั้น...ก็ด้วยเงินประกันของพ่อเธอ
“เป็นบ้าอะไร? ผีเข้าสิงหรือไง?! อยู่ๆถึงกล้ามาขัดใจฉัน!”
“อย่าทะเลาะกัน ฉันขี้เกียจตอบคำถามเพื่อนบ้าน” ลดาปรามลูกสาวตัวเอง “แสนรัก...แกก็ช่วยไปหาอะไรมาให้พี่กินหน่อยสิ จะมาแข็งข้ออะไรตอนนี้?”
“หนูไม่ใช่คนใช้นะคะ ทำไมจะต้องทำทุกอย่างที่พี่ฟ้ากับแม่สั่งด้วย?”
“เหอะ! อยากลองดีเหรอ? แกไม่ใช่คนใช้แล้วมันยังไง? ในเมื่อที่แกมีที่ซุกหัวนอนอยู่ทุกวันนี้ มันก็เป็นเพราะแม่ฉัน! ลืมไปแล้วเหรอ? ว่าถ้าไม่มีพวกเรา แกก็ไม่เหลือใครแล้ว! เพราะแม่แกตายไปตั้งนานแล้ว! ส่วนพ่อแก...ก็ตายเหมือนกัน!”
“ที่นี่เป็นบ้านของพ่อ ที่นี่คือบ้านของหนู แล้วที่พี่ฟ้าได้เรียนมหาลัย มันก็เป็นเงินประกันชีวิตของพ่อหนู!”
เพียะ!
ในตอนนั้น ลดาก็ลุกขึ้นมาตบหน้าแสนรักอย่างแรง
“กล้าดียังไงมาพูดกับลูกสาวฉันแบบนี้! เงินประกันพ่อแกมันหมดไปตั้งนานแล้ว! ฉันใช้มันจ่ายค่าเทอม จ่ายค่าเลี้ยงดูแกไง! ที่ฟ้าได้เรียนมหาลัย มันเป็นเงินที่ฉันทำงานหามา! ไม่เกี่ยวกับเงินประกันก้อนเท้าขี้มดของพ่อแกสักนิด!”
“ฮึก! จ่ายค่าเทอมเหรอคะ? ค่าเลี้ยงดูเหรอคะ? แม่ไม่เคยจ่ายค่าเทอมให้หนูเลย! จะมาพูดแบบนั้นได้ยังไง และค่าเลี้ยงดู...เงินที่หนูใช้อยู่ทุกวันนี้ มันเป็นเงินจากงานพิเศษที่หนูทำ! ส่วนแม่...แม่ไม่ได้ทำงาน แม่เอาเงินของพ่อไปเข้าบ่อน! หนูรู้เรื่องนั้นอยู่แล้ว!” นี่เป็นครั้งแรกที่แสนรักลุกขึ้นมาเถียงเพื่อประกาศให้สองแม่ลูกรู้ว่าเธอสุดจะทนแล้ว
“อีเด็กชั่ว! กล้าดียังไงมาพูดแบบนี้กับฉัน!”
เพียะ!
แม่เลี้ยงใจร้ายฟาดมือลงบนหน้าแสนรักอีกครั้ง จนมุมปากนั้นแตกออกเป็นเลือด
“มันคือความจริง วันนี้หนูได้รู้แล้วว่าแม่ไม่เคยเอาเงินที่พ่อให้ไปจ่ายค่าเทอมให้หนูเลยตั้งแต่ ม.4 หนูจะไม่ได้เรียนต่อ ไม่ได้สอบ หนูไม่มีสิทธิ์จบ ม.6 ก็เพราะแม่เอาเงินไปเล่นพนัน!”
“แล้วไง? แล้วแกจะทำอะไรได้? ในเมื่อ...ต่อให้แกร้องไห้ ต่อให้ดิ้นพล่านจะเป็นจะตาย ก็ไม่มีใครมาช่วยแกได้ เพราะแกมันตัวคนเดียว! เข้าใจที่ฉันพูดไหม? ว่าแกไม่เหลือใครบนโลกนี้แล้ว!”
“ฮือๆ ทำไม...ทำไมแม่ถึงใจร้ายกับหนูขนาดนี้?”
“เพราะฉันไม่ใช่แม่แกไง! พูดเรื่องนี้ก็ดีแล้ว...ต่อไปก็เลิกเรียกฉันว่าแม่สักที! แม่แกตายห่าไปตั้งนานแล้ว!”
“และถ้ายังอยากมีที่ซุกหัวนอน ก็ไปหาอะไรมาให้ฉันกิน! แล้วถ้าฉันจะใจดีแนะนำอะไรให้ได้อะนะ เลิกคิดถึงเรื่องเรียนมหาลัยเถอะ...แกไม่มีแม้แต่เงินก็ซื้อชุดนักศึกษาด้วยซ้ำ!” ม่านฟ้าเหยียดยิ้มมองหน้าแสนรักด้วยความเย้ยหยัน
“...” เด็กสาวกำสองหมัดแน่น จ้องหน้าพี่สาวและแม่เลี้ยงทั้งน้ำตา
“ไม่ทำ! พี่ฟ้าอยากกิน ก็ไปหากินเองสิ”
“อีนี่!”
“งั้นแกก็ออกจากบ้านนี้ไปซะ! ถ้าไม่ทำงานรับใช้ แกก็หมดความหมาย ออกไปนอนข้างถนนโน่นไป!” ลดาออกปากไล่เสียงแข็ง
“ที่นี่เป็นบ้านของหนู! แม่กับพี่ฟ้านั่นแหละที่ต้องไป!”
“ไหน...? ไหนบ้านแก? ฟ้า...ไปเอาทะเบียนบ้านในห้องแม่มาสิลูก แม่จะให้นังเด็กบ้านี่มันดู ว่าบ้านหลังนี้...มีชื่อแม่เป็นเจ้าบ้าน! ส่วนมันก็เป็นแค่ผู้อาศัย!”
“ค่ะแม่” ว่าแล้วม่านฟ้าก็เดินขึ้นไปที่ชั้นสองของบ้าน ก่อนจะลงมาพร้อมกับเล่มทะเบียน สองแม่ลูกเหยียดยิ้มมองหน้าแสนรัก โชว์ชื่อเจ้าบ้านให้เธอดู แล้วแสนรักก็ได้พบกับความสิ้นหวังที่แท้จริง...
“แกเห็นหรือยัง? ว่าแกมันมีแต่ตัว...ไม่มีอะไรที่พ่อแกทิ้งไว้ให้สักอย่าง!”
“ฮือๆ ไม่จริง...บ้านหลังนี้พ่อยกให้หนู”
“เหรอ? ถ้าพ่อยกให้แก...แล้วบ้านจะกลายมาเป็นชื่อแม่ฉันได้ไง?! อย่าโง่ไปหน่อยเลยน่ะ พ่อแกน่ะ...รักแม่ฉันมากกว่าแกซะอีก!”
“ไม่จริง!”
“เลิกคร่ำครวญ...ฉันไม่อยากลงมือตีแกแสนรัก เลือกมา...ว่าจะยอมทำตามที่ฉันกับพี่แกสั่ง หรือออกไปจากบ้านของเรา!”
“...” บ้านของเรา คำนี้ช่างทิ่มแทงหัวใจดวงน้อยของเด็กสาวมากมายเหลือเกิน
“แต่คนอย่างแก จะเลือกอะไรได้...ออกไปก็ไม่มีที่อยู่ เพราะงั้น...ไปหาอะไรให้ฉันกินซะ แล้วฉันจะทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น”
“ต่อให้ต้องออกไปตาย ก็ยังดีกว่าต้องอยู่ในบ้านหลังนี้ร่วมกับแม่แล้วก็พี่ฟ้า” แสนรักยืนหยัดที่จะทำตามหัวใจของตัวเอง ยังไงเสีย เธอก็ไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้ว และบ้านหลังนี้ก็ไม่ใช่บ้านเธออีกต่อไป เธอไม่เหลืออะไรแล้วจริงๆ ไม่เหลือแม้สักอย่าง...รวมถึงไม่เหลือใครเลยที่จะคอยปลอบใจเธอ
“เหอะ! ถ้าคิดว่าปีกกล้าขาแข็ง ถ้าคิดว่าออกไปแล้วจะอยู่รอดได้ แกก็ออกไปซะ! แล้วอย่าร้องไห้คลานกลับมาหาฉันก็แล้วกัน!”
“ไม่มีวันค่ะ” สิ้นคำนั้น เด็กสาวก็เดินกลับเข้าไปในห้องนอน หวังจะเอาเงินเก็บและเสื้อผ้าออกไป ทว่าเมื่อเธอเอากล่องเงินที่เก็บไว้อย่างดีในตู้เสื้อผ้าออกมาดู กลับพบว่ามันเหลือเพียงแต่กล่อง เงินข้างในหายไปไม่เหลือแม้แต่บาทเดียว
“อะไรอีก?” ลดาจ้องหน้าเด็กสาว เมื่อเห็นว่าเธอออกมาจากห้องพร้อมกับกล่องในมือ
“เงินเก็บหนูหายไปไหนคะ?!” แสนรักเอ่ยถามทั้งน้ำตา ร่างกายไร้เรี่ยวแรง เหมือนว่าทุกอย่างกำลังจะจบสิ้น
“เงินอะไรของแก ฉันไม่รู้เรื่อง!”
“เงินของหนู! เงินที่หนูทำงานหามา! เงินที่หนูจะเอาไปเรียนมหาลัย! แม่เอาเงินของหนูไปไหน?!”
“ก็ฉันบอกว่าไม่รู้เรื่องไง!”
“ฉันเอง! เงินแกน่ะ...ฉันเอาไปเอง!” แล้วม่านฟ้าก็เอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้ม
“ฮึก! พี่ฟ้า? ฮือๆ เอาเงินของหนูคืนมานะ! เอาคืนมา!”
“จะคืนได้ยังไง? ฉันใช้มันไปหมดแล้ว! ฉันเอาไปเที่ยวเล่น เที่ยวผับ ไปดูหนังกับเพื่อน แล้วก็เอาไปซื้อเสื้อผ้าสวยๆใส่ เงินแกน่ะ...ฉันใช้แค่สามวันเอง” ในน้ำเสียงและแววตาของม่านฟ้า ไร้ความรู้สึกผิดใดๆ
“สามวันเหรอ?! เงินนั่น...หนูหามาแทบตาย! ทำงานตั้งนานกว่าจะได้มา! แล้วพี่ฟ้าเอาไปใช้เที่ยวเล่นงั้นเหรอ? จะเลวเกินไปแล้วนะ!” ในตอนที่แสนรักทนไม่ไหว เด็กสาวก็พุ่งเข้าไป หวังจะทำร้ายม่านฟ้า แต่แล้ว...ก็กลายเป็นเธอที่ต้องเจ็บตัว เพราะลดาเอามาทึ้งหัวเธอออก แล้วผลักลงไปที่พื้นอย่างแรง
พลั่ก!!!
“อ๊ะ!”
“แกคิดจะทำอะไรลูกฉัน หะ?! นังเด็กเนรคุณ! กับอีแค่เงินนิดเดียว แกจะงกไปทำไม?!”
“ฮึก! ไม่ไหวแล้ว...ทั้งแม่ทั้งพี่ฟ้า ไม่เคยรู้สึกผิดอะไรเลย นั่นมันเงินของหนู ฮือๆ บ้านนี้ก็ของหนู! เงินประกันของพ่อก็ควรจะเป็นของหนู! ทำไมทุกคนถึงเอาไป ทำเหมือนว่าเป็นของตัวเอง?! ทำได้ยังไง? ฮือๆ” แสนรักร้องไห้ออกมาอย่างหนัก ยันตัวเองให้ลุกขึ้นยืน มองหน้าสองแม่ลูกด้วยสายตาสิ้นหวัง ก่อนที่จะเดินออกมาจากบ้าน โดยไม่หยิบอะไรติดมือมาแม้แต่ชิ้นเดียว...
วัดนอกเมือง เวลา 16.50 น.
“ฮือๆ พ่อจ๋า...หนูไม่เหลืออะไรแล้ว ฮึก! ไม่เหลือแม้แต่อย่างเดียวเลย” เด็กสาวมาที่วัด มานั่งร้องไห้ต่อหน้าโกฏิของผู้เป็นพ่อ ยามที่ชีวิตสิ้นหวัง คนเดียวที่เธอนึกถึงก็คือพ่อ พ่อผู้จากไปอย่างไม่หวนกลับของเธอ
“หนูคิดถึงพ่อ คิดถึงจนจับหัวใจ พ่อมาหาหนูหน่อยได้ไหม? มารับหนูไปที...หนูไม่อยากอยู่บนโลกนี้อีกต่อไปแล้ว บนโลกที่ไม่มีพ่อ บนโลกที่ไม่เหลือใคร หนูจะอยู่ต่อไปได้ยังไง? ฮือๆๆๆ” เธอร้องไห้ราวกับจะขาดใจ ท้อแท้และสิ้นหวัง ไร้ซึ่งที่พึ่งใดๆ จนไม่อยากจะอยู่ต่อ
“ฮึก!” พลันความคิดชั่ววูบนั้นผุดขึ้นมาในสมอง เด็กสาวสะอื้นร้อง เวลานี้มีเพียงวิธีเดียวที่จะทำให้เธอหลุดพ้นจากทุกอย่าง
“พ่อจ๋า หนูขอโทษ...หนูไม่มีทางเลือก อยู่ต่อไปก็ทรมานเหลือเกิน ใกล้มืดลงทุกที หนูไม่มีที่ให้ไป ไม่มีจุดมุ่งหมายในชีวิตอีกแล้ว...”
“พ่ออย่าโกรธหนูเลยนะ พ้นขีดความเจ็บปวดนั้นไป...เราจะได้เจอกันอีกครั้ง หนู...พ่อและแม่ เราสามคนพ่อแม่ลูกจะได้เจอกันอีกครั้ง...ฮือๆ” เด็กสาวโน้มตัวไปกอดโกฏินั้นทั้งน้ำตา ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินออกมาจากวัด มีที่หนึ่งที่เธอต้องการจะไป ไปเพื่อจบทุกอย่าง...ไปเพื่อให้ได้หลุดพ้นจากความทุกข์ทนนี้เสียที
สะพานข้ามแม่น้ำสายหลัก เวลา 18.00 น.
วันนี้พระอาทิตย์ตกดินช้ากว่าเช่นเคย เด็กสาวมาหยุดยืนที่ริมสะพานสูง เบื้องล่างคือแม่น้ำสายหลักใจกลางเมือง เธอยังคงร้องไห้ ทอดสายตามองออกไปยังพระอาทิตย์ที่ใกล้จะลับขอบฟ้า
หากว่าชาติหน้ามีจริง เธออยากจะเกิดมาเป็นลูกของพ่อและแม่ อยากจะขอให้พ่อแม่ของเธอมีอายุที่ยืนยาว อยู่กับเธอไปนานๆ ไม่ต้องรวยมากมาย ขอเพียงมีครอบครัวที่อบอุ่น ก็เพียงพอแล้วสำหรับเธอ
“พ่อจ๋า แม่จ๋า รอหนูหน่อยนะ หนูกำลังจะไปหาพ่อกับแม่แล้ว” เธอเอ่ยออกพร้อมรอยยิ้ม ถอดรองเท้าแล้วปีนข้ามรั้วไปอีกฝั่ง เมื่อมองลงไปเบื้องล่าง ความน้ำที่เชี่ยววนและความลึกของมันก็ทำให้ความกลัวเริ่มทำงาน เธอรู้ว่าหากตกลงไป มีเพียงความตายเท่านั้นที่เธอจะได้รับ มันอาจจะทรมานและหนาวเหน็บ บาปกรรมจากการฆ่าตัวตายคงยิ่งใหญ่ไม่น้อย...แต่เธอจะยอมรับมัน ยอมรับผลของการกระทำทั้งหมดในวันนี้
“ฮึก! ลาก่อน...โลกที่แสนโหดร้าย” เด็กสาวหลับตาลง ก้าวเท้าออกไปยังความว่างเปล่าเบื้องหน้า จุดจบกำลังจะเริ่มขึ้นในอีกไม่ช้า...
...ทว่า...
หมับ!
ในตอนนั้น ตอนที่เธอกำลังจะทิ้งดิ่งลงไปยังสายน้ำ อยู่ๆมือหนึ่งก็เข้ามารั้งแขนเธอเอาไว้อย่างรวดเร็ว เขาตรึงเธอไว้แน่น จนไม่อาจจะขยับเคลื่อนไปไหนได้ แสนรักลืมตาขึ้นมามอง...เธอรู้ว่าตัวเองยังไม่ตาย และเมื่อหันไปด้านหลัง ก็ได้เห็นใบหน้าอันคุ้นเคยของเขาคนนั้น
“ชีวิตเธอมีค่าเท่าไหร่?” เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“คะ?”
“ฉันถามว่าต้องการเงินเท่าไหร่! ฉันจะซื้อชีวิตของเธอเอง!”
