บทที่ 4 ต้นทุนชีวิต
4
ต้นทุนชีวิต
KID Construction เวลา 11.50 น.
ภายในห้องทำงานของประธานบริษัท ที่บนโต๊ะนั้นเต็มไปด้วยกองเอกสารมากมาย ทั้งรายงานการประชุม ทั้งเอกสารงบประมาณ หรือแม้แต่เอกสารลับของผู้ถือหุ้น ในยามปกตินั้นปราณนต์จะทำงานรวดเร็ว เขาไม่เคยปล่อยให้มีกองเอกสารตั้งเป็นเนินเขาแบบนี้มาก่อน มันเลยทำให้ ศศิ ผู้ช่วยคนโปรดเอียงคอมองอย่างแปลกใจ
“มีอะไรกวนใจบอสอยู่หรือเปล่าคะ?” หญิงสาววัยสามสิบ หน้าตาสะสวย ฉลาด ไหวพริบดีเยี่ยม ถนัดเรื่องตัวเลขและเก่งเรื่องพลิกแพลง เธอเป็นเพียงหนึ่งในสองคน ที่กล้าเอ่ยถามเรื่องส่วนตัวของปราณนต์
“...”
“อาทิตย์หน้าจะมีการประชุมนานาชาติที่ฮ่องกง บอสได้รับเชิญนะคะ” และเมื่อเจ้านายไม่ยอมเอ่ยตอบ ผู้ช่วยคนสวยจึงพูดเรื่องอื่นต่อไป
“...”
“แล้วก็...เรื่องที่บอสให้ฉันรวบรวมรายชื่อของผู้ถือหุ้นและนักลงทุนในเครือนาวา ได้มาแล้วนะคะ ส่งเข้าอีเมลไปแล้วค่ะ”
“...” จนถึงเรื่องสำคัญ ปราณนต์ก็ยังคงนิ่งเงียบ สายตาของเขาเหม่อลอยออกไปไกล
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอตัวก่อนนะคะ” เมื่อจบการรายงาน ผู้ช่วยสาวก็เตรียมจะหันหลังเดินออกไป ทว่าในตอนนั้นปราณนต์เพิ่งจะรับรู้การมีอยู่ของเธอ
“ศศิ” เขาเรียกเธอไว้
“คะ?”
“เธอคิดว่าผู้หญิงกับผู้ชายเป็นเพื่อนกันได้ไหม?” เขาสงสัยเรื่องนี้มาตั้งแต่เมื่อคืน สงสัยจนเก็บเอามาคิดไม่เลิก ว่าแสนรักกับไฟนั้นเป็นอะไรกันกันแน่
“...” ศศิหรี่ตามองเจ้าของตัวเอง ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างรู้ทัน “เป็นได้ค่ะ เหมือนฉันกับนักรบไงคะ”
“แล้วถ้าไม่ใช่เธอกับนักรบล่ะ?”
“ก็เหมือนบอสกับคุณคริสตัล”
“ว่าไงนะ?” ปราณนต์นิ่วหน้ามองศศิอย่างไม่พอใจ เธอเพิ่งจะบอกว่าความสัมพันธ์ของแสนรักกับไฟ นั้นเหมือนความสัมพันธ์ของเขากับคริสตัลอย่างนั้นเหรอ? แปลว่าแสนรักกับไฟอาจจะมีอะไรกันได้ โดยที่ไม่ได้รักและไม่ใช่แฟน แถมเป็นเพื่อนก็ยังไม่เชิงอย่างนั้นเหรอ?
“สรุปคือเป็นได้ค่ะ ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ตกหลุมรักอีกฝ่ายเสียก่อน ว่าแต่บอสถามทำไมเหรอคะ?”
“ประชุมที่ฮ่องกงน่ะ เธอไปกับฉันนะ” แล้วชายหนุ่มก็เปลี่ยนเรื่องทันที
โรงเรียนศึกษาพัฒนา เวลา 12.30 น.
แสนรักและมุกดา เดินถือแก้วชานมไข่มุกมานั่งที่ริมสนามบาส ในเวลาพักเที่ยง ทั้งสองเพิ่งกินข้าวเสร็จ ยังพอมีเวลาเหลือจึงมานั่งดูไปเล่นบาส เป็นประจำเหมือนเช่นเคย
“แสนรัก ช่วงนี้แกระวังตัวหน่อยก็ดีนะ” มุกดายังคงติดใจเรื่องนักรบที่เธอเจอในวันก่อนนั้น
“ระวังตัวเรื่องอะไรเหรอ?”
“ฉันว่ามีใครบางคนกำลังตามแกอยู่น่ะสิ”
“หืม?”
“ฉันเจอผู้ชายคนนึง...เจอมาหลายครั้งแล้ว และทุกครั้งที่เจอก็เป็นตอนที่อยู่กับแก แล้วครั้งก่อน ตอนที่ฉันไปหาแกที่ร้านกาแฟ ไอ้ลุงบ้านั่นก็ทำหน้าจอมือถือฉันแตกด้วย” ว่าแล้วมุกดาก็หยิบมือถือออกมาจากกระเป๋าแล้วยื่นให้แสนรักดู
“เขาทำแบบนี้ทำไม?”
“ก็ฉันจับพิรุธเขาได้น่ะสิ ฉันขู่เขาว่าจะโทรแจ้งตำรวจ แต่เขาก็ดึงมือถือไปจากฉันแล้วขว้างลงพื้น จากนั้นก็หนีไป อย่าให้เจออีกรอบนะ ฉันจัดการเขาแน่!”
“ทีหลังอย่าทำอะไรแบบนั้นอีกนะ มันอันตราย แกไม่ควรเข้าไปยุ่ง ถ้ามีคนตามฉันจริงๆ” แสนรักมองมุกดาด้วยสายตาเป็นห่วง
“แกพูดเหมือนรู้เลยว่ามีคนกำลังตามแกอยู่”
“...” คำถามของมุกดาทำให้แสนรักนิ่งไป ดวงตาส่อแววเศร้าหมอง ก่อนจะรีบแปรเปลี่ยนเป็นสดใส “ก็คงเจ้าหนี้ของแม่ล่ะมั๊ง อย่าห่วงเลย พวกเขาทำอะไรฉันไม่ได้หรอก เพราะฉันไม่มีเงิน แล้วก็ไม่ใช่ลูกแท้ๆของแม่ด้วย”
“ก็ถ้าเป็นเจ้าหนี้ของแม่เลี้ยงแก ทำไมเขาไม่ไปตามพี่สาวงี่เง่าของแกล่ะ? มาตามแกเพื่อ?”
“ไม่รู้สิ”
“แสนรัก...” เพื่อนในรุ่นคนหนึ่ง เดินเข้ามาหาแสนรัก
“มีอะไรเหรอหลิว?”
“อาจารย์วี เรียกให้ไปหาที่ห้องพักอาจารย์น่ะ”
“เรื่องอะไรเหรอ?”
“เราก็ไม่รู้เหมือนกัน อาจารย์บอกให้รีบไปเลยนะ”
“โอเค เราจะไปตอนนี้แหละ” แสนรักยกยิ้มสดใสให้หลิว ก่อนจะหันไปหามุกดา “เจอกันที่ห้องนะมุกดา”
“อื้ม”
ระหว่างทางที่เดินไปห้องพักอาจารย์ เวลาเพื่อนๆได้เจอแสนรัก ทุกคนก็จะเข้ามาคุย มาแหย่ หรือแบ่งขนมให้เธอกิน เพราะแสนรักนั้นเป็นที่รักของเพื่อนๆ ด้วยนิสัยที่มีน้ำใจ ชอบช่วยเหลือและยังเป็นมิตร เวลาอยู่ที่โรงเรียน แสนรักจะมีความสุขเสมอ เพราะเธอเป็นที่รักของทุกคน ผิดกับตอนอยู่ที่บ้าน...สถานที่ที่ควรจะเป็นที่พักใจ เธอกลับไม่เคยมีความสุขเลย ตั้งแต่ที่พ่อจากไป
“อาจารย์คะ หนูมาแล้วค่ะ” เด็กสาวเดินเข้าไปหยุดที่ตรงหน้าอาจารย์ประจำชั้น
“มาแล้วเหรอ?”
“อาจารย์เรียกหนูมาเรื่องอะไรเหรอคะ?”
“นั่งก่อนสิ” อาจารย์วีรดา หรือที่เด็กๆมักจะเรียกสั้นๆว่าอาจารย์วี เวลานี้มีสีหน้าเคร่งเครียดไม่น้อย มันทำให้แสนรักรู้ว่าต้องมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นแน่ๆ
“...” แสนรักเม้มปากสนิทแน่น เมื่อสังเกตได้ถึงใบหน้าไม่สบายใจของอาจารย์ ภาวนาอยู่ในใจว่าขอให้เป็นเรื่องอะไรก็ได้ ที่ไม่ใช่เรื่องเงิน เพราะสำหรับเธอ...ต่อให้มันจะยากลำบากแค่ไหนเธอก็พร้อมจะสู้ แต่กับเรื่องเงิน...เธอจนปัญญาจริงๆ
“วันนี้ฝ่ายบัญชีเขามาแจ้งอาจารย์ว่าเธอไม่ได้จ่ายค่าเทอมมาตั้งแต่ ม.4 แล้ว”
“คะ?” แล้วสิ่งที่ภาวนาก็ไม่เป็นผล น้ำตาก่อหน่วยขึ้นมาที่รอบดวงตาคู่สวย
“แสนรัก...เธอจะไม่มีสิทธิ์สอบปลายภาค และไม่สามารถจบจากโรงเรียนนี้ได้ถ้าเธอไม่เอาค่าเทอมมาจ่าย อาจารย์ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาได้ยังไง แต่มันเกิดขึ้นแล้ว...”
“มะ...มันจะเป็นไปได้ยังไงคะ? ในเมื่อพ่อให้เงินแม่มาจ่ายตลอด แล้วหลังจากที่พ่อไม่อยู่แล้ว แม่ก็บอกว่าจะแบ่งเงินประกันมาจ่ายค่าเทอมให้” เด็กสาวสับสน กลอกตาคิดหาความเป็นไปได้ “หรือว่า...?”
“แม่เลี้ยงเธอโกหก” และเป็นอาจารย์วีที่พูดออกมาเอง เพราะอาจารย์รู้เรื่องราวที่บ้านของแสนรักดี
“ฮึก! แล้วหนูจะทำยังไงดีคะอาจารย์? หนูจะหาเงินจากไหนมาจ่ายค่าเทอม? ถ้าเกิดว่าหนูไม่มีสิทธิ์สอบ ถ้าเกิดว่าไม่สามารถเรียนจบไปได้ แล้วหนูจะเรียนมหาลัยได้ยังไง” ราวกับว่าความฝันที่จะได้ทำงานเก็บเงินแล้วได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัย รวมถึงการที่จะได้หลุดพ้นจากบ้านหลังนั้นดับสลายลงเสียแล้ว
“อาจารย์เสียใจ อาจารย์เองก็อยากจะช่วยนะแสนรัก แต่ตอนนี้สถานการณ์ที่บ้านอาจารย์ก็ไม่ค่อยดี พ่ออาจารย์ป่วยและต้องใช้เงินรักษา อาจารย์เลยหมดหนทางที่จะช่วยเธอ”
“ฮึก! ไม่มีใครช่วยหนูได้...ฮึก! ไม่มีหรอกค่ะอาจารย์”
“อาจารย์จะพยายามคุยกับฝ่ายบัญชี ขอให้เขาผ่อนผันให้เธอไปก่อน อย่างน้อยให้เธอได้สอบปลายภาคก็ยังดี”
“ค่าเทอมที่หนูต้องจ่าย มันเท่าไหร่เหรอคะอาจารย์?”
“...” อาจารย์วีรดายื่นในรายการค่าเทอมทั้งหมดมาให้แสนรัก และเมื่อหญิงสาวได้เห็นตัวเลข น้ำตาก็หลั่งไหลลงมาหนักกว่าเดิม
“แสนสอง...ฮึก! แล้วหนูจะหาเงินมากขนาดนี้มาจากที่ไหน?” ถึงแม้ว่าเธอจะมีเงินเก็บเพื่อเข้ามหาวิทยาลัย แต่มันก็ไม่ได้มากพอถึงหนึ่งแสนสองหมื่น และถ้าหากว่าเธอเอาเงินเก็บนั้นมาจ่ายค่าเทอมมัธยมปลาย ก็เท่ากับว่าเธอจะไม่มีเงินเรียนต่อ เด็กสาวสะอื้นร้องไห้ออกมา แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีเรื่องดีเกิดขึ้น แต่สุดท้ายแล้วโชคชะตาก็เล่นตลกกับเธอเสมอ หลอกให้เธอดีใจเก้อ แล้วก็ตบหน้าเธออย่างแรง...ด้วยความเลวร้ายที่เธอไม่ได้ก่อ
