ตอนที่ 2 ตกบันได
ภายในบ้านไม้สภาพกลางเก่ากลางใหม่หลังหนึ่ง ละอองผู้เป็นลูกสะใภ้ที่เพิ่งกลับมาถึงบ้านในยามบ่ายวันนี้ ทำท่าทางลับ ๆ ล่อ ๆ เมื่อไม่พบว่ามีใครอยู่บ้านจึงย่องเบาขึ้นไปบนบ้านเพื่อค้นหาเงินในห้องของสามี แล้วรีบรื้อค้นข้าวของและผ้าห่มหมอนมุ้งในห้อง
ดวงตากลมเบิกโตขึ้นเมื่อพบเงินอยู่ใต้ที่นอนของสามี “นี่แอบมีเงินตั้งหนึ่งพันบาทเชียวหรือ” มุมปากฉีกยิ้มดวงตาทอประกายแวววาว “ดีละ จะได้มีเงินไปต่อทุน”
ว่าแล้วจึงจัดที่นอนสามีไว้ดังเดิมจากนั้นสาวเท้าออกจากห้องนอนโดยเร็ว
“เธอมาทำอะไรที่นี่” น้ำเสียงดุดันอันคุ้นเคยเอ่ยถาม
ละอองสะดุ้งโหยงเหลือบมองคนที่ยืนถามเธออยู่ด้านล่าง ในใจพลันร้องว่าแย่แล้ว เท้าที่กำลังจะก้าวลงบันไดพลันเหยียบพลาดเพราะความกลัวระคนตกใจ “ว้าย!” เสียงกรีดร้องพร้อมกลับหงายท้องตีลังกาลงจากบันได ร่างหล่นลงสู่พื้นดินศีรษะตกกระแทกกับก้อนหินใหญ่ที่วางเรียงรายอยู่รอบต้นเล็บครุฑตรงทางขึ้นบันได
“ออง” แก่นคูณเรียกภรรยาด้วยความตกใจพร้อมทิ้งของป่าที่ตนหามาได้ไว้ที่พื้นแล้วรีบถลาเข้าหาร่างที่นอนคอพับอยู่ที่พื้น ศีรษะด้านหลังที่กระแทกเข้ากับก้อนหินอย่างจังมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด เขาตกใจไม่น้อย
แก่นคูณช้อนร่างภรรยาขึ้นแล้วรีบอุ้มไปวางที่แคร่ไม้ไผ่ข้างเรือน
น้อยผู้เป็นแม่ที่พาหลานไปเล่นกับเพื่อนบ้านที่อยู่ไม่ไกลมาก ได้ยินเสียงลูกชายจึงรีบพาหลานทั้งสองกลับมาที่บ้าน “เกิดอะไรขึ้นเหรอคูณ” น้อยเดินกะเผลก ๆ เข้ามาหา
“อองตกบันได”
“มันกลับมาตั้งแต่เมื่อไร” น้อยเห็นเลือดสีแดงสดที่ไหลออกมาจากศีรษะละอองก็ตกใจไม่น้อย
“ไม่รู้เหมือนกันครับ น่าจะกลับมาวันนี้” เขาว่า “แม่เฝ้าอองให้ผมหน่อย ผมจะไปตามหมอเผื่อน” คูณรีบหาผ้าขาวมาปิดแผลเอาไว้
“พ่อครับแม่จะตายไหมครับ” ภาคภูมิลูกชายวัยสี่ขวบเอ่ยถาม
“ไม่ตายหรอก” คูณบอกลูกเสียงขรึม
“ตายได้สิดี” น้อยว่าติดประชด อดโมโหให้ลูกสะใภ้ไม่ได้ หนีจากบ้านสามีไปเป็นปีพอกลับมาวันเดียวก็มีเรื่องเสียแล้ว
“ย่า แม่จะตายเหรอคะ” พอใจลูกสาววัยสามขวบถามย่า ใบหน้าเหยเก ถึงจะไม่ได้รู้สึกผูกพันกับแม่มาก แต่ก็ยังรู้ว่าเป็นแม่
“แม่” คูณลากเสียงคล้ายตำหนิทำสายตาดุใส่แม่
น้อยจึงถอนหายใจแล้วพูดออก “เออ ไม่พูดก็ได้” ว่าแล้วจึงหันมาพูดปลอบหลานสาว “แม่เอ็งมันไม่ตายง่าย ๆ หรอก แค่หัวแตกเท่านั้น เดี๋ยวหมอเผื่อนมาแม่เอ็งก็ฟื้นแล้ว”
ได้ยินแม่พูดดังนั้นแก่นคูณจึงรีบวิ่งไปที่บ้านหมอเผื่อนทันที หมอเผื่อนเป็นหมอที่เคยอยู่ในป่ากับพวกคอมมิวนิสต์ ตอนนี้ได้ลาออกจากพรรคคอมมิวนิสต์แล้วและได้ออกมาเป็นหมอในหมู่บ้านผักหนามแห่งนี้
ขณะที่น้อยกับหลานกำลังนั่งเฝ้าร่างของละอองอยู่ไม่ห่าง ชั่วขณะหนึ่งร่างของเธอก็ผวาเฮือกขึ้นมาคราหนึ่ง พร้อมกับลืมตาขึ้น
“ว้าย!” น้อยตกใจรีบลุกขึ้นจากแคร่ คว้าหลานทั้งสองเข้ามากอดไว้
แต่เพียงครู่เดียวดวงตาคู่นั้นก็ปิดลงอีกครั้ง ร่างของเธอค่อย ๆ สงบลง และไม่ได้เคลื่อนไหวอีก มีเพียงผ้าขาวใต้ศีรษะที่เปียกชุ่มไปด้วยเลือด
แก่นคูณไปไม่ถึงสิบห้านาทีก็วิ่งกลับมาพร้อมกับหมอเผื่อน หมอเผื่อนรีบตรวจอาการของละอองทันที เขารีบทำแผลพร้อมทั้งฉีดยาลดปวดให้หนึ่งเข็ม อีกทั้งยังจ่ายยาแก้ปวดและยาแก้อักเสบให้อีกสองชุด
“มันปลอดภัยแล้ว ไม่เกินพรุ่งนี้มันก็ฟื้น” ถึงชีพจรจะเต้นแผ่ว แต่หมอเผื่อนเคยเจอพวกทหารคอมมิวนิสต์ที่อาการหนักมากกว่านี้ แต่ก็รอดมาได้ทุกคน
“ค่ารักษาเท่าไรเหรอหมอ”
“สองร้อยบาท ยาที่ฉันฉีดให้เมียเอ็งเป็นยาดี มันจึงค่อนข้างราคาแพง” เผื่อนกล่าว
น้อยเค้นเสียงหึในลำคอก่อนกล่าวออก “มาวันแรกก็ผลานเงินซะแล้ว”
“นี่มันเพิ่งกลับมาเหรอ” เผื่อนถาม
“ก็เออน่ะสิ หนีจากลูกจากผัวไปเป็นปีเพิ่งกลับมาเอาวันนี้ พอกลับมาก็ก่อเรื่องอีก เฮ้อ! มันเวรกรรมอะไรของไอ้คูณมันนะ”
คูณเหลือบมองหน้าลูกทั้งสองที่ดูคล้ายจะร้องไห้ที่เห็นย่าว่าให้แม่ตนจึงพูดขึ้นว่า “พอได้แล้วแม่” เขาหันไปพูดกับหมอเผื่อน “หมอรอก่อนนะ ฉันจะขึ้นไปหยิบเงินมาให้”
“อืม!”
แก่นคูณรีบสาวเท้าขึ้นบันไดเพื่อไปหยิบเงินให้หมอเผื่อน แต่เมื่อเปิดที่นอนขึ้นกลับพบแต่ความว่างเปล่า ดวงตาเขากระตุกรุนแรง พร้อมกับขบกรามแน่น ก่อนหมุนตัวออกไปจากห้องนอน
ลงมาแล้วจึงพูดกับแม่ “แม่มีเงินไหม ฉันขอยืมก่อนได้ไหม”
“ทำไมเหรอ”
“ฉันหาเงินไม่เจอ”
น้อยจ้องหน้าลูกชายด้วยสายตาจับผิด แต่ก็ยอมหยิบเงินให้ลูกชาย “ทั้งเนื้อทั้งตัวแม่มีแค่สามร้อย” น้อยพูดเสียงเศร้าที่ต้องควักเงินจ่ายค่ายาให้ลูกสะใภ้เนรคุณคนนี้
แก่นคูณรับเงินมาแล้วส่งให้หมอเผื่อน “ขอบคุณมากครับหมอ”
“เออ คืนนี้มันอาจจะมีไข้ เอ็งก็เอายาที่ฉันให้ไว้ให้มันกิน”
“ครับ”
หมอเผื่อนกลับไปแล้ว แก่นคูณจึงหันไปจัดการกับของป่าที่ตนหามาได้ ลูกทั้งสองนั่งเฝ้าแม่อยู่ไม่ห่าง น้อยจึงเดินมาหาลูกชาย พลางกล่าวออก “เอ็งจะเอายังไงกับมัน”
“ให้อองฟื้นขึ้นมาก่อนครับ”
“ครั้งนี้เอ็งต้องเด็ดขาดแล้วนะคูณ เอ็งจะใจอ่อนเหมือนกับครั้งที่ผ่านมาไม่ได้แล้วนะ เมื่อไรเอ็งจะเลิกเป็นควายสักที” น้อยพูดด้วยความโมโห รวมครั้งนี้ก็ครั้งที่สี่แล้วที่ละอองหนีจากลูกชายของเธอไป แต่ทุกครั้งก็ไปไม่รอด และก็ต้องกลับมาตายรัง แต่เธอจะไม่ยอมให้มีครั้งต่อไปอีกเป็นอันขาด ในฐานะแม่จะไม่ให้เธอรู้สึกสงสารลูกกับหลานได้หรือ
แก่นคูณทำเพียงเก็บงำคำพูดเอาไว้ เก็บของป่าเสร็จจึงเดินขึ้นบ้านไป ผู้เป็นแม่ได้แต่ถอนหายใจตามหลัง เมื่อไรลูกชายของเธอจะตาสว่างสักที