ตอนที่ 3 สตรีของนักฆ่า
ลานฝึกยามเช้า ภายในจวนนายอำเภอ
เสียงไม้กระทบดินดังเป็นจังหวะ ทหารเวรหลายสิบคนต่อแถวเรียงหน้ากระดาน กำลังฝึกความแข็งแกร่งของร่างกาย
ในบรรดานั้น มีเพียงอิ่นเฟิงที่โดดเด่นกว่าใคร ท่วงท่าของเขาแม่นยำเกินกว่าทหารระดับล่างทั่วไป ท่ามกลางความสงสัยของครูฝึก
“เจ้านี่ฝึกมาแนวไหนกันแน่” ครูฝึกเอ่ยถามขณะจ้องมองท่าปัดป้องของเขาที่ไร้ช่องโหว่
“ข้าเคยผ่านศึกชายแดนมาบ้าง” เขาตอบเสียงเรียบ ก่อนจะปล่อยหมัดซัดลงกลางทวนด้วยแรงพอดิบพอดีจนไม้หักกลาง
“เจ้าชื่ออิ่นเฟิงหรือ” เสียงทรงอำนาจของนายอำเภอดังขึ้น ขณะจ้องชายหนุ่มตรงหน้าทุกคนหยุดการฝึกแล้วทำการเคารพผู้มาเยือน
“ขอรับ” สวี่จื่อเฟิงยืนนิ่งอย่างนอบน้อม
“ข้าได้ยินมาว่าเจ้าเป็นผู้ช่วยหลานสาวของข้าจากเงามีดนักฆ่าได้ทัน ฝีมือไม่เลว”
“แค่หน้าที่ขอรับ” สวี่จื่อเฟิงในนามอิ่นเฟิงโค้งศีรษะเล็กน้อย
“อืม เจ้าขึ้นมาเฝ้าด้านในให้ข้าโดยตรงเถิด ข้างกายข้าต้องการคนเก่งกล้าอย่างเจ้า”
ดวงตาคมสีเข้มของเขาไม่เผยความรู้สึก แต่ในใจกลับเต้นแรงนี่คือโอกาสในการเข้าใกล้เป้าหมาย และโอกาสที่จะอยู่ใกล้นาง
หลังได้รับหน้าที่ใหม่ สวี่จื่อเฟิงเดินตรวจตราบริเวณโถงด้านใน ระหว่างเสาแกะสลักที่ทอดยาวสู่เรือนด้านในของนายอำเภอ สายตาเขาหยุดลงเมื่อเห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังพูดคุยหัวเราะอยู่หน้าศาลาริมสระ
หญิงสาวในชุดสีม่วงเข้มที่แต่งองค์อย่างพิถีพิถัน ประดับปิ่นทองคำและหยกแดงยืนอยู่ตรงกลาง สีหน้ายามพูดหัวเราะมีความสุข ทว่าดวงตากลับไม่ยิ้มตามนางกำลังสนทนากับภรรยาของนายอำเภอจางอยู่
ไม่มีใครสังเกตว่า ข้างกายนางมีบุรุษสายตาคมเฉียบของชายผู้หนึ่งจับจ้องอย่างระแวดระวังอยู่ตลอด แววตาแบบนั้นสวี่จื่อเฟิงรู้ดี... แววตาของนักฆ่า!
“นั่นคือผู้ใด” เขาถามทหารยามที่เดินตรวจตราด้วยกัน
“ไป๋ฮูหยิน ภรรยาของผู้ว่าการมณฑล ลู่ชิงชิง นางมีศักดิ์เป็นป้าสะใภ้ของคุณหนูไป๋ที่เจ้าช่วยเอาไว้เมื่อวานนี้” ทหารยามวัยยี่สิบตอบตามที่ตนรู้
“ป้าสะใภ้... ผู้ว่าการมณฑลเป็นลุงของนางหรือ” เขาถามด้วยความกังวล ไม่คิดว่านางจะเป็นหลานของคนที่เขาหมายจะปลิดชีพ
“นายอำเภอเป็นพี่ชายฝั่งมารดา ส่วนท่านผู้ว่าการมณฑลเป็นพี่ชายฝั่งบิดา คุณหนูไป๋เป็นดั่งไข่มุกเม็ดงาม2 ที่นายท่านทั้งสองรักและทะนุถนอมเป็นอย่างมาก”
สวี่จื่อเฟิงพยักหน้าเป็นอันว่าเขาเข้าใจ เรื่องอื่นที่นอกเหนือจากนี้จะต้องตามสืบด้วยตนเองอย่างละเอียดในภายหลัง
หลังจากสงสัยคนข้างกายลู่ชิงชิง ในคืนที่สวี่จื่อเฟิงไม่ได้เข้าเวรออกเดินตรวจตรา กลางดึกเมื่อทหารร่วมหอนอนหลับสนิท จึงออกไปสืบเรื่องไป๋ฮูหยิน ผ่านสาวใช้ คนครัว แม้กระทั่งชายเฝ้าประตู เรื่องราวเริ่มปะติดปะต่อ
ลู่ชิงชิงเป็นภรรยาที่ผู้ว่าการมณฑลไป๋เยี่ยไม่เคยโปรดปราน แม้จะมีฐานะสูง แต่ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับสามีแห้งแล้งมานานนัก
ทว่าทุกครั้งที่ไป๋ซืออวี่ปรากฏตัว สายตาของไป๋เยี่ยกลับทอดมองด้วยแววตาที่ไม่ควร แสดงความเอ็นดูนางเกินกว่าฐานะลุงกับหลาน
“เขาไม่ได้รักนางเพียงเพราะเป็นหลาน” เสียงกระซิบจากสาวใช้คนหนึ่งในเรือนท้ายหลุดออกมาในคืนหนึ่งที่เขาปลอมตัวเป็นบ่าวในจวนสกุลไป๋ แสร้งทำเป็นผู้ฟังเรื่องเล่า
“นายท่านรักนางอย่างบุรุษรักสตรี เพราะนางหน้าเหมือนมารดาของนางต่างหาก แต่เรื่องนี้คนรู้น้อย ข้าเองก็ได้ยินมาจากบ่าวข้างกายของฮูหยินอีกที”
จื่อเฟิงฟังเงียบๆ นิ้วเรียวกำดาบแน่นขึ้นเล็กน้อย
และเมื่อเขาสืบไปอีกขั้น ก็พบว่าเบื้องหลังนักฆ่าที่ลอบสังหารนางเอกในคืนวันนั้น ไม่ใช่ศัตรูการเมืองของทั้งนายอำเภอจางและผู้ว่าการมณฑลไป๋ หากแต่เป็นคนที่อยู่ในจวนเดียวกันกับไป๋เยี่ย
ลู่ชิงชิง ผู้เป็นป้าสะใภ้ของนางเอง
เหตุผลของนางเขายังไม่แน่ใจ แต่มันทำให้ความเยือกเย็นในตัวเขาเพิ่มขึ้นทุกขณะ และไม่ว่าเหตุผลใดหากนางกล้าแตะต้องไป๋ซืออวี่ นางต้องตาย!
************************
ยามราตรีแผ่ปกคลุมเหนือจวนสกุลไป๋ ที่เรือนรองซึ่งเป็นที่อยู่ของครอบครัวไป๋เยียนน้องชายของผู้ว่าการไป๋ ที่อยู่
ใต้เงาทึบของต้นไม้สูงมีร่างหนึ่งยืนซ่อนตัวอยู่กับความมืด ราวกับเป็นส่วนหนึ่งของเงาทะมึนนั้น
สวี่จื่อเฟิงสวมชุดดำสนิท ใบหน้าถูกผ้าคลุมบดบังเกือบมิด เว้นเพียงดวงตาคู่คมที่จับจ้องไปยังหน้าต่างห้องห้องหนึ่งซึ่งยังมีแสงตะเกียงเรืองรองอยู่
เขาควรกลับไปที่จวนนายอำเภอก่อนจะมีคนรู้ว่าเขาหายตัวไป แต่หัวใจกลับดื้อดึง พาเขาเข้ามาในเรือนรองภายในจวน เพียงเพราะสตรีนางหนึ่งที่ช่วยเหลือเขาเอาไว้
เบื้องหลังหน้าต่างบานนั้น ร่างอรชรของหญิงสาวในชุดนอนสีขาวนวลเคลื่อนไหวเบาๆ กำลังจัดวางขวดโอสถและม้วนผ้าไว้บนโต๊ะไม้ ใบหน้าของนางนั้นดูอ่อนโยนอยู่ตลอดเวลา จนเขานึกภาพเวลานางหน้าบูดบึ้งไม่ออก
แสงไฟอ่อนโยนส่องให้เห็นดวงหน้าของนางชัดเจน ดวงตาเรียวที่เต็มไปด้วยความเมตตา รอยยิ้มจางๆ ที่ประดับบนริมฝีปาก แม้เพียงเงามองผ่านหน้าต่าง สวี่จื่อเฟิงก็จำได้ไม่มีวันลืม
เขาไม่เข้าใจเลยว่าเหตุใดต้องอยากรู้ความเคลื่อนไหวของนาง เหตุใดจึงต้องสนใจว่าใครอยู่เบื้องหลังการลอบทำร้าย และเหตุใดจึงสนใจสตรีตรงหน้าจนไม่อาจหักห้ามใจได้ถึงเพียงนี้
มือของเขากำแน่นพลางกดตัวแนบกับต้นไม้ใหญ่ ไม่มีใครรู้ว่าเขาอยู่ตรงนี้ ไม่มีเสียงฝีเท้า ไม่มีเงาสะท้อนบนพื้น เขาเคยชินกับการลอบสังหารในเงามืด แต่คืนนี้ กลับทำเพียงเฝ้าดูนาง หัวใจเต้นช้าๆ อย่างประหลาด
“ไป๋ซืออวี่” เขาเอ่ยชื่อของนาง คล้ายปลุกตัวเองให้ตื่นจากภาพฝัน
ไม่มีใครเคยอ่อนโยนกับเขาเช่นนี้ ไม่มีใครยื่นมือมาให้โดยไม่ถามว่าตัวเขาเป็นใคร หรือทำผิดอะไรไว้บ้าง แต่นางช่วยด้วยจิตใจที่ดีงามของนางเอง
แต่ก่อนที่เขากำลังจะตกในภวังค์แห่งความลุ่มหลงของนางไปมากกว่านี้ ก็สังเกตได้ถึงบางอย่างที่กำลังคืบคลานเข้ามาใกล้
เล่นงานไป๋ซืออวี่ในจวนนายอำเภอไม่ได้จึงจะใช้โอกาสนี้ลอบสังหารนางที่เรือน
สวี่จื่อเฟิงพุ่งเข้าหาบุรุษชุดดำนั้นอย่างเงียบเชียบและว่องไว เอามือปิดปากชายที่กำยำกว่าตนจากเบื้องหลัง ก่อนจะใช้มีดสั้นที่พกอยู่ที่ข้างลำตัวปาดเส้นเลือดใหญ่ที่คอโดยที่ตาไม่กะพริบ
ร่างนั้นสั่นกระตุกขณะที่โลหิตสาดพ่นออกมา สวี่จื่อเฟิงเอามีดสั้นของเขาแทงเข้าจากด้านหลังซ้ำๆ จนกระทั่งร่างนั้นแน่นิ่งไปเขาก็มองอย่างเย็นชา
“ใครกล้าทำร้ายสตรีของฆ่า ต้องตายสถานเดียว”
************************