ตอนที่ 2 รับมอบภารกิจ
กลางป่าเงียบงันในยามค่ำคืน เรือนไม้หลังหนึ่งถูกซ่อนอยู่ท่ามกลางป่าเขาลึกที่ไม่มีใครก้าวถึง
สวี่จื่อเฟิงเดินช้าๆ เข้าสู่ห้องโถง ผ้าพันแผลถูกถอดทิ้งก่อนกลับมาถึง เขาอยู่ในชุดสีดำสนิทที่เปรอะเลือดและคราบฝุ่น ดาบที่เคยแนบข้างตัวตอนนี้ถูกปลดเก็บไว้ที่หลัง ท่าทางเงียบงันไม่แตกต่างจากทุกครั้งที่กลับมา แต่ในหัวใจกลับมีบางสิ่งไม่เหมือนเดิม
บนโต๊ะไม้เรียบยาวหลังกองแผนที่ หลี่ฉางเฟยนั่งรออยู่ก่อนแล้ว แสงจากตะเกียงส่องให้เห็นแววตาเย็นชาและแฝงความอำมหิตของเขา
“เจ้ากลับมาเสียที” เสียงแผ่วเบา แต่แววตานั้นดูเย็นชาและเต็มไปด้วยโทสะ
“ขอรับ”
หลี่ฉางเฟยคือผู้เลี้ยงดูเขา ผู้สอนเขาให้รู้จักการฆ่า และผู้ที่เปลี่ยนเขาจากเด็กธรรมดาให้กลายเป็นอาวุธมีชีวิต และที่สำคัญ เขาเป็นคนที่สังหารพ่อแม่ของสวี่จื่อเฟิง
บุรุษร่างสูงในชุดคลุมสีเทานั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ ดวงตาคมราวเหยี่ยวจ้องเขาแน่นิ่ง สองมือประสานอยู่บนตักอย่างใจเย็นเกินจริง
“ภารกิจล้มเหลว” สวี่จื่อเฟิงพูดเสียงเรียบ ไม่มีคำแก้ตัว เขาไม่เคยพูดแก้ตัว เพราะมันไม่มีความหมาย
หลี่ฉางเฟยมองเขานิ่ง ดวงตานั้นไร้อารมณ์ราวกับกำลังพิจารณาความคุ้มค่าของอาวุธเล่มหนึ่งที่เริ่มทื่อ
“เจ้ารู้ใช่ไหม ว่าเราไม่ล้มเหลวเกินสองครั้ง” พูดจบมือก็วางที่โต๊ะและเคาะเบาๆ
ใกล้ๆ มือเขามีแส้แข็ง1 ขนาดยาวเท่าแขนวางอยู่ข้างม้วนแผนที่
“ข้าเข้าใจ” เสียงตอบรับหนักแน่น แต่ไม่มีใครรู้ว่าภายในหัวใจนั้น สั่นไหวเพียงใด
หลี่ฉางเฟยลุกขึ้นช้าๆ เดินอ้อมโต๊ะมาหาเขา ดวงตาคู่คมนั้นจ้องลึกเข้าไปในแววตาของศิษย์เอก
“เจ้าหลบหนีมาทางไหน” คำถามนั้นไม่ใช่การสืบสวน แต่เป็นการวัดใจ
“ลัดผ่านป่าทางทิศใต้ ไปออกชายป่าทางทิศตะวันออก” เขาตอบโดยไม่สะดุด ใบหน้าไม่เปลี่ยนสี ไม่มีคำว่ารถม้า ไม่เอ่ยถึงอาราม ไม่มีชื่อของหญิงสาวที่ช่วยเขาไว้หลุดออกมาจากริมฝีปากของเขา
หลี่ฉางเฟยพยักหน้าน้อยๆ ไม่ซักถามต่อ เพียงยื่นม้วนแผนที่เล็กๆ ให้เขา
“ไป๋เยี่ย คือเป้าหมายในการสังหารต่อไปของเจ้า ภารกิจคือการเข้าไปแฝงตัวในจวนนายอำเภอจางหยุนหมิง หาทางเข้าถึงตัวนายอำเภอ ให้เขาพาเข้าใกล้เป้าหมาย และรอคำสั่ง”
สวี่จื่อเฟิงรับแผนที่มากำไว้แน่นเสี้ยววินาทีนั้น ภาพรอยยิ้มของหญิงสาวในชุดฟ้าก็แวบเข้ามาในห้วงความคิด
เขาค้อมศีรษะต่ำ “ข้าจะไม่ล้มเหลวอีก”
“หวังว่าเช่นนั้น” เสียงหลี่ฉางเฟยราบเรียบ จากนั้นก็หยิบแส้แข็งที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมา
สวี่จื่อเฟิงหลับตาลงน้อมรับโทษของเขา ทุกครั้งที่เขาทำผิดแส้นี้จะฟาดลงบนตัว ทุกครั้งที่เห็นเขาก็หวาดกลัวจนไม่สามารถขยับตัวได้ ชีวิตนี้เขากลัวที่สุดก็คือบุรุษผู้นี้ยามถือแส้
หลี่ฉางเฟยเลี้ยงดูเขาให้อยู่กับความหวาดกลัว ในใจเขาอยากจะสังหารชายผู้นี้ แต่ทุกครั้งเพียงแค่เห็นสายตาของเขา บุรุษหนุ่มก็ตัวเย็นเฉียบ จำรสชาติของการถูกทรมานตั้งแต่วัยเยาว์ได้ดี
แต่การแก้แค้น แม้สิบปีก็ยังไม่สาย
หากวันหนึ่งมีโอกาสและกล้าพอมากกว่านี้ เขาจะไม่ลังเลแม้แต่น้อยที่จะสังหารคนที่ฆ่าล้างครอบครัวของตน
เสียงแส้ฟาดลงที่กลางหลัง ทั้งบาดแผลจากการต่อสู้และบาดแผลจากการถูกลงโทษ สวี่จื่อเฟิงต้องรับความเจ็บปวดสองทาง
************************
เมืองเสียนไป่ แคว้นต้าสือ ที่ประตูจวนใหญ่ของนายอำเภอจาง
ผืนธงแดงดำที่โบกสะบัดเหนือประตู สวี่จื่อเฟิงยืนอยู่ในแถวของทหารใหม่ที่เพิ่งถูกเรียกตัวเข้ารับใช้จวน เขาสวมเสื้อเกราะผ้าแบบสามัญ ใบหน้าถูกปิดบางส่วนด้วยผ้าผืนเทา ดูไร้จุดสังเกตใดๆ นอกจากไฝปลอมที่แต้มอยู่ใต้ตาขวา
“คนต่อไป ชื่ออะไร” ผู้ตรวจสอบชี้ไปที่เขา สวี่จื่อเฟิงก้าวออกมาด้านหน้าเพื่อรายงานตัว
“อิ่นเฟิง” เขาตอบเสียงเรียบ แจ้งชื่อปลอมตามที่ได้รับมอบหมาย
“อายุล่ะ” คำถามนั้นถามราวไม่ใส่ใจนัก
“ยี่สิบเอ็ด”
“ประวัติของเจ้า เคยทำอะไรมาบ้าง”
“เคยเป็นทหารชายแดน ถูกปลดประจำการเพราะอาการบาดเจ็บจากศึกเล็ก”
นายทหารผู้ตรวจสอบพยักหน้าแล้วปั๊มตราประจำตัวลงบนเอกสารอย่างเร็ว ก่อนชี้ไปยังด้านใน
“ไปเข้าประจำหน่วยเวรยาม คืนนี้มีเวรยามที่ประตูสวนด้านตะวันตกของจวน”
สวี่จื่อเฟิงก้มศีรษะรับคำสั่ง ก่อนเดินลับเข้าไปในจวนอย่างเงียบงัน
ยามบ่าย ภายในจวน
เสียงบรรเลงพิณแผ่วเบาดังแทรกจากศาลากลางสวน หญิงสาวในชุดสีฟ้าอ่อนนั่งอยู่บนม้านั่งหิน
นางกำลังจดจ้องต้นไม้ดอกที่เพิ่งบาน ดวงตาอ่อนโยนจนเหมือนว่านางมองทุกสิ่งในแง่ดีไปหมด ไม่มีทุกข์ร้อนอันใด
สวี่จื่อเฟิงที่กำลังเดินลาดตระเวนผ่านมาเงียบๆ แทบหยุดหายใจในวินาทีที่สายตาเห็นนาง
ไป๋ซืออวี่ หนึ่งเดือนที่ไม่เจอกัน นางยืนอยู่ตรงหน้าเขาอีกครั้ง ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปแม้แต่น้อย
มือที่แนบกับด้ามดาบสั่นเล็กน้อย
เขารีบเบือนสายตา หัวใจเต้นแรงไม่แพ้วันที่นางแตะโดนตัวเขาเป็นครั้งแรก
‘นางอยู่ที่นี่ได้อย่างไร’ เขาหลับตาแน่น
ยามเย็น ณ ลานฝึกอาวุธหลังจวน
แสงอาทิตย์สาดกระทบสนามดินแข็ง เสียงดาบกระทบไม้ดังขึ้นเป็นจังหวะ
สวี่จื่อเฟิงในนาม “อิ่นเฟิง” กำลังฝึกเดี่ยวอยู่มุมหนึ่งของลานฝึก ท่ามกลางทหารฝีมือปานกลางคนอื่น ท่วงท่าของเขานิ่งเฉียบ ทุกฟันแทงล้วนเปี่ยมด้วยแรงกดดันที่ซ่อนไว้ไม่เผยออกมา
เขาควรอยู่เงียบๆ แต่ไม่รู้เพราะอะไร สายตากลับลอบมองไปยังศาลาหินด้านในสวน ที่นั่นนางกำลังนั่งพูดคุยกับจางฮูหยิน ภรรยาของนายอำเภอจาง
ทันใดนั้น เสียงฝีเท้าวิ่งกระหืดกระหอบก็ดังขึ้น ชายคนหนึ่งที่แต่งตัวบ่าวรับใช้ในจวนพุ่งเข้าหาศาลา ราวกับจะพุ่งเข้าใส่นาง
“คุณหนูไป๋! ระวัง”
สวี่จื่อเฟิงขยับตัวโดยไม่ทันคิด ดาบในมือถูกเหวี่ยงออกไป เฉียบขาดและแม่นยำ พุ่งเฉียดใบหน้าของชายผู้นั้นเพียงเสี้ยวชั่วขณะก่อนจะฝังลึกลงกับพื้นไม้
ชายคนนั้นผงะถอยหลัง สายตาตื่นตระหนก แล้วรีบวิ่งหนีออกไป ทหารเวรรีบเข้ามารวบตัวไว้ได้ทัน เสียงโกลาหลเริ่มดังขึ้นทั่วลาน ก่อนที่ชายผู้นั้นจะตัดสินใจปลิดชีพตัวเองเพื่อไม่ให้สาวไปถึงผู้บงการอยู่เบื้องหลัง
“เขาเป็นใครกัน จะทำร้ายข้าทำไม” นางกล่าวอย่างเสียขวัญ ใบหน้ายังตื่นเล็กน้อย ดวงตากวาดมองไปยังผู้ที่ขว้างดาบช่วยนางไว้
สวี่จื่อเฟิงหันหลังเดินกลับไปทางลานฝึก
พยายามจะกลืนตัวเองกลับไปในเงามืดที่จากมา ไม่อยากให้ภารกิจของตนล้มเหลว
ไป๋ซืออวี่จ้องมองแผ่นหลังของเขานิ่งนาน
สายตานางเต็มไปด้วยคำถาม แม้เขาจะแต่งกายเปลี่ยนไป แต่แววตาคู่นั้น วูบหนึ่งเมื่อสบตากัน ช่างเหมือนกับชายที่นางเคยช่วยไว้ในป่านั้นไม่มีผิด
“เจ้าเป็นอะไรหรือไม่” จางฮูหยินผู้มีศักดิ์เป็นป้าสะใภ้เอ่ยถาม
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ข้าต้องขอตัวกลับไปที่เรือนก่อน” นางขอตัวกลับไปด้วยความกังวล นางไม่มีศัตรูที่ไหนจึงไม่เข้าใจว่าเหตุใดจึงมีคนจ้องเล่นงาน
************************