ตอนที่ 6 คนไม่ใช่ ทำอะไรก็ผิด [2]
เวลา 10.00 นาฬิกา ณ รีสอร์ทหรูระดับห้าดาวทางภาคใต้
“ใครเป็นคนจัดการเรื่องที่พัก” ชายหนุ่มถามขึ้นหลังจากเดินเข้ามาหย่อนกายลงนั่งบนเตียงหรู จากสภาพห้องพอจะเดาได้ว่าราคาไม่น้อยทีเดียว นี่เธอคงไปอ้อนแม่เขาอีกแน่ๆ
“ทรายไม่ทราบค่ะ” เธอตอบ ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ เขาถึงถาม ทั้งๆ ที่น่าจะรู้อยู่แล้ว
“เฮอะ! โกหกหน้าตาย” เขาสบถ
“คุณอิชย์ เราจะกลับกันก็ได้นะคะ” หญิงสาวชักหมดความอดทน ถ้าเป็นแบบนี้เธอคิดว่าการมาเที่ยวครั้งนี้คงไม่ใช่เรื่องน่าสนุก ตั้งแต่ที่สนามบินเขาไม่คิดใส่ใจจะช่วยถือของแถมตอนนี้ยังมากล่าวหาว่าเธอไปอ้อนมารดาเขาทั้งๆ ที่ถูกบังคับให้มาเช่นกัน
“พูดง่ายแต่ทำยาก” สิ้นเสียงเขาก็เลิกสนใจเธอ หยิบสมาร์ตโฟนออกมา ปล่อยให้เธอเป็นธาตุอากาศในสายตา
ศรัญญาเห็นแบบนั้นก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะเดินออกไปด้านนอก มองวิวทิวทัศน์ยังดีกว่ามองคนใจร้ายที่ต่อว่าเธอเพราะอคติในใจมากกว่าจะมองเห็นความจริง เจ้าของร่างบางเดินกลับเข้ามาอีกครั้ง ตัดสินใจเปลี่ยนชุดว่ายน้ำ สระว่ายน้ำส่วนตัวด้านนอกที่เห็นเมื่อกี้ทำให้อดไม่ได้ที่จะลงไปสัมผัส
“ว้าย” ว่ายไปไม่ถึงสิบห้านาที บางอย่างที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ทางด้านหลังทำเอาเธอเปล่งเสียงกรีดร้องดังลั่น
“คุณอิชย์ ลงมาทำไมไม่บอกก่อนคะ” มือเรียวยกขึ้นทาบอกเรียกกำลังใจพร้อมส่งเสียงต่อว่าคนที่มารบกวนเวลาความสุข
“ทำไม? หรือเธอเป็นโรคชอบอ่อยผู้ชาย” คำถามเต็มไปด้วยความเย้ยหยันจนน้ำตาคนฟังแทบร่วง
“บนนี้ไม่มีใครนี่คะ ทรายไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น” เธอตอบเสียงแข็ง
“งั้นแปลว่ากำลังอ่อยฉัน” ดวงตาคมหรี่ลงถามด้วยท่าทางไม่น่าไว้ใจ
“หยุดคิดอะไรทุเรศๆ เลยนะคะคุณอิชย์” หญิงสาวตอกกลับ ในหัวคงมีแต่เรื่องแบบนี้ตลอดเวลา
“ไม่ให้คิดกับเมียจะให้ไปคิดกับใครล่ะ” เขาว่าพร้อมกับทำท่าจะพุ่งเข้ามา
“อย่ามายุ่งกับทราย” น้ำเสียงที่ตอกกลับไปเต็มไปด้วยความโมโห ไม่เคยเห็นเธออยู่ในสายตาก็ไม่ต้องมายุ่ง
“ไม่เอาน่า เธอลองมองบรรยากาศรอบๆ ดูสิ มันเหมาะกับ...” อิชย์นิ่งไปนิดนึงก่อนจะส่งยิ้มเหี้ยมเกรียมให้เมียแสนขี้อายแต่ดันปากแข็ง
“ทุเรศ! ไปหาคุณวิวสิ” เธอต่อว่ารุนแรง เกลียดนักพวกปากบอกเกลียด การกระทำตรงกันข้าม
“หึ! เธอหึง?”
“ไม่เคยค่ะ” ศรัญญาสวนกลับทันทีจนรอยยิ้มนั้นเริ่มจะหุบลง
“แน่ใจ” ชายหนุ่มย้ำอีกครั้ง น้ำเสียงเต็มไปด้วยความล้อเลียน
“หึงคนที่ไม่ได้รัก ทรายไม่อยากทำให้คุณสมเพชทรายไปมากกว่านี้หรอก” คราวนี้น้ำเสียงของเธอเบาลงจนเขาเองก็ถึงกับนิ่งไป
“ฉันไม่แกล้งเธอแล้ว มาว่ายน้ำแข่งกันดีกว่า” จู่ๆ คนตรงหน้าที่ทำว่าจะเข้ามาก็เกิดเปลี่ยนเรื่องกะทันหัน
“ไม่เอาค่ะ ทรายว่ายน้ำไม่เก่ง” เธอส่ายหน้าปฏิเสธ ดูกล้ามแขนเขาสิ ฟาดเธอทีเดียวคงสลบ ยังกล้ามาท้าแข่งอีก วี่แววแห่งความแพ้พ่ายลอยมาเห็นๆ ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มด้วยซ้ำ
“เถอะน่า แข่งขำๆ จะจริงจังไปทำไม” เขาทำเสียงจิ๊จ๊ะขัดใจแล้วว่ายน้ำเข้ามาใกล้ๆ ก่อนจะจับแขนเรียวแน่น
“จะ...จะทำอะไรทรายคะ?” ศรัญญาถามเสียงสั่น
“จะพาไปตรงนู้น ตกใจอะไร” อิชย์เกือบหลุดขำกับท่าทางของคนขี้กลัว คราวนี้กลับสำรวจเรือนร่างบอบบางได้เต็มสองตาภายใต้น้ำใส เมื่อกี้ตอนเดินออกมาเธอยังใส่ชุดคลุมจึงทำให้เห็นไม่ชัด ต้องยอมรับเลยว่าถ้าเป็นสถานที่สาธารณะเขาคงไม่ยอมให้เธอว่ายต่อแน่ๆ แต่ครั้งนี้มีกันสองคน ดังนั้น ‘ผ่าน’
“ทะลึ่ง” หญิงสาวต่อว่าพลางมองตาเขียว เห็นสายตาที่จับจ้องบนหน้าอกตนเองไม่วางตาก็รู้สึกอาย
“ฉันจดลิขสิทธิ์ความเป็นผัวไว้ ทำไมจะมองไม่ได้” คนหื่นตอบหน้าตาเฉยแถมผิวปากอารมณ์ดี
“...”
“พูดแค่นี้เงียบเลย ตกลงจะแข่งหรือไม่แข่ง ถ้าเธอชนะฉันมีรางวัลให้ แต่ถ้าฉันชนะเธอก็ต้องมีรางวัลให้ฉันเหมือนกันนะ” เขาถามพลางส่งสายตาเจ้าเล่ห์มาให้
“รางวัลอะไรคะ ทรายไม่มี” ศรัญญาพยายามปฏิเสธ
“เธอมีให้ฉันแน่ ถ้าเธอชนะจะขออะไรจากฉันก็ได้” เขาย้ำและเซ้าซี้ต่อ
“ไม่เอาค่ะ ยังไงทรายก็แพ้คุณอยู่ดี” เรื่องอะไรจะตอบตกลง
“ฉันจะต่อให้เธอก่อนนี่ไง” คนมีแผนตอบเมื่อพาเธอเดินมาหยุดอยู่กลางสระ
“ทรายยังไม่ได้ตอบตกลงเลย” เจ้าตัวทำปากยื่น
“ฉันต่อให้แล้ว เลือกเอาแล้วกันว่าจะแข่งหรือไม่แข่ง” สิ้นเสียงเจ้าของร่างสูงใหญ่ก็ว่ายไปถึงขอบสระอีกฝั่ง เตรียมตัวจะลงแข่งขันในเกมส์ที่ตนเองเป็นฝ่ายมัดมือชกทั้งๆ ที่เธอไม่เต็มใจ
“คนบ้า พูดเองเออเอง” ถึงอย่างนั้นศรัญญาก็รีบพุ่งตัวออกว่ายทันทีด้วยกลัวว่าจะเป็นฝ่ายแพ้ เรื่องอะไรจะยอมถูกเอาเปรียบ หญิงสาวรู้สึกว่าเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เธอไม่ทันได้สนใจว่าคู่แข่งอีกฝ่ายถึงจุดไหนแล้ว คิดเพียงว่ายังไงต้องแตะขอบสระก่อนเขาให้ได้
“เธอแพ้” เงยหน้าขึ้นมาอีกทีก็พบว่าอีกฝ่ายหันหลังพิงกับขอบสระพร้อมส่งสายตาเจ้าเล่ห์มาให้ ใบหน้าสวยค้อนคว่ำ เรื่องอะไรเธอต้องเป็นฝ่ายแพ้ด้วย
“คุณอิชย์ขี้โกง”
“อย่ามากล่าวหากันซี้เมียจ๋า เธอก็เห็นว่าฉันต่อให้ก่อนตั้งเยอะ” ผู้ชนะลอยหน้าตอบอย่างคนมีชัย
“ทรายเหนื่อยแล้ว ขอตัวนะคะ” มือเล็กตีน้ำใส่ด้วยความหมั่นไส้ก่อนจะรีบเดินขึ้นจากสระ เธอจะไม่มีวันยอมถูกเอาเปรียบเด็กขาด
“อุ๊ยย!”
“จะไปไหนเด็กดื้อ แพ้แล้วพาลหรือไง” เดินขึ้นมาไม่ถึงสองก้าว ร่างบางก็ถูกสวมกอดจากทางด้านหลัง
“ปล่อยทรายนะคุณอิชย์ ทรายหนาว” หญิงสาวร้องห้ามเสียงสั่น
“หนาวเหรอ พี่ก็กอดทรายอยู่นี่ไง” ไม่พูดเปล่า แก้มเนียนยังถูกขโมยหอมฟอดใหญ่
“...”ความเงียบเข้าปกคลุมพื้นที่ดังกล่าว คำว่า ‘พี่’ ที่คนฟังเองก็ไม่แน่ใจว่าเขาเผลอหรือตั้งใจพูดออกมา แค่นั้นก็ทำเอาหัวใจที่เหี่ยวเฉาพองโตขึ้นมาทันที
“ทำไมเงียบไป?”
“มะ...ไม่มีอะไรค่ะ ทรายขอไปอาบน้ำนะคะ” อิชย์ไม่ทันได้เห็นใบหน้าที่แดงก่ำราวกับลูกตำลึงสุกกับคำถามคล้ายห่วงใยที่นานๆ จะได้รับ
“ขออาบด้วยสิ” เขาขอตรงๆ
“อื้อ...ไม่เอาค่ะ ทรายจะอาบคนเดียว” เธอรีบปฏิเสธ
“อย่าลืมนะว่าเธอแพ้ ดังนั้นฉันมีสิทธิ์เรียกร้องในฐานะผู้ชนะ” ชายหนุ่มหยิบยกความเป็นต่อของตนขึ้นมาเมื่อเห็นว่าหญิงสาวในอ้อมกอดปฏิเสธ
“คนขี้โกง” เธอต่อว่าเสียงเบา
“อย่ามากล่าวหากัน เธอแพ้เห็นๆ ยังไงฉันก็จะอาบด้วย รู้สึกง่วงแล้วเหมือนกัน” สุดท้ายร่างของศรัญญาก็ถูกรวบขึ้นมาในอ้อมกอดพร้อมกับเดินตรงเข้าไปในห้อง โดยที่ไม่มีทางล่วงรู้ความคิดของคนถือไพ่เหนือกว่า ‘คืนนี้เธอไม่รอดแน่’
“คุณอิชย์ ปล่อยทราย” หญิงสาวยังคงส่งเสียงประท้วงไปตลอดทางที่เดินผ่านไปยังห้องน้ำที่อยู่ภายใน
“ไม่ต้องอายน่า ฉันเห็นมาทุกซอกทุกมุมแล้ว”
“บะ...บ้า” เธอต่อว่าในขณะที่ใบหน้าเนียนแดงก่ำราวกับลูกตำลึงสุก
“ยืนนิ่งๆ สิ” ชายหนุ่มสั่งหลังจากพาร่างบางมายืนอยู่ภายใต้ฝักบัวใหญ่ มือหนาจับสายบิกินี่ออกจากไหล่เนียนจนคนเพิ่งรู้สึกตัวตะครุบเอาไว้แทบไม่ทัน
“คะ...คุณอิชย์”
“ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอก แค่จะอาบน้ำให้” เขาดุเมื่อรู้สึกถึงแรงขัดขืน แบบนี้ต้องแกล้งให้เข็ด
“ไม่เชื่อหรอกค่ะ” คนอย่างเขาจะไว้ใจได้แค่ไหน
“พูดไม่เชื่อ งั้นคงต้องทำจริงๆ” ไม่พูดเปล่า ใบหน้าคมทำท่าจะโน้มลงมาจนศรัญญาหดคอหนีแทบไม่ทัน
“อื้อ อย่าค่ะ”
“จริงๆ แล้วเมื่อกี้เธอแพ้ และฉันเป็นฝ่ายต้องได้รางวัลไม่ใช่หรือไง” คนเจ้าเล่ห์ถามหารางวัลจากเกมส์การแข่งขันที่เธอไม่เต็มใจลงแข่งเลยสักนิด
“กะ...ก็ที่พาทรายมาอาบน้ำนี่ไงคะ”
“น้อยไป ฉันต้องการมากกว่านั้น” คำตอบมาพร้อมกับมือหนาทั้งสองข้างที่ยกขึ้นประคองดวงหน้าเรียวสวยเอาไว้ จ้องลึกเข้าไปในดวงตากลมอย่างมีความหมาย ก่อนจะกวาดสายตาไปทั่วร่างที่แม้จะยังมีอาภรณ์ติดกายครบทุกชิ้น ก็ยังไม่อาจซ่อนแรงปรารถนาที่มีอยู่ภายในใจของคนที่เอ่ยปากพูดอยู่เสมอว่า ‘เกลียดแสนเกลียดเธอยิ่งกว่าอะไร’
