ตอนที่ 5 รักไม่ได้ หรือ ไม่ได้รัก [1]
ปัง...ปัง...ปัง
ปุ๋ยสะดุ้งตื่นด้วยความตกใจหลังเคลิ้มไปไม่ถึงห้านาทีก็โดนปลุกอีกรอบจากเสียงหน้าประตูห้อง แต่คราวนี้ไม่ใช่เสียงเคาะธรรมดา ฟังเหมือนเสียงทุบมากกว่า หรือจะเป็นป้าพร แล้วป้าพรจะมีธุระอะไรดึกป่านนี้ สาวใช้คิดก่อนจะเบิกตากว้าง หรือว่าจะเป็นคุณอิชย์ พอหันไปมองคนบนเตียงก็เห็นสีหน้าหวาดหวั่นและส่ายหน้าเบาๆ เป็นเชิงบอกให้รู้ว่า ‘อย่าเปิดประตูเด็ดขาด’
“ปุ๋ย เปิดประตู” ไม่นานเสียงคนมาเยือนก็ดังขึ้น
ชัดเลย! คุณอิชย์มา ชะตาได้ขาดแน่นังปุ๋ย
“คุณทรายคะ” ปุ๋ยกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ ใจก็อยากช่วยคนน่าสงสารข้างๆ อีกใจก็กลัวจะตกงาน
“อย่าเปิดนะคะพี่ปุ๋ย ทรายขอร้อง” เจ้านายสาวขอร้อง อ้อนวอนเสียงสั่น
“ค่ะๆ เดี๋ยวพี่มานะ คุณทรายนอนคลุมโปงไปก่อน” พูดจบสาวใช้ก็เอาผ้านวมเก่าๆ มาปิดบังร่างของเจ้านายสาวเอาไว้พร้อมกับรวบรวมกำลังใจเดินไปเปิดประตู
เอาวะ เป็นไงเป็นกัน
“ทำไมช้าขนาดนี้” พอเปิดออกไปก็เห็นร่างสูงใหญ่ของเจ้านายหนุ่มยืนจังก้าเป็นยักษ์ปักหลั่นอยู่หน้าห้อง
“อะ...เอ่อ พอดีหลับเพลินค่ะ คุณอิชย์มีอะไรให้ปุ๋ยรับใช้คะ” ปุ๋ยตอบเสียงตะกุกตะกัก
“เห็นทรายไหม ทรายมาที่นี่หรือเปล่า?” อิชย์ถามพลางสอดส่ายสายตาเข้าไปภายในห้องเล็ก
“ไม่มี๊ ไม่มีนะคะ ปุ๋ยนอนอยู่คนเดียวค่ะ แหะๆ” สาวใช้ตอบเสียงหวาน กลัวจะถูกจับได้ว่าโกหกก็กลัว
“ถ้าไม่ได้มาหาเธอจะไปที่ไหน ฉันตามหาทั่วบ้าน” ดวงตาคมเข้มหรี่มองอย่างไม่ไว้ใจนัก
“คือ ปุ๋ยไม่รู้จริงๆ ค่า” ปุ๋ยปฏิเสธเสียงดังฟังชัด
“งั้นเธอไปดูให้ฉันหน่อยว่าทรายอยู่ที่ไหน” ชายหนุ่มบอกเนื่องจากเห็นความผิดปกติบางอย่างบนเตียง หางตาเขาเหลือบไปเห็นว่ามีสิ่งมีชีวิตกำลังเคลื่อนไหวอยู่บนเตียงเล็กนั่น
“ตอนนี้เหรอคะ?”
“ใช่ หรืออยากจะโดนไล่ออก” เขาย้ำคำเสียงเข้ม
“อุ๊ย ไม่อยากค่า ไปเดี๋ยวนี้เลยค่า” สิ้นเสียงร่างเล็กของสาวใช้ก็วิ่งออกจากห้องไปอย่างเร็ว คำบัญชาของเจ้านายมีค่ายิ่งสิ่งใด ยิ่งคำขาดว่าไล่ออกส่งผลให้ต้องรีบทำในทันที
“พี่ปุ๋ย” ศรัญญาผุดออกจากผ้าห่มและส่งเสียงเรียกคนเพิ่งวิ่งออกไปเสียงหลง เธอนอนฟังอยู่นานไม่คิดว่าพี่ปุ๋ยจะทำจริงๆ
“หึ! ยอมออกมาแล้วเหรอ” ชายหนุ่มผู้มาเยือนยืนกอดอกถามเสียงเย็นเมื่อเห็นว่าคนที่กำลังล่อให้ออกมาตกใจจนลืมตัว
“คุณอิชย์” หญิงสาวเรียกชื่อคนที่เดินเข้ามาเสียงดัง ตกใจจนแทบอยากจะกระโดดลงจากเตียง
“กลับขึ้นไปข้างบนกับฉันเดี๋ยวนี้!”
“ไม่ค่ะ” เธอจะไม่ยอมกลับไปให้เขารังแกเด็ดขาด
“อย่าทำตัวเป็นเด็กดื้อกับฉันนะ” อิชย์พูดเสียงดังและเดินไปคว้าร่างบางที่เตรียมจะหนีมาไว้ในอ้อมกอดได้ทัน เมื่อถูกจับได้เด็กดื้อทั้งดิ้นและพยายามสะบัดจากอ้อมกอดคนใจร้าย
“หยุดดิ้น”
“ว้าย คุณทราย” ปุ๋ยตกใจอีกครั้งเมื่อวิ่งกลับมาเห็นว่าเจ้านายทั้งสองคนกำลังโต้ตอบกันทางร่างกายสุดฤทธิ์ ตามมาด้วยอาการเสียวสันหลังวาบ
โกหกเจ้านายเต็มๆ เลยนังปุ๋ยเอ๊ย โดนไล่ออกก็คราวนี้
“คุณอิชย์รู้แล้วเหรอคะ” ปุ๋ยเกาศีรษะแกรกๆ แก้เขิน ไม่กล้าสบตาคนทั้งคู่ อีกคนก็ห่วง อีกคนก็กลัว ชีวิตนังปุ๋ยช่างน่าสงสารเหลือเกิน
“โกหกเก่งกันนักนะ โดยเฉพาะเธอปุ๋ย ระวังจะโดนหักเงินเดือน” อิชย์คาดโทษสาวใช้จอมแสบเอาไว้ข้อหาปกปิดความจริง ก่อนจะกึ่งจูงกึ่งลากแม่ตัวดีให้เดินตามไปด้วยกัน โดยไม่สนใจเลยว่าเธอจะเต็มใจไปด้วยหรือเปล่า
“โอ๊ย” ศรัญญาร้องเสียงดังหลังถูกเหวี่ยงลงบนเตียง แม้จะไม่เจ็บแต่แรงเหวี่ยงก็ทำเอาจุก แถมยังเอาร่างกายใหญ่โตของตัวเองมาทาบทับเอาไว้อีก
“คิดว่าจะหนีฉันพ้นเหรอศรัญญา” เสียงเย็นๆ เอ่ยถาม
“คุณอิชย์ต้องการอะไร?” เธอถามตรงๆ รักก็ไม่ได้รักจะมายุ่งวุ่นวายกันทำไมอีก
“ต้องการไม่ให้เมียมีชู้ไง”
“คนปากมอม ใครมีชู้คะ” คราวนี้เธอชักเดือด ความอดทนเริ่มหมด จะใส่ร้ายกันมากเกินไปแล้ว
“กล้าเถียงฉันขนาดนี้ถ้าไม่ใช่แล้วอะไร” เขาเข่นเขี้ยวเด็กปากแข็ง
“ก็เพราะไม่ใช่ถึงเถียงไง คุณมันดีแต่ว่าคนอื่น”
“ศรัญญา” ชายหนุ่มเรียกชื่อหญิงสาวตรงหน้าเสียงดัง
“พอเถอะค่ะ ทรายไม่อยากเถียงกับคุณแล้ว” คราวนี้ความอ่อนแอของเธอก็มาอีกจนได้ น้ำใสๆ ไหลลงมาราวกับเขื่อนทำนบแตก ทำไมเขาต้องคอยหาเรื่องกันตลอดเวลา
“เถียงไม่ออกก็เอาน้ำตามาต่อรอง” เขาว่า แต่ก็ทำในสิ่งที่คาดไม่ถึง ใบหน้าคร้ามคมก้มลงพร้อมกับจูบซับน้ำตาให้เธอแล้วกระซิบแผ่วๆ ข้างใบหู
“นอนกันเถอะ วันนี้ฉันจะยอมเชื่อเธอสักครั้ง”
“คุณอิชย์” เธอเรียกชื่อเขา
“นอนซะ” คนใจร้ายสั่งอีกครั้ง อาการผีเข้าผีออกกำลังครอบงำเขาอีกแล้วสินะ หรือไม่ก็คงแกล้งทำดีเพราะไม่อยากให้เธอไปยุ่งกับคนอื่นด้วยกลัวว่าตัวเองจะเสียศักดิ์ศรีเพราะคำว่าสามีค้ำคอ หญิงสาวคิดด้วยอาการเหนื่อยล้าก่อนจะหลับตาลงด้วยความอ่อนเพลีย
แก้วน้ำส้มถูกยื่นส่งไปให้เจ้าของร่างที่เพิ่งเดินมานั่งลงบนโซฟา บทนางเอกน่าสงสารของเรื่องเจ้าตัวตีบทแตกแบบไม่ต้องเคี่ยวเข็ญให้เสียเวลา ผลงานหลายเรื่องที่ผ่านมาการันตีฝีมือเธอได้เป็นอย่างดี ชายใจหญิงทำหน้าที่ผู้จัดการส่วนตัวดูตั้งแต่คิวงานไปจนกระทั่งอาหารการกิน อยู่ในวงการนี้เป็นธรรมดาที่ต้องรักษารูปร่างให้ดีอยู่เสมอ ขืนปล่อยตัวมีหวังงานหดเงินหายแน่ๆ
“พี่ตี๋คะ” วรดาเรียกชื่อผู้จัดการส่วนตัว สีหน้าเต็มไปด้วยอาการครุ่นคิดบางอย่าง
“พี่บอกหนูแล้วไง ให้เรียกตีน่าลูก” ชายใจหญิงบ่นอุบ ไม่อยากถูกเรียกชื่อเดิมๆ จนลืมสังเกตสีหน้าของดาราสาว
“ช่างเรื่องนั้นก่อนเถอะค่ะ วิวมีเรื่องอยากปรึกษา” หญิงสาวเริ่มส่งเสียงจิ๊จ๊ะขัดใจ
“แล้วหนูมีเรื่องอะไรล่ะฮะ” ตีน่าทำปากยื่น ถึงจะไม่ชอบใจ ยังไงก็ต้องยอมเจ้านายวันยันค่ำ
“วิวชอบคุณอิชย์” วรดาบอกออกไปตรงๆ เล่นเอาคนฟังตั้งตัวไม่ทัน แทบหงายหลังสำลักน้ำที่เพิ่งดื่มเข้าไป
“วะ...ว่าไงนะลูก”
“วิวรู้สึกดีกับเขา ตั้งแต่ที่เราเจอกันครั้งแรกแล้วค่ะ” เธอย้ำอีกครั้ง หวังว่าชายใจหญิงจะเข้าใจตนมากที่สุด
“ไม่ได้นะลูก คุณอิชย์แต่งงานมีภรรยาแล้ว หนูจะคิดแบบนั้นไม่ได้” ตีน่าห้ามเสียงหลง ไม่อยากให้คนที่เฝ้าทะนุถนอมมาตั้งแต่เข้าวงการต้องมีเรื่องเสื่อมเสียผิดศีลธรรมโดยการไปแย่งสามีคนอื่น
“วิวมองออกค่ะว่าเขาสองคนไม่ได้รักกัน” ดาราสาวเถียง เธอประเมินจากสายตาและความรู้สึก วันงานเปิดตัวพรีเซนเตอร์คราวก่อนอีกฝ่ายสนใจเธอมากกว่าคนที่เป็นภรรยาด้วยซ้ำ
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เราอย่าไปยุ่งกับคนมีเจ้าของเลยนะ พี่ไม่อยากให้หนูถูกคนครหา ยิ่งหนูมีภาพลักษณ์เป็นนางเอกแสนดีมาตลอด โอยๆ พี่ไม่เห็นด้วยลูก” ชายใจหญิงเอามือทาบอก เป็นมือที่สามว่าบาปแล้ว ถ้าถลำลึกมากกว่านี้มีหวังอนาคตในวงการดับแน่ๆ
“วิวไม่ได้ยุ่งนะคะ แต่คุณอิชย์มาหาวิวเองต่างหาก” เธอตอบพร้อมรอยยิ้มหวานพร้อมกับหยิบเครื่องมือสื่อสารมาแชทในโปรแกรมไลน์จนคนมองอ้าปากค้าง
“นี่หนูอย่าบอกพี่นะคะว่า...”
“ค่ะ คุณอิชย์คุยกับวิวมาตั้งแต่วันนั้นแล้ว” วรดาหันมาพยักหน้าตอบผู้จัดการส่วนตัวก่อนจะหันไปยิ้มให้กับหน้าจอต่อ
“ตายๆ ตีน่าอยากจะร้องไห้ ทำไมหนูถึงไม่เชื่อพี่เลย” ตีน่าบ่นอุบ อยากจะเป็นลมตรงนั้น ไม่คิดว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะมากกว่าที่ตนคิดไว้
“อ้อ พี่ตีน่าคะ ถ่ายฉากนี้เสร็จวิวจะไปทานข้าวกับคุณอิชย์นะคะ พี่กลับไปก่อนได้เลย” หลังเพิ่งตอบตกลงคำชวนผ่านไลน์ อารมณ์ก็ดีขึ้นมาฉับพลัน แถมเขายังเป็นฝ่ายเอ่ยปากมาชวนก่อน
“เอ่อ...ไม่ให้พี่ไปเป็นเพื่อนหน่อยเหรอคะ?” ตรีภพหรือตีน่าถามด้วยสีหน้าแหยๆ
“ไม่เป็นไรค่ะ วิวอยากคุยกับคุณอิชย์ตามลำพังมากกว่า วิวไปเข้าฉากก่อนนะคะ” พูดจบดาราสาวก็ลุกออกไป ปล่อยให้ผู้จัดการใจหญิงมีสีหน้าอึ้งๆ พูดไม่ออก บอกไม่ถูก
“หนูวิว เตือนยังไงก็ไม่ฟังพี่เลย” เมื่อเตือนไม่ได้ก็ได้แต่บ่นไปตามหลัง ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาจริงๆ นังตีน่าคนนี้ไม่ตามแก้ข่าวให้จนสายโทรศัพท์ไหม้เลยเหรอเนี่ย
